Chapter 11
เมื่อจัดการพัคคยองอุนไปแล้วจึงเหลือแค่โอโตฮวาเท่านั้น ร้อยเอกหลิวเสี่ยวเสี่ยวออกคำสั่ง ให้ทุกคนรีบตามไปสมทบกับสี่ยุวชนทหาร ซึ่งกำลังรับศึกอยู่ข้างใน ทั้งหมดจึงไม่รอช้ารีบพากันเข้าไปด้านใน โดยมีทีมของจ่าสิบเอกแลนเดนติดตามไปด้วย และเมื่อพวกเขาเข้ามาด้านในก็เห็นบุญธร คณณัฐ์ และปกรณ์วุฒิกำลังสู้กับสมุนของโอโตฮวาอยู่ ร้อยโทกู้เจิ้นหนานไม่รอช้าพุ่งตัวเข้าไปช่วยทั้งสามในทันที ขณะเดียวกันเขาก็สังเกตว่ามีคนหนึ่งไม่ได้อยู่ที่นี้ เขาจึงตั้งใจจะถามปกรณ์วุฒิที่อยู่ข้าง ๆ แต่คำตอบก็เฉลยให้รู้โดยไม่ต้องปริปาก และเป็นภาพที่ไม่มีใครคาดคิด
โอโตฮวาศัตรูที่ถือว่ารับมือยากพอ ๆ กับสุธนผู้เป็นเจ้านายของมัน บัดนี้ร่างของโอโตฮวาปลิวทะลุกำลังลอยข้ามห้อง ไปกระแทกกับกำแพงที่อยู่ไม่ไกลมากนัก และคนที่มันต่อกรอยู่ก็คือปรมัตถ์นั้นเอง ดวงตาของเขาจากที่เป็นสีดำปกติ ได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นสีฟ้าเข้ม บอกให้รู้ว่าเขาต้องการเผด็จศึกกับศัตรูแล้ว ด้านโอโตฮวาที่พยุงตัวลุกขึ้น ก็ส่งเสียงคำรามออกมาและวิ่งตรงไปหาเด็กหนุ่มในทันที
"แก... ตาย !"
โอโตฮวาฟาดขวานใส่ปรมัตถ์ชนิดที่เขาไม่มีทางหาจังหวะตอบโต้ได้ นอกจากต้องหลบหลีกคมขวานอย่างเดียว ทว่าในจังหวะหนึ่งก่อนที่คมขวานจะโดนตัวเขา ปรมัตถ์ใช้ฝ่ามือซ้ายปล่อยวายุออกมาปัดขวานออกไป และเขาเข้าระยะประชิดที่กลางลำตัวของโอโตฮวาทันที เขาไม่รอช้าแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว ปรมัตถ์รัวหมัดทั้งซ้ายและขวากระหน่ำไม่ยั้งไปที่กลางอก ส่งผลให้โอโตฮวาแทบไม่สามารถที่จะตอบโต้ได้ ทว่าไม่นานมือซ้ายของโอโตฮวาก็คว้าหลังคอเสื้อของปรมัตถ์ไว้ได้
พร้อมกับเหวี่ยงร่างเด็กหนุ่มไปชนกับผนังห้อง และใช้แขนขวานฟาดใส่กลางลำตัว หมายจะฟันร่างศัตรูให้ขาดเป็นสองท่อน ทว่าขวานกลับฟันโดนผนังแทน เพราะปรมัตถ์ใช้พลังวายุ เคลื่อนย้ายตัว เพื่อหลบหลีกมาอยู่ข้างหลังโอโตฮวา และปรมัตถ์ซัดฝ่ามือขวาเข้ากลางเต็มแรง โอโตฮวาทรุดลงกับพื้นแต่ก็ไม่ยอมล้ม ปรมัตถ์หมุนตัวฟาดแข้งเข้าไปที่ต้นคอศัตรู แรงลูกเตะทำให้ชายร่างใหญ่ทรงตัวไม่ได้ แต่มันใช้มือซ้ายยันตัวไว้ได้
ปรมัตถ์ย้ายตัวมาอยู่ด้านหน้าโอโตฮวา และปล่อยหมัดขวาอัดเข้าหน้า ผลคือมันปลิวทะลุผนังกำแพงไปหลายห้อง แล้วโผล่มาอยู่ใจกลางตลอดที่กลายเป็นสนามรบไปแล้ว ท่ามกลางความตกตะลึงทั้งจากฝ่ายสมุน และฝ่ายตำรวจมือปราบที่ต่างไม่เคยเห็น โอโตฮวาจะมาเพลี้ยงพล้ำต่อศัตรู ต่างพากันเกิดคำถามว่าศัตรูผู้นั้นเป็นใครกันแน่ จนกระทั่งปรมัตถ์ปรากฏตัวแก่สายตาทุกคู่
"ยุวชนทหารงั้นเหรอ... ยังเด็กอยู่เลยนี่" เสียงของตำรวจคนหนึ่งพูดขึ้น
"เฮ้ย แกดูตราบนเสื้อนั้นก่อน มันตราหน่วยรบจากกองพันฟีนิกซ์นะเฟ้ย"
โอโตฮวาไม่สนใจเสียงนกเสียงกา สิ่งที่มันสนใจคือต้องบดขยี้ปรมัตถ์ให้ได้ ซึ่งฝั่งเด็กหนุ่มก็รู้ดีว่าศัตรูไม่ยอมจำนนง่าย ๆ เขาจึงพุ่งเข้าหาโอโตฮวา และโจมตีด้วยท่ากระโดดแทงเข่า ปลายเข่ากระแทกเข้ากลางอก ความรุนแรงของท่าแทงเข่าส่งผลให้ โอโตฮวาถึงกับกระอักเลือดออกมา บรรดาเหล่าสมุนที่เห็นเจ้านายกำลังแย่จึงคิดจะเข้าไปช่วย แต่ก็ถูกขัดขวางโดยทีมตำรวจคอมมานโด รวมทั้งฝ่ายทหารเองด้วย ทว่าก็มีสมุนมันคนหนึ่งวิ่งฝ่าตำรวจตรงไปหาปรมัตถ์ได้สำเร็จ และมันยกขวานเตรียมฟันศีรษะของเด็กหนุ่ม
เสี้ยววินาทีนั้นหลี่ชิงชิงพุ่งตัวออกจากทีมตัวเอง ไฟธาตุวายุพาร่างของเธอมาขวางคมขวานไว้ได้ จากนั้นเธอก็ใช้ลูกถีบอัดลำตัวศัตรูให้ออกไป ก่อนจะจบศึกด้วยการตวัดคมกระบี่ไปที่คอหอยศัตรูอย่างแม่นยำ แสดงให้เห็นว่าฝีมือของหลี่ชิงชิงก็ไม่ธรรมดา ถึงแม้เธอจะไม่ใช่นักรบฟีนิกซ์ก็ตาม
"ขอบคุณนะ" ปรมัตถ์พูดถึงตาจะยังจ้องโอโตฮวาอยู่
"อืม ฉันจะคุ้มกันหลังเอง" หลี่ชิงชิงพูด "รีบ ๆ จัดการซะ เราไม่มีเวลาทั้งวันหรอกนะ"
"รับบัญชา"
ระหว่างที่ปรมัตถ์กำลังสู้กับโอโตฮวา ฝั่งสามสหายของเขาก็เข้าต่อกรกับศัตรูทันที คณณัฐ์ใช้หอกทั้งแทง ฟันและฟาดใส่ศัตรู ในขณะที่บุญธรไล่จัดการศัตรูที่ไม่ยอมล้ม ส่วนปกรณ์วุฒิก็เข้ามาช่วยพาคนเจ็บออกไป ตอนนี้ฝั่งศัตรูเริ่มพากันสั่นคลอน เพราะเห็นสภาพของโอโตฮวาที่ดูยังไงก็น่าจะไม่รอด เมื่อคิดแบบนี้ผลคือมีบางส่วนเลือกที่จะทิ้งอาวุธ และหนีเอาตัวรอด
"พวกเรา หนี !" คนหนึ่งในสมุนโอโตฮวาร้องตะโกนขึ้น
"แล้วเจ้านายล่ะ"
"ถ้าอยากโดนจับก็เรื่องของพวกมึงสิวะ กูไม่เอาด้วยแล้วคนหนึ่ง"
"อ้าว ! เฮ้ย ! อย่าหนีไปคนเดียวสิเว้ย"
"ใครอยากอยู่ก็ช่าง ไม่ใช่กูแน่ ๆ"
ภาพที่หลี่ชิงชิงได้เห็นคือสมุนของโอโตฮวา เลือกที่จะหนีเอาตัวรอดปล่อยให้ โอโตฮวาผู้เป็นเจ้านายเผชิญหน้ากับศัตรูตามลำพัง แสดงให้เธอเห็นเลยว่าสุดท้ายแล้ว เมื่อถึงจุดหนึ่งมนุษย์เราก็มักเลือกเอาชีวิตตัวเองก่อนเสมอ ด้านโอโตฮวาที่ฟื้นตัวได้ก็จ้องมองปรมัตถ์ ซึ่งเขาสัมผัสได้ถึงแรงแค้นที่ถูกพรรคพวกทรยศหักหลังหนีเอาตัวรอด
ทว่าอย่างไรเป้าหมายของโอโตฮวายังคงเป็นปรมัตถ์เช่นเดิม และหากวันนี้ตนจะต้องพ่ายแพ้พังพินาศ ก็ขอให้ศัตรูพินาศไปพร้อมกับตนด้วยเช่นกัน คิดแบบนั้นโอโตฮวาก็พุ่งเข้าโจมตีใส่ปรมัตถ์ทันที ซึ่งการจู่โจมลักษณะดังกล่าวทำให้เขาไม่สามารถหลบหลีกได้ทัน พริบตาเดียวเขาก็อยู่ในอ้อมกอดแขนซ้ายของโอโตฮวาเสียแล้ว และมันคงคิดจะใช้แรงแขนบดขยี้เด็กหนุ่มให้แหลกคาตัวมัน แต่ปรมัตถ์แก้เกมด้วยการคว้าคอเสื้อของโอโตฮวา แล้วจับทุ่มในขณะที่อีกฝ่ายยังเคลื่อนไหวอยู่
ผลคือร่างใหญ่ม้วนตัวกลิ้งล้มกระแทกกับก้อนหิน ปรมัตถ์ลุกขึ้นยืนได้อย่างทันท่วงทีผิดกับโอโตฮวา ซึ่งเมื่ออีกฝ่ายลุกขึ้นมาได้ก็ระเบิดพลังออกมาขยายเป็นวงกว้าง เกิดลมพัดแรงจนหมวกเหล็กบนศีรษะแต่ละคน เกือบปลิวออกจากหัวแต่ยังดีที่ทุกคนจับหมวกไว้ได้ นาทีต่อมาโอโตฮวาก็ตวัดมือขวานฟาดฟันใส่เด็กหนุ่ม ชนิดที่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่มีทางโต้กลับแน่ ซึ่งโอโตฮวาประเมินความบ้าบิ่นของเด็กหนุ่มต่ำไป
ปรมัตถ์เลือกที่จะไม่หลบหลีกเขากลับตั้งท่าต่อสู้แทน เขารวบรวมพลังไว้ที่ฝ่ามือขวาและยืนอยู่กับที่ ด้านโอโตฮวาที่ไม่ได้เอะใจหรือสนใจฝ่ามือขวาของศัตรู ก็วิ่งตรงมาหาปรมัตถ์พร้อมกับแขนขวาน หมายจะฟันร่างให้ขาดเป็นสองท่อน จังหวะก่อนที่ขวานจะมาถึงตัวเขา ปรมัตถ์ใช้มือซ้ายที่มีพลังวายุ ปัดอาวุธของโอโตฮวาออกไป และซัดฝ่ามือขวาที่อัดพลังเอาไว้เข้าไปที่กลางลำตัวของโอโตฮวาทันที เสียงแรงลมที่ดังชนิดที่แม้แต่คนที่อยู่นอกสนามรบ ยังต้องได้ยินเสียงลมกัปนาทดังกล่าว
และภาพที่ทุกคนเห็นคือคลื่นพลังที่เป็นรูปฝ่ามือ ซัดร่างของโอโตฮวาลอยกระเด็นไปกระแทกกับกำแพงหนึ่ง โดยบนกำแพงนั้นมีตราประทับรูปฝ่ามือขนาดใหญ่อยู่ และโอโตฮวาก็นอนนิ่งไม่เคลื่อนไหวใด ๆ ร้อยตำรวจเอกคังโดฮัน อาสาที่จะเข้าไปตรวจสอบร่างกายของโอโตฮวา โดยมีทหารกับตำรวจคอมมานโดคุ้มกัน ซึ่งผลคือโอโตฮวาพ่ายแพ้แล้ว ท่ามกลางเสียงร้องเฮจากฝั่งตำรวจมือปราบและทหาร ส่วนปรมัตถ์ก็ทรุดฮวบลงกับพื้น
หลี่ชิงชิงรีบเข้ามาพยุงตัวเด็กหนุ่มให้ลุกขึ้น "เธอต้องไปที่เต็นท์พยาบาล" เด็กสาวหันมาพูดกับเขา
"ยังไม่ได้หรอก ภารกิจยังไม่จบ" เขาพูด
"อย่าดื้อให้มากนัก บอม" หลี่ชิงชิงทำเสียงดุ "อย่างน้อยเธอควรพักเอาแรง"
ร้อยโทกู้เจิ้นหนานยืนจ้องมองรอยฝ่ามือขนาดใหญ่บนกำแพง เขาจำได้ว่าเคยเห็นรอยแบบนี้ที่ไหนมาก่อน เพียงแค่เจ้าของรอยฝ่ามือขนาดใหญ่ไม่ใช่ปรมัตถ์ แต่เป็นอีกคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นนักรบหญิงที่สามารถพิชิตนักรบฟีนิกซ์ได้ ซึ่งบัดนี้เธอได้ลาโลกไปหลายปีแล้ว ทหารหนุ่มไม่คาดคิดเหมือนกันว่า จะมีโอกาสได้เห็นมันอีกครั้งในวันนี้ ด้านร้อยเอกหลิวเสี่ยวเสี่ยวก็เดินมายืนดูด้วยเช่นกัน
"เด็กคนนี้ร้ายกาจไม่เบาเลยนะ" ร้อยเอกหลิวเสี่ยวเสี่ยวพูด "สมกับเป็นลูกศิษย์ของฟางผิงจริง ๆ"
"ใช่ ได้ความบ้าบิ่นมันมาเต็ม ๆ เลย" ร้อยโทกู้เจิ้นหนานพูดแต่ยังไม่ละสายตาจากรอยฝ่ามือ ซึ่งร้อยเอกหลิวเสี่ยวเสี่ยวสังเกตพอดี
"มีอะไรหรือเปล่าเจิ้นหนาน" เธอถามในที่สุด
"เสี่ยวเสี่ยว เธอยังจำนายพลหญิงที่ชื่อ หานหยี ได้ไหม" ร้อยโทกู้เจิ้นหนานหันมาถาม
"คนระดับนั่น ฉันไม่ลืมง่าย ๆ หรอก" ร้อยเอกหลิวเสี่ยวเสี่ยวตอบ "ทำไมหรือ"
ร้อยโทกู้เจิ้นหนานมองปรมัตถ์ที่กำลังถูกพาตัวออกจากพื้นที่ ก่อนจะหันมาตอบร้อยเอกหลิวเสี่ยวเสี่ยว
"ฉันว่า... ฉันเจอผู้สืบทอดเคล็ดวิชา หัตถ์เทวะ แล้วล่ะ"
+++++++++