Chapter 10
ปรมัตถ์เองก็สัมผัสได้ถึงอันตรายเช่นกัน ทำให้ เบี่ยงหลบขวาอย่างรวดเร็วในเสี้ยววินาที เด็กหนุ่มรอดพ้นจากคมขวานเส้นยาแดง คณณัฐ์พุ่งตัวโจมตีด้วยการแทงหอกไปที่ศัตรู ทว่ามันกลับถอยหลังเพื่อหลบปลายหอก ที่อีกนิดเดียวก็จะแทงเข้ากลางอก ปรมัตถ์หมุนตัวมายืนข้างคณณัฐ์ทั้งสองไม่คาดคิดว่า จะได้เจอกับศัตรูที่เคยปรากฏแค่ภาพถ่ายบนหน้าจอ โอโตฮวาเป็นชายสูงใหญ่และกำยำ ซึ่งหากวัดส่วนสูงดูเด็กหนุ่มสูงแค่เท่าเอวของโอโตฮวาเท่านั้น ที่แขนขวาของมันคือขวานเล่มใหญ่ ซึ่งมันถูกเย็บเชื่อมติดกับผิวเนื้อเอาไว้ ตรงใบขวานซุ่มไปด้วยเลือดที่ยังสดใหม่อยู่
"ฝีมือมึงสินะ" โอโตฮวาพูดเมื่อหันมาเห็นสภาพของวลามีดีร์ที่ใบหน้าซุ่มไปด้วยเลือดและที่กำปั้นของปรมัตถ์ด้วย
"เออ กูเอง" ปรมัตถ์ตอบ
โอโตฮวาจ้องมองปรมัตถ์สลับกับมองคณณัฐ์ มันหัวเราะอยู่ในลำคอเชิงหมิ่นหยาม "ในเมื่อมึงสองตัวรนหาที่ตาย กูก็จะสนองให้"
ไม่กี่อึดใจต่อมาเหล่าสมุนแก๊งขวานซิ่งก็ทะลักเข้ามา ภายในพริบตาปรมัตถ์กับคณณัฐ์ก็ตกอยู่ในวงล้อมศัตรู แน่นอนว่าคณณัฐ์ยกหอกเตรียมสู้ ส่วนปรมัตถ์ยังจ้องโอโตฮวาไม่วางตา ฝั่งวลาดีมีร์ที่หมดสภาพ ก็ถูกสมุนโอโตฮวาช่วยลากตัวออกไป ดูเหมือนว่าผลงานเมื่อครู่ของเขาจะเข้าตากรรมการอย่างโอโตฮวา เพราะจิตสังหารได้แผ่ขยายมาทางเขาอย่างชัดเจน ไม่มีการส่งสัญญาณบอกล่วงหน้า พวกมันก็พุ่งเข้ามาจู่โจมทั้งสองทันที ปรมัตถ์ตอบโต้กลับอย่างรวดเร็วด้วยพลังวายุส่งผลให้พวกมัน ปลิวกระเด็นลอยออกไปกลายเป็นจุดความสนใจของโอโตฮวามากขึ้นไปอีก คณณัฐ์เองก็สัมผัสได้ว่าทั้งปรมัตถ์กับโอโตฮวา คงอยากดวลตัวต่อตัวจึงรู้ดีว่าไม่ควร "เกะกะ"
"เอาชนะมันให้ได้นะ" คณณัฐ์พูด
"อืม" เขาตอบรับ
คณณัฐ์พุ่งตัวเข้าโจมตีใส่พวกแก๊งขวานซิ่งทันที โดยเขาวิ่งผ่านโอโตฮวาไปอย่างง่ายดาย เพราะชายร่างใหญ่มันเลือกเหยื่อแล้ว ซึ่งปรมัตถ์เองก็อยู่ในท่าเตรียมสู้ นับว่าเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจอย่างมากสำหรับโอโตฮวา เพราะปกติแล้วใครก็ตามที่เจอกับมันผู้ที่มีร่างกายสูงใหญ่ ก็ย่อมจะกลัวหัวหดความกล้ามลายหายสิ้น โดยที่ยังไม่ทันจะได้ริมรสคมขวานที่แขนขวาเลย ทว่ากับศัตรูคนนี้แตกต่างจากที่เจอมานอกจากจะไร้ซึ่งความกลัวแล้ว แถมกล้าบ้าบิ่นเข้ามาสู้ตัวต่อตัวอีกต่างหาก
แต่ถึงกระนั้นโอโตฮวาก็ใช้มือขวานฟันใส่ปรมัตถ์ทันที ฝ่ายปรมัตถ์ใช้แขนซ้ายยกขึ้นมากันได้ทันเวลา ทำให้คมขวานกระทบกับเกราะแขนแทน และใช้ฝ่ามือขวาโจมตีกลางลำตัวของโอโตฮวา พริบตานั้นร่างสูงใหญ่ก็ปลิวกระเด็นถอยรูดไปหลายก้าวเลยทีเดียว สร้างความตกตะลึงให้กับสมุนของมันพอสมควร เช่นเดียวกับโอโตฮวาที่ไม่เคยคิดว่า ในชีวิตนี้จะได้เจอกับศัตรูที่ต่อกรกับมันได้ แต่ก็ไม่ได้มีจังหวะในการตกใจมากนัก เพราะปรมัตถ์วิ่งเข้ามากระโดดแทงเข่าซ้ายหมายอัดตรงบริเวณใบหน้า เดชะบุญที่ชายร่างใหญ่ใช้แขนซ้ายยกขึ้นมากันเอาไว้ได้ พร้อมโต้กลับด้วยมือขวานฟันเป็นแนวนอน ปรมัตถ์ใช้พลังวายุหยุดคมขวานกลางอากาศเอาไว้ได้
สำหรับโอโตฮวาแล้วเป็นเรื่องยากมาก ที่จะใช้พละกำลังในการต้านแรงลม อันเกิดจากพลังของปรมัตถ์ที่สร้างขึ้น เพื่อขัดขวางไม่ให้ขวานของโอโตฮวามาถึงตัวเขาได้ ระหว่างที่กำลังประชันพละกำลังกันอยู่ สมุนของโอโตฮวาคนหนึ่งมันเห็นว่า เจ้านายกำลังตกที่นั่งลำบากจึงไม่รอช้า วิ่งตรงมาข้างหลังปรมัตถ์และฟาดขวานลงกลางหลังทันที ความเจ็บแล่นขึ้นสมองมาสองนาทีก่อนที่ทหารหนุ่ม จะแทงศอกขวาอัดเข้าหน้าเจ้าคนที่ลอบกัดเขา
"บอม !" คณณัฐ์หันมาเห็นพอดีจึงใช้หอกแทงสมุนของโอโตฮวาทันที แล้วมาช่วยปรมัตถ์ให้ยืนขึ้น
"ฉันไม่เป็นไร" ปรมัตถ์บอกกับสหายรบของตน "ฉันยังลุยไหว"
"หึ ! อวดดีนักนะมึง" โอโตฮวาเตรียมจะเข้าไปหาปรมัตถ์ หมายจะใช้แขนขวานสะบั้นคอให้ขาด
บึ้ม !
เสียงระเบิดดึงดูดความสนใจของทุกคนไม่เว้นแม้แต่กับโอโตฮวา พอดีกับมีสมุนของมันคนหนึ่งวิ่งมาหน้าตื่นเพื่อรายงานว่า โรงงานผลิตยาเสพติดและรวมไปถึงคลินิกของฟิลลิป ถูกหน่วยรบ Silver Dagger ทำลายไปหมดแล้ว ปรมัตถ์รับรู้ผ่านเส้นผูกวิญญาณว่า หลี่ชิงชิงกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ ขณะเดียวกันปรมัตถ์กับคณณัฐ์ ก็ได้ยินโทรจิต ที่ส่งมาจากบุญธรกับปกรณ์ซึ่งกำลังจัดการสมุนโอโตฮวา เพื่อมาช่วยสหายรบทั้งสอง
ส่วนโอโตฮวาที่ได้ยินว่าแหล่งผลิตกำไรถูกทำลาย ก็ถึงกับมีเส้นเลือดเต้นฝุด ๆ บนขมับอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะหันมาทางปรมัตถ์ด้วยสายตากินเลือดกินเนื้อ ด้านคณณัฐตัดสินแยกกับปรมัตถ์ เพื่อให้สมุนของโอโตฮวามุ่งความสนใจมาทางเขาคนเดียว ปล่อยให้ปรมัตถ์ได้สู้กับโอโตฮวาตัวต่อตัว
"มึงทำแสบไว้มากนะ ไอ้หนู" โอโตฮวาพูดกัดฟันกรามด้วยความโกรธ "มึงต้องชดใช้"
"มึงนั่นแหละ ที่ต้องชดใช้ !"
พุ่งเข้าโจมตีใส่โอโตฮวาอีกครั้ง แต่รอบนี้ชายร่างใหญ่ใช้สองแขนยกขึ้นมากันเอาไว้ได้ และสะบัดร่างของทหารหนุ่มกระเด็นออกไป ซึ่งปรมัตถ์ยังไม่ทันที่จะตั้งตัวได้โอโตฮวาก็เข้ามาในระยะประชิด พร้อมใช้ท่อนแขนซ้ายอันทรงพลังอัดกระแทกปรมัตถ์เต็มแรง เขาสัมผัสได้ว่ามันอัดไปด้วยพลังมหาศาล ส่งผลให้เด็กหนุ่มกระเด็นทะลุกำแพงออกไป พอดีกับที่บุญธรและปกณ์วุฒิมาถึง พร้อมกับพากันวิ่งไปช่วยคณณัฐ์ที่กำลังรับมือกับศัตรู
"ไอ้บอมล่ะ" บุญธรถามขึ้น
"อยู่โน้น" คณณัฐ์ตอบ
สองยุวชนทหารหันไปทางขวามือ เห็นปรมัตถ์พุ่งทะลุกำแพงกลับเข้ามา และรัวหมัดวายุใส่โอโตฮวาไม่ยั้ง จนชายร่างใหญ่เซถอยรูดไปหลายก้าว บุญธรที่เห็นแบบนั้นก็รู้สึกนับถือในความบ้าบิ่นบ้าระห่ำของปรมัตถ์
"อีกไม่กี่นาทีทีมจ่าสิบเอกแลนเดน คงใกล้มาถึงบริเวณที่เราอยู่" ปกรณ์วุฒิตอบ
"งั้นระหว่างนี้ถ่วงเวลาให้ได้มากที่สุดละกัน" คณณัฐ์พูด
+++++++
พัคคยองอุนปลิวกระเด็นชิดกระแทกกับกำแพงอย่างจัง มันสำลักเลือดออกมาและจับจ้องไปที่ศัตรูเบื้องหน้า ร้อยโทกู้เจิ้นหนานแผ่จิตสังหารออกมารุนแรง จนแม้แต่คนโรคจิตยังต้องสะพรึง ตลอดการต่อสู้ตัวต่อตัวแสดงให้เห็นว่า ขวานคู่ติดโซ่ของพัคคยองอุน แทบไม่ระคายผิวของร้อยโทกู้เจิ้นหนานได้เลย เทียบกับพวกตำรวจมือปราบหลายคน ที่มันลงมือสังหารไปมากมาย ทหารคนนี้คือศัตรูที่รับมือยากที่สุด ทว่าถึงกระนั้นมันก็ขอสู้ต่อ พัคคยองอุนลุกขึ้นและตั้งท่าเตรียมสู้
"ยังคิดสู้ต่องั้นหรือ" ร้อยโทกู้เจิ้นหนานถามขึ้น เขาไม่ยอมลดง้าวลง "มอบตัวดีกว่า เพราะยังไงมึงก็คงไม่รอด"
พัคคยองอุนถ่มน้ำลายปนเลือดลงพื้น
"กูยอมตายเสียยังจะดีกว่า" พัคคยองอุนพูด
"ได้ !"
และแล้วทั้งสองก็พุ่งตัวเข้าห่ำหั่นกันอีกครั้ง พัคคยองอุนหวดฟาดขวานทั้งสองด้วยความบ้าคลั่ง แต่ร้อยโทกู้เจิ้นหนานก็สามารถปัดป้องได้ทุกรอบ ราวกับว่าเขาอ่านทิศทางการโจมตีของฝั่งตรงข้ามออกทั้งหมด เมื่อทหารหนุ่มเจอช่องว่างในการโต้กลับ ร้อยโทกู้เจิ้นหนานก้มตัวหลบขวาน และตวัดง้าวออกไปเป็นแนวนอนไปที่ขาของพัคคยองอุน
ฉับ !
ตามด้วยเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ขาขวาของพัคคยองอุนกระเด็นออกจากร่าง พร้อมเลือดกระจายฟุ้งกลางอากาศ เสียงร้องของพัคคยองอุนทำให้สมุนของมันหลายคน เริ่มจะขวัญเสียและมีบางคนพยายามหนี แต่ถูกพวกสิบตรีโกอึยซองจับกุมไว้ ซึ่งมีบางส่วนยอมทิ้งอาวุธยอมจำนน พอดีกับที่ทีมของจ่าสิบเอกแลนเดนตามมาสมทบ หลี่ชิงชิงที่ตามมาด้วยก็สังเกตว่า ปรมัตถ์กับเพื่อนสามคนไม่อยู่ด้วย ซึ่งเธอก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจเท่าไหร่นัก
ด้านร้อยโทกู้เจิ้นหนานเอาง้าวชี้หน้าพัคคยองอุนอีกครั้ง เพื่อให้โอกาสต่อลมหายใจครั้งสุดท้าย ทว่าคนอย่างพัคคยองอุนคงเลือกความตาย มากกว่าที่จะมีลมหายใจอัปยศจึงพุ่งตัว เข้าไปโจมจีใส่ร้อยเอกหลิวเสี่ยวเสี่ยว แต่ยังไม่ทันจะเข้าถึงตัวเธอ ร้อยโทกู้เจิ้นหนานก็หมุนตัวและควงง้าวตวัด สะบั้นคอของพัคคยองอุนในการฟันเพียงครั้งเดียว หากศัตรูพร้อมเลือกความตาย ร้อยโทกู้เจิ้นหนานก็ยินดีจะมอบความตายให้ สำหรับพวกสิบตรีโกอึยซองแล้ว ร้อยโทกู้เจิ้นหนานเป็นรองหัวหน้าที่เมตตาต่อลูกทีมมาก ทว่าขณะเดียวกันก็มีความโหดไม่ใช่เล่น
ศีรษะของพัคคยองอุนลอยกลางอากาศ ไปตกหล่นลงที่มุมซ้ายของบาร์ คนโบราณเคยบอกว่าแม้อวัยวะอย่างหัวจะหลุดจากร่าง วิญญาณก็ยังไม่ออกจากร่างในทันที ราวกับให้ซึมซับความเจ็บปวดเป็นครั้งสุดท้าย นี้คือสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับพัคคยองอุน ก่อนที่วิญญาณจะหลุดออกจากศีรษะที่ถูกตัดขาดจากร่าง ภาพในอดีตก็ผุดขึ้นมาโสตประสาทของมัน อดีตที่มันพยายามไม่นึกถึงเลยตลอดชีวิตที่ผ่านมา
พัคคยองอุนในวัยเด็กก็เหมือนเด็กทั่วไป ชอบวิ่งเล่นกับเพื่อน ๆ และมีความฝันที่อยากทำเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งความฝันของพัคคยองอุนคือศิลปินวาดภาพเหมือนบิดา ทว่ารสชาติของโลกความจริงมันช่างโหดร้าย หลังบิดาเสียชีวิตกะทันหัน กอปรกับทางบิดาไม่มีญาติที่ไหน จึงเหลือเพียงมารดาที่ทอดทิ้งเขาไปตั้งแต่เด็ก ซึ่งได้แต่งงานใหม่มีน้องต่างบิดาให้พัคคยองอุนสามคน ถึงแม้จะมีที่ซุกหัวนอนแต่สำหรับเด็กอายุเพียงเก้าปี มันคือนรกดี ๆ นี่เอง
เขาถูกทารุณกรรมจากพ่อเลี้ยงและน้องต่างบิดา โดยที่มารดาไม่สนใจใยดีอะไรเขาเลยแม้แต่น้อย พัคคยองอุนกัดฟันอดทนจนกระทั่งเมื่อเติบโตเข้าวัยรุ่น เขาหนีออกจากบ้านและไม่คิดหวนกลับ ซึ่งมารดาก็ไม่เคยออกตามหาเขาอยู่แล้ว ชีวิตที่ต้องเอาตัวรอดตามถนนต่าง ๆ ได้นำพาเขามาเจอกับโอโตฮวาพอดี กลายเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตในโลกสีดำของพัคคยองอุนในที่สุด กาลเวลาต่อมาผู้นำแก๊งขวานซิ่งเรียกตัวโอโตฮวากลับฟรอนเทียร์ พัคคยองอุนจึงได้สร้างชื่อตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย
นั้นคือการไปฆ่าล้างโคตรครอบครัวใหม่ของมารดา หลังจากที่รู้ความจริงว่าสาเหตุการตายของบิดา สามีใหม่ของมารดาคือตัวการเขาจึงสังหารทั้งครอบครัว เหลือไว้แค่มารดาที่ยังมีลมหายใจ โดยพัคคยองอุนเผาร่างของมารดาทั้งเป็นแต่ก็ไม่ให้ตาย แค่ปล่อยให้เธอต้องทุกทรมานกับสิ่งนี้ไปจนตาย
คำถามสุดท้ายก่อนสติสุดท้ายของพัคคยองอุนจะเลือนหายไปตลอดกาล
หากบิดาเขายังมีลมหายใจอยู่ ชีวิตของเขาอาจจะไม่มีจุดจบแบบนี้ ถึงแม้เขาจะยอมรับในราคาที่ต้องจ่ายด้วยชีวิตก็ตาม
+++++++