Chapter 9
ลูกสมุนของพัคคยองอุนต่างกรูตรงเข้าตะลุมบอนทันที ร้อยโทกู้เจิ้นหนานเพ่งเล็งไปที่พัคคยองอุน ก่อนจะวิ่งผ่าการตะลุมบอนตรงเข้าไปเป้าหมาย ซึ่งมันรอจะดวลตัวต่อตัวกับทหารหนุ่มอยู่แล้ว และพอเข้ามาในระยะใกล้พอตัว ร้อยโทกู้เจิ้นหนานเหวี่ยงง้าวในมือเข้าโจมตีในทันที ทว่าพัคคยองอุนไม่ใช่คนที่จะจัดการได้โดยง่าย มันยกขวานขึ้นปัดป้องคมง้าวของร้อยโทกู้เจิ้นหนานได้หลายครั้ง และในจังหวะหนึ่งที่ทหารหนุ่มชักง้าวพร้อมถอยหลัง พัคคยองอุนก็เหวี่ยงขวานใส่อีกฝ่ายทันที
ตัวขวานถูกเหวี่ยงเข้าด้านข้างตามแรงเหวี่ยงของโซ่ ที่อยู่บนข้อมือของพัคคยองอุน ทว่ายังไม่ทันที่ขวานจะได้สัมผัสเลือดศัตรู มีบางสิ่งเข้ามาขัดขวางเอาไว้ มันกระท้อนขวานกลับไปหาเจ้าของ พัคคยองอุนเบี่ยงหลบเล็กน้อย พลางแสดงสีหน้าฉุนเฉียวออกมา แต่ก็ยังไม่ได้เอ่ยปากถามว่าใครที่เข้ามาขวาง มันก็เกือบได้ประทับรอยจูบบนรองเท้ายื่นใส่หน้า พัคคยองอุนรีบก้มตัวหลบได้แบบทันท่วงที และเจ้าของลูกถีบก็คือคณณัฐ์นั่นเอง ด้านพัคคยองอุนก็เหวี่ยงขวานใส่เด็กหนุ่มแบบไม่ให้ตั้งตัว แต่เดชะบุญคณณัฐ์ใช้หอกขึ้นมากันไว้ทัน ทำให้เขาแค่เซไถลไปด้านข้างเท่านั้น
ปรมัตถ์หันมาเห็นพอดีจึงวิ่งฝ่าดงศัตรู เข้าไปช่วยคณณัฐ์ที่เกือบถูกขวานฟันข้างหลัง เขากระโดดถีบใส่หน้าสมุนพัคคยองอุน จากนั้นก็ใช้มือขวาจับเพื่อนให้ลุกขึ้น "ขอบใจ" คณณัฐ์ยังจับจ้องไปที่พัคคยองอุน ซึ่งตอนแรกตั้งใจจะจัดการกับทั้งสอง แต่ถูกร้อยโทกู้เจิ้นหนานเข้ามาขัดขวาง มันจึงหันไปเล่นงานอีกฝ่ายแทน ปรมัตถ์เห็นท่าทางของคณณัฐ์จึงพอรู้ว่า เพื่อนต้องการดวลกับพัคคยองอุน
"ปล่อยให้หมวดจัดการเถอะ เราต้องไปต่อ" ปรมัตถ์หันมาพูดกับคณณัฐ์ "ฉันจะไปด้านในแล้วนายจะไปด้วยไหม"
คณณัฐ์ยอมละสายตาจากพัคคยองอุน "ถึงไหนถึงกันวะ บอม"
เมื่อเพื่อนตอบตกลงทั้งสองก็พากันหันมาช่วย ไล่จัดการศัตรูที่ขวางทางโดยมีจุดหมายคือ บานประตูถัดไป ฝั่งร้อยเอกหลิวเสี่ยวเสี่ยวหันมาเห็นสองยุวชนทหารกำลังตรงไปที่ประตู ซึ่งเธอเชื่อว่ามันจะเป็นทางเข้าสู่เซฟเฮ้าท์ อันเป็นที่ซ่อนตัวของวลาดีมีร์ได้ เธอสั่งให้ทหารในทีมช่วยกันเปิดทางให้ทั้งสอง และจัดการศัตรูให้หมดส่วนพัคคยองอุนปล่อยให้เป็นหน้าที่ของร้อยโทกู้เจิ้นหนาน
เจ้าพัคคยองอุนเห็นพอดีว่ามีคนกำลังจะเข้าไปในเซฟเฮ้าท์ มันจึงรีบหันมาจะเล่นยุวชนทหารทั้งสอง แต่ร้อยโทกู้เจิ้นหนานก็ร่ายรำเพลงง้าว เข้ามาปัดป้องคมขวานไม่ให้ไปถึงตัวปรมัตถ์กับคณณัฐ์ จนในที่สุดทั้งสองก็หายเข้าไปในบานประตูได้สำเร็จ สร้างความเกรี้ยวกราดให้กับพัคคยองอุนอย่างมาก มันเปร่งพลังภายในออกมาทำให้ทุกคนรู้ว่า พลังของมันคือไฟธาตุอัคคีนั้นเอง ร้อยโทกู้เจิ้นหนานคิดว่าตนก็ต้องเอาจริงแล้วเช่นกัน
"วันนี้มึงตาย ! ...." พัคคยองอุนตวาดลั่นด้วยเสียงเกรี้ยวกราดหาใครมาทัดเทียมไม่ได้
ทว่าร้อยโทกู้เจิ้นหนานไม่ได้มีท่าทางหวั่นเกรงแต่อย่างใด เจายกง้าวขึ้นเตรียมที่จะสู้ต่อตัวต่อกับพัคคยองอุน
"เข้ามาเลย ไอ้สารเลว"
+++++++
ฝั่งทีมสิบเอกแอนโทนี่สามารถเข้ามายังห้องผ่าตัด ซึ่งใช้สำหรับผ่าตัดเอาอวัยวะไปขายในตลาดมืด ข้างในนี้พวกเขาจะเจอกล่องกักเก็บความเย็น เพื่อใช้รักษาสภาพของอวัยวะดังกล่าว แถมยังกล่องมีอวัยวะภายในบรรจุอยู่ ไม่ว่าจะเป็นหัวใจหรือตับเป็นต้น แม้กระทั่งดวงตาก็มีร่วมอยู่ด้วย ทหารบางคนกำหมัดแน่นเพราะรับไม่ได้กับภาพที่เห็น ปกรณ์วุฒิเดินไปสำรวจตรงฝั่งขวามือพบเป็นห้องผ่าตัดที่มีสภาพดี เหมือนกับห้องผ่าตัดในโรงพยาบาลไม่มีผิด
"ตรงนี้มันคงใช้เป็นห้องผ่าตัด" ปกรณ์วุฒิหันมาบอก
"งั้นเราต้องหาผู้รอดชีวิตและหาเจ้าของห้องนี้" สิบเอกแอนโทนี่พูด "มันคงหนีจากนี้ไม่ได้หรอก"
"หรือไม่ก็อาจโดนฆ่าปิดปาก" บุญธรกล่าวลอย ๆ ออกมา เขายืนอยู่ตรงมุมซ้ายสุดของห้องบรรจุอวัยวะ "ทุกคนมาดูนี้สิ"
ทั้งหมดเดินมาดูที่บุณธรยืนอยู่ก็ต้องพากันเบิกตาโตด้วยความตกใจ เพราะภาพที่พวกเขาเห็นคือศพหลายคนกองร่วมไว้ โดยมีคราบน้ำมันอยู่บนศพ บุญธรคิดว่าคนเหล่านี้อาจเป็นลูกมือของหมอที่รับงานผ่าตัด แล้วจำเป็นต้องฆ่าปิดปากและคงคิดทำลายหลักฐาน แต่คงทำกันไม่ทันเพราะถูกเรียกให้ไปสู้กับหน่วยคอมมานโดของกรมตำรวจเสียก่อน ครู่ต่อมามียุวชนทหารคนหนึ่งในทีมเจออีกห้องหนึ่ง
"ทุกคน มาดูนี้เร็ว !"
ทั้งหมดต่างพากันตามมาดูอีกฝั่งหนึ่งมันเป็นห้องติดกัน และมันคือห้องสำหรับคนป่วยแต่ในกรณีนี้ มันคือห้องรอเชือดเสียมากกว่า ที่สำคัญภายในห้องยังมีผู้รอดชีวิตอยู่ และมีบางคนต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที สิบเอกแอนโทนีหันมารายงานวิทยุพอดีกับมีเสียงของตกดังขึ้น พร้อมกับเงาใครบางคนวิ่งหนีออกมาจากที่ซ่อนตัว และกำลังจะวิ่งไปยังทางออกอีกทาง
ทว่าปกรณ์วุฒิลงมือเร็วกว่าเขาใช้กำไลเหล็ก พุ่งออกไปพันรอบขาของอีกฝ่ายที่กำลังหนี จากนั้นเขาก็ควบคุมกำไลลากบุคคลปริศนากลับมาทางพวกตน ซึ่งบุคคลปริศนาคนนี้เป็นชายที่อายุประมาณสามสิบแปดถึงสามสิบเก้า ไม่มีผมบนศีรษะทั้งที่ยังหนุ่มยังแน่น ชายคนนี้สวมชุดหมอเตรียมผ่าตัด วินาทีนั้นเองที่ยุวชนทหารนาม สกรรจ์ โกรธเลือดขึ้นหน้า ถึงกับปล่อยลูกเตะเสยคางอีกฝ่าย ส่งผลให้ทั้งฟันเลือดและน้ำลาย ฟุ้งกระจายกลางอากาศก่อนชายคนนั่นจะล้มหงายท้อง บุญธรรีบเข้ามาห้ามปรามเพราะเห็นว่า สกรรจ์จะกระทืบอีกฝ่ายระลอกสอง
"พอได้แล้ว เดี๋ยวมันก็ตายหรอก" บุญธรปราม "แค่ลูกเตะนายมันก็สลบแล้ว"
"มันสมควรแล้วนี่ !" สกรรจ์พูดเสียงเดือดดาล "เห็นชีวิตคนอื่นเป็นอะไรวะ สารเลวเอ้ย" เขาถ่มน้ำลายใส่ชายตรงหน้าเชิงเหยียดหยาม
"พอได้แล้ว หมอนี้อาจเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ อย่าพึ่งทำลายเด็ดขาด" สิบเอกแอนโทนีพูดและหันมาบอกคนข้าง ๆ ให้ช่วยถ่ายรูปชายคนนี้หน่อย
หลังจากถ่ายรูปและส่งให้ฐานข้อมูล จึงพบว่าชายที่นอนอยู่บนพื้น แท้จริงแล้วมันมีชื่อว่า ฟิลลิป เบอร์บรูค อดีตนักศึกษาแพทย์จากมหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศอาเทนน่า แต่ถูกไล่ออกเพราะไปเกี่ยวข้องกับเรื่องผิดกฎหมาย ในข้อมูลยังระบุด้วยว่า ฝีมือด้านการผ่าตัดของฟิลลิปเข้าขั้นระดับอัจริยะเลยทีเดียว หลังโดนไล่ออกก็มีการพบเบาะแสหลายอย่าง ที่บ่งชี้ว่าฟิลลิปเกี่ยวพันการค้าอวัยวะมนุษย์ และยังมีการทำการทดลองกับชนเผ่าพื้นเมืองอย่าง เผ่าโอเมก้า ที่ว่าบุรุษในชนเผ่านี้สามารถตั้งครรภ์ได้ ล่าสุดทางตำรวจมือปราบทางอาเทนน่า ได้มีการออกหมายจับฟิลลิปแล้วโดยประสานงานกับตำรวจสากลอีกที
"เดี๋ยวนะ หมายความว่ามันจะไม่ได้รับโทษจากฝั่งเรางั้นหรือ" สกรรจ์ถาม "ทั้งที่มันก่อเรื่องในบ้านเรา"
"ไม่ใช่เรื่องที่เราจะตัดสินใจได้" สิบเอกแอนโทนี่ตัดบท
"แต่..."
"ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเบื้องบนเถอะเพื่อน" ปกรณ์วุฒิหันมาบอกสกรรจ์
"เข้าใจแล้ว"
สิบเอกแอนโทนี่รายงานทุกอย่างผ่านวิทยุ ซึ่งทางศูนย์บัญชาการได้ตอบกลับว่า จะมีทีมเสริมพร้อมด้วยทีมแพทย์ฉุกเฉิน กำลังจะเข้าไปช่วยพลเรือนที่อยู่ข้างในนั้น ระหว่างนี้ทีมของสิบเอกแอนโทนีทำหน้าคุ้มกัน และคุมตัวฟิลลิป เบอร์บรูคอย่าให้หนีไปไหนได้เด็ดขาด บุญธรจึงใช้กุญแจล็อคตัวฟิลลิป โดยเอาไปผูกกับเตียงเหล็กที่อยู่ข้าง ๆ แทน ทว่าในนาทีต่อมานั้นเอง
บึ้ม !
เสียงระเบิดกัมปนาทดังก้องพร้อมกับส่งแรงสั่นสะเทือนมาถึงฝั่งที่บุญธรกับปกรณ์วุฒิอยู่ แต่สิ่งที่ทั้งสองสัมผัสได้คือสองสหายรบ อย่างปรมัตถ์กับคณณัฐ์มากกว่า มันต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับทั้งสอง ฝั่งสิบเอกแอนโทนีก็เหมือนจะรู้ความคิดของทั้งสองดี และอีกประการเขารู้ดีว่าสองคนนี้มีฝีมือไม่ธรรมดา ควรเป็นประโยชน์ในการบุกทำลายแก๊งขวานชิ่ง มากกว่าจะมาอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำไป สิบเอกแอนโทนี่เดินมาตบไหล่บุญธรกับปกรณ์วุฒิเบา ๆ
"ทางนี้พวกเราจัดการกันเองได้ นายสองคนรีบไปช่วยเพื่อนเถอะ" สิบเอกแอนโทนี่พูด
"มันจะดีเหรอรุ่นพี่" ปกรณ์วุฒิถามเสียงลังเลพอสมควร
"อะไรกัน ไม่เชื่อฝีมือพวกเราหรือไง" สกรรจ์พูดขึ้น
"ไม่ใช่แบบนั้นเว้ย แต่...."
"นายสองคนฟังนะ" สิบเอกแอนโทนี่พูดขึ้น "ถึงพวกฉันจะไม่ได้รับพรลูกแก้วฟีนิกซ์ แต่มันไม่ได้หมายความว่าฝีมือพวกฉันจะกระจอก จนถูกเล่นงานหรอกนะ"
เมื่อเห็นแววตาอันจริงจังของแต่ละคน บุญธรกับปกรณ์วุฒิจึงเคารพการตัดสินใจของฝั่งตรงข้าม และพากันวิ่งออกไปด้านนอกโดยมีเสียงของสกรรจ์ดังไล่หลังมาว่า
"ฝากกระทืบพวกมันด้วย"
++++++++
วลาดีมีร์ไม่อาจทนรอความช่วยเหลือจากสุธนอีกต่อไป เพราะนาทีนี้ตนรู้แล้วว่าฝั่งตรงข้ามได้ตัดหางปล่อยวัดตนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และมันคงเตรียมหบักฐานโบยความผิดให้ตน คิดดังนั้นวลาดีมีร์กับลูกน้องคนสนิทอย่าง เลนิน รีบหาทางหนีทีไล่เพื่อออกจากที่นี้ ทว่าก่อนที่ทั้งสองจะขยับไปไหน เสียงโวยวายก็ดังมาแต่ไกลโดยหนึ่งในสมุนแก๊งวานซิ่งตะโกนบอกกัน "มีคนบุกรุกเข้ามา" ทันทีที่ได้ยินแบบนั้น สีหน้าของนักธุรกิจหนุ่มเจ้าของสมญา "ธุรกิจใจบุญ" ถึงกับซีดเผือกในทันที
"รีบหนีกันเถอะ บอส" เลนินเรียกสติและรีบดึงตัววลาดีมีร์ให้ไปทางประตูฉุกเฉิน ซึ่งมันจะมีรถคันหนึ่งจอดอยู่
ทว่ายังไม่ทันที่จะขยับตัวไปไหน ประตูทางเข้าเซฟเฮ้าท์ก็พังทลายลง พร้อมกับการปรากฏตัวของผู้บุกรุกในชุดทหาร ปรมัตถ์กับคณณัฐ์นั่นเอง สายตาของปรมัตถ์แสดงชัดเจนว่าพุ่งเป้าไปที่วลาดีมีร์ ด้านเลนินก็รีบคว้าปืนพกออกมาแต่ก็ช้าไป เลนินถูกหอกของคณณัฐ์เข้าจัดการจนล้มลงไปนอนกับพื้น วลาดีมีร์ใส่ตีนหมาวิ่งหนีเอาตัวรอดแต่ปรมัตถ์เร็วกว่า ไม่ถึงหนึ่งวิเขาก็โผล่มาดักทางหนีอีกฝ่าย พร้อมกับแจกกำปั้นอัดเข้าหน้าฝั่งตรงข้าม แรงหมัดทำให้วลาดีมีร์ล้มหงายท้องกระแทกพื้น
ปรมัตถ์ไม่หยุดแค่นี้เขาขึ้นคร่อมวลาดีมีร์ และกระหน่ำรัวหมัดขวาอัดหน้าไม่ยั้ง ด้านคณณัฐเห็นว่าถ้าปล่อยไว้ วลาดีมีร์ได้ตายคาหมัดปรมัตถ์แน่ จึงรีบเข้ามาห้ามด้วยใช้ด้ามหอกล็อกตัวเด็กหนุ่มและดึงตัวขึ้น ปรมัตถ์ไม่พอใจมากจึงหันมาต่อว่าอีกฝ่าย
"ห้ามฉันทำไมว่ะ ไอ้สารเลวนี้มันสมควรตาย" เขาพูดเสียงเดือดดาล
คณณัฐ์ยังไม่ทันจะพูดอะไรดวงตาเขาเบิกโต เมื่อเห็นร่างเงาใหญ่อยู่ด้านหลังปรมัตถ์
"บอม หลบ !"
++++++++