Chapter 14
ปรมัตถ์ใช้พลังวายุเป็นแรงส่งในการวิ่งกระโดดข้ามตึก เพื่อไปสมทบกับร้อยเอกหลิวเสี่ยวเสี่ยวและทีม ใจนึกภาวนาขอให้หลี่ชิงชิงกับคนอื่น ๆ ปลอดภัย เด็กหนุ่มตัดสินใจใช้เส้นทางลัดเลาะเพื่อไปให้ถึงจุดหมายปลายทาง ด้วยความที่เขาอยู่ข้างบนสุดจึงมองเห็นควันอยู่ไกล ๆ เขาเดาว่าน่าจะเป็นขบวนรถที่เอาไว้ขนย้ายโอโตฮวาไปยังสนามบิน พอดีกับทางด้านกลุ่มบุญธรติดต่อหาเขาผ่านโทรจิต
[บอม ตอนนี้นายอยู่ไหน] คณณัฐถามด้วยเสียงร้อนรน
[อีกสิบนาที ฉันจะไปถึงหัวมุมถนนมิเนอว่าแล้ว] ปรมัตถ์ตอบ
[เออ ! กำลังตามไป แต่ช้าหน่อย] ปกรณ์วุฒิพูด
[รับทราบ !]
ตลอดทางที่ปรมัตถ์วิ่งกระโดดข้ามตึก เขาเห็นความพินาศภายในเมือง อันเกิดจากการสู้รบระหว่างกองกำลังรัฐบาลกับแก๊งอาชญากร ผ่านไปสิบนาทีในที่สุดเขาก็ถึงจุดหมาย และเห็นบรรดาตำรวจกับทหาร ถูกโจมตีโดยแก๊งขวานซิ่งหลายคน ปรมัตถ์หันไปทางซ้ายมือเห็นทีมจ่าสิบเอกแลนเดนกำลังไปสมทบกับร้อยเอกหลิวเสี่ยวเสี่ยวและทีม
ปรมัตถ์ทำท่าจะเข้าไปช่วยแต่ก็มีลูกไฟขนาดเท่าฟุตบอล จำนวนสิบกว่าลูกพุ่งเข้าโจมตีใส่เด็กหนุ่ม เดชะบุญที่เขาหลบทันด้วยเบี่ยงตัวไปทางขวามือ ปรมัตถ์หันขวับไปมองเห็นชายคนหนึ่งยืนมองจากตึกอีกฝั่ง ใจจริงเขาก็อยากเข้าไปจัดการ แต่ปรมัตถ์เลือกที่จะโฟกัสที่ภารกิจมากกว่า ในจังหวะที่ศัตรูจะโจมตีเขาอีกรอบ ปรมัตถ์ชิงลงมือก่อนด้วยการปล่อยลมพายุหมุนพุ่งตรงไปหาศัตรู
จากนั้นเขาก็รีบกระโจนลงจากตึกและวิ่งด้วยความเร็วเท่าที่ทำได้ พริบตาเดียวในที่สุดเขาก็วิ่งมาสมทบกับร้อยโทกู้เจิ้นหนาน การปรากฏตัวของปรมัตถ์สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน เพราะดูจากในระยะที่เขามามันก็ไกลพอสมควร
"นายมาได้ยังไง" ร้อยโทกู้เจิ้นหนานถาม
"กระโดดข้ามตึกมาครับ" เขาตอบตามสัตย์จริง
"นายนี่นะ" ร้อยเอกหลิวเสี่ยวเสี่ยวส่ายหน้า "แล้วอีกสามคนล่ะ"
"กำลังตามมาครับ... พวกมันมาช่วยโอโตฮวาเหรอครับ"
"ไม่ ! ฟังจากปากของโอโตฮวา พวกนั่นมาเพื่อฆ่ามัน" สิบเอกโทนีตอบ
ปรมัตถ์พยักหน้าเข้าใจและร้อยเอกหลิวเสี่ยวเสี่ยว ออกคำสั่งให้เขาตามไปช่วยทีมจ่าสิบเอกแลนเดน แล้วค่อยเจอกันที่สนามบินของกองทัพ เด็กหนุ่มรับคำสั่งและวิ่งแยกตัวออกไป ตามที่ร้อยโทกู้เจิ้นหนานบอก จ่าสิบเอกแลนเดนกับทีมกำลังพาโอโตฮวาที่ได้รับบาดเจ็บไปหลบ ตรงลานจอดรถของตึกที่อยู่ไกลมาก เมื่อรู้จุดหมายปลายทาง ปรมัตถ์ก็มุ่งหน้าไปช่วยทันที
ระหว่างทางเขาจะเจอพวกศัตรูมาดักทางเอาไว้ แต่ปรมัตถ์ก็สามารถหลบหลีกมาได้ และในที่สุดเขาก็เข้ามาด้านในได้สำเร็จ พร้อมกับเจอทีมจ่าสิบเอกแลนเดนพอดี ลูกทีมคนหนึ่งกำลังปฐมพยาบาลให้โอโตฮวา ทุกคนแปลกใจมากที่เห็นเด็กหนุ่ม โดยเฉพาะหลี่ชิงชิง
"เธอมาทำอะไรที่นี้ บอม" หลี่ชิงชิงถาม
"มาช่วยเธอกับทุกคนนะสิ" ปรมัตถ์ตอบและหันไปหาจ่าสิบเอกแลนเดน "พอรู้ไหมครับว่าตัวการที่บุกโจมตีใส่ขบวน คือใคร"
"ไม่มีใครรู้ชื่อจริงมันหรอก"
ทุกคนหันมามองโอโตฮวาเป็นตาเดียว ปรมัตถ์เดินตรงมาหาอีกฝ่ายทันที แถมไม่พูดเปล่ายังจับลากโอโตฮวา ตรงมาทางริมระเบียงของโรงจอดรถ ที่น่าตกใจคือเขายกร่างโอโตฮวาขึ้นสูงได้ด้วยมือเดียว ระหว่างที่ทุกคนอึ้งตาค้างกลับมีเพียงหลี่ชิงชิงและจ่าสิบเอกแลนเดนที่มีสติ
ทั้งสองรีบวิ่งมาห้ามปรามปรมัตถ์ทันที
"นายจะทำอะไรน่ะ ไอ้หนู อย่านะเว้ย !" จ่าสิบเอกแลนเดนร้องห้ามและจับไหล่ของปรมัตถ์
"ใช่ ถ้าเธอฆ่าเขาละก็ได้มีเรื่องกับพวกตำรวจมือปราบสากลแน่" หลี่ชิงชิงเสริมอีกแรง
"ช่างหัวพวกนั่นสิ ยังไงมันก็ต้องตายอยู่แล้วนี่ สิ่งที่พวกเราทำแค่ยืดชีวิตของมันให้ยาวขึ้นนิดเดียวเอง" ปรมัตถ์พูด
เขาแทบจะไม่มองคนที่อยู่ข้างหลังแม้แต่น้อย หลี่ชิงชิงรับรู้ได้ว่าปรมัตถ์คิดจะโยนโอโตฮวาให้ตกลงไปตาย มันย่อมไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน ด้านโอโตฮวาเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเอาจริง แววตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารเยี่ยงนี้ ใครก็ตามที่คิดเป็นศัตรูคงต้องพังพินาศฉิบหายเป็นแน่
"เพราะกูทำงานพลาด นายน้อยจึงส่ง เปลวไฟแห่งกัมปนาท มาฆ่ากู"
"อะไรนะ !" จ่าสิบเอกแลนเดนร้องเสียงหลง "คนบ้าอะไรชื่อเปลวไฟแห่งกัมปนาท"
ปรมัตถ์เองก็คิดแบบเดียวกัน
"ไม่มีใครรู้ชื่อจริงมันหรอก แต่ที่แน่ ๆ ใครก็ตามทำงานพลาด นายใหญ่หรือนายน้อยจะส่งมันผู้นี้มาสังหารทิ้ง เชือดไก่ให้ลิงดู"
ปรมัตถ์ดึงตัวโอโตฮวากลับเข้ามาด้านใน เพื่อให้ทีมจ่าสิบเอกแลนเดนคุมตัว สองนาทีต่อมาทหารคนหนึ่งร้องตะโกนขึ้น เพื่อรายงานว่าตอนนี้ฝ่ายศัตรูกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ จ่าสิบเอกแลนเดนรีบรายงานสถานการณ์ที่วิทยุสื่อสาร ซึ่งในตอนนี้กำลังเสริมกำลังไปช่วย ทว่ากว่าจะมาถึงพวกเขาก็ใช้เวลาถึงสิบสามนาที ซึ่งมันนานเกินไป ด้านปรมัตถ์ก็พยายามมองหารถที่พอใช้ได้
แต่รถส่วนใหญ่ก็กลายเป็นเศษเหล็กเพราะผลจากการสงครามกลางเมือง จ่าสิบเอกแลนเดนจึงตัดสินใจมองคำสั่งให้หลี่ชิงชิง พร้อมด้วยปรมัตถ์รีบนำตัวโอโตฮวาออกจากตรงนี้ ส่วนทีมจ่าสิบเอกแลนเดนจะขอทำหน้าที่ตรึงกำลังไว้ ถ่วงเวลาให้ทั้งสามหนีไป ในตอนแรกหลี่ชิงชิงก็ไม่อยากทิ้งใครไว้แต่คำสั่งก็คือคำสั่ง เธอจึงอาสานำหน้าปรมัตถ์เพื่อคุ้มกันปรมัตถ์ ที่คุมตัวโอโตฮวาจากข้างหลัง
ทั้งสามพากันวิ่งลงมายังชั้นล่างและเดินออกจากทางด้านหลัง จึงทำให้ไม่ต้องเจอกับศัตรู หลี่ชิงชิงวิ่งนำหน้าแต่ก็คอยดูภัยอันตรายไปด้วย
บึ้ม !
เสียงระเบิดดังจากฝั่งซ้ายมือซึ่งพอปรมัตถ์เงยหน้ามอง เขาเห็นเปลวไฟเป็นรูปร่างเหมือนกำไลลอยเหนือศีรษะ ปรมัตถ์จึงคิดว่าคงเป็นฝีมือของปกรณ์วุฒิและมันหมายความว่า อีกฝ่ายอยู่ไม่ไกลจากจุดที่เขาอยู่มากนัก ครู่ต่อมาเขาก็ได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์ดังมาจากด้านหลัง ทั้งหมดหันมามองก็เห็นคณณัฐขี่รถมอเตอร์ไซค์คันสีดำ
"ไปหามาจากไหนละเนี่ย" ปรมัตถ์ถามเมื่ออีกฝ่ายจอดรถ
"เจอระหว่างทาง" คณณัฐ์ตอบและชี้ไปที่ตลาดแห่งหนึ่ง "นายเห็นตลาดไหม"
"เห็น" ปรมัตถ์ตอบ
"วิ่งไปตรงนั้นเลย ไอ้ธรจะเอารถมารับ" คณณัฐตอบ "ฉันกับปลื้มจะคุ้มกันพวกนายเอง"
ว่าแล้วคณณัฐก็แล่นรถออกไปโดยที่ปรมัตถ์ไม่ทันจะได้ถามต่อ สุดท้ายทั้งเขาและหลี่ชิงชิงต่างรีบนำตัวโอโตฮวา วิ่งตรงไปยังตลาดที่อยู่ข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต ขณะเดียวกันทางฝั่งปกรณ์วุฒิ ซึ่งกำลังรับมือศัตรูหลายคนที่กรูเข้ามา คณณัฐ์ก็ขับมอเตอร์ไซค์เข้ามาสมทบอีกแรง เด็กหนุ่มบีบคันเร่งและหมุนเป็นวงกลมใช้ล้อหลังกวาดฝ่ายศัตรู ให้ถอยห่างออกไป
"อีกหนึ่งนาทีไอ้ธรจะมาแล้ว รีบไปหาไอ้บอมเลย เร็ว !" คณณัฐตะโกนบอก
"เข้าใจแล้ว"
แต่ก่อนจะไปปกรณ์ใช้ไฟธาตุอัคคีควบคุมกำไลแล้วเหวี่ยงเป็นแนวนอน อัดกระแทกพวกศัตรูปลิวกระเด็นออกไป จากนั้นเขาก็เร่งฝีเท้าวิ่งไปสมทบกับปรมัตถ์ ส่วนคณณัฐเลือกที่จะเป็นด่านกันชนให้เพื่อนไปก่อน ฝั่งปรมัตถ์ซึ่งมาถึงตรงตลาดแล้วก็ดันต้องเจอกับแก๊งขวานซิ่งดักรออยู่ เขากับหลี่ชิงชิงเตรียมตัวสู้ศึกขณะที่โอโตฮวาจำต้องอยู่เฉย ๆ เพราะบาดเจ็บ
"ฆ่ามัน !"
ปรมัตถ์ใช้ความเร็วเป็นข้อได้เปรียบในจังหวะที่พวกศัตรูบุกเข้ามา เขาใช้เท้าขวาไล่เหยียบเท้าของพวกมันทีละข้าง ทั้งความเร็วที่มองไม่เห็นกับพลังรุนแรงในการลงแรงเหยียบ หลี่ชิงชิงรู้สึกเหมือนเธอจะได้ยินเสียงอะไรสักอย่าง ที่เหมือนเป็นของแข็งและแตกร้าว เช่น กระดูกบนฝ่าเท้า ครู่ต่อมาเสียงโหยหวนร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดก็ดังระงมทั่วตลาด แก๊งขวานซิ่งพากันลงไปนอนกองกับพื้น
หลี่ชิงชิงซึ่งทำหน้าที่คุ้มกันโอโตฮวาก็ชักกระบี่ออกมา ฝ่ายศัตรูพร้อมด้วยคมขวานอันแหลมคม วิ่งตรงมาหาเด็กสาวหมายจะฟันให้หน้าเละ ทว่าเธอสามารถหลบหลีกการโจมตีของฝ่ายศัตรูได้ แถมยังโต้กลับด้วยพลังปราณบนฝ่ามือ ซัดเข้าที่หน้าท้องสลับกับกระบวนท่าเพลงกระบี่ของเธอ ด้วยความที่ตัวกระบี่มีความยืดหยุ่น จึงสามารถตวัดฟันเฉือนบริเวณช่องเล็ก ๆ ที่โจมตียาก เช่น บริเวณใต้รักแร้
สักพักเกิดลมพายุรุนแรงขึ้นจนหลี่ชิงชิงกับโอโตฮวาเกือบปลิว มันคือพลังควบคุมธาตุวายุของปรมัตถ์ เขาสร้างลมพายุขนาดย่อมขึ้นเพื่อพัดพวกศัตรูกระเด็นออกไป พอดีกับที่ปกรณ์วุฒิวิ่งตามมาสมทบกับทั้งสอง ซึ่งปกรณ์วุฒิจัดการศัตรูไปสามคนด้วยมือเปล่า ทว่ายังไม่มีวี่แววของบุญธรเลย
[เฮ้ย ! ไอ้ธร รถติดไฟแดงนานไปแล้ว] ปกรณ์วุฒิพูดผ่านโทรจิต
[รู้แล้วเว้ย ! เส้นทางใช่ว่าจะขับผ่านง่าย ๆ เสียเมื่อไหร่] บุญธรตอบกลับ
[แล้วนายขับรถอะไรมารับล่ะ] ปรมัตถ์ถามบ้าง
สิ้นคำถามไม่กี่อึดใจต่อมาพวกเขาได้ยินเสียงรถกำลังแล่นมาที่ตลาด เมื่อหันไปทางซ้ายมือทั้งหมดจึงเห็นรถตู้คันสีดำ วิ่งเข้ามาจอดพร้อมกับเสียงตะโกนจากฝั่งคนขับ
"ขึ้นมาเร็ว !"
++++++