Chapter 15
ปรมัตถ์และหลี่ชิงชิงพาตัวโอโตฮวาขึ้นรถตู้สีคำมินิแวน tyt Voxy ที่บุญธรเป็นคนขับ ครู่ต่อมาปกรณ์วุฒิก็ตามมาสมทบ ทั้งหมดรีบพากันขึ้นรถในทันที และบุญธรก็เหยียบคันเร่งออกจากพื้นที่ มุ่งหน้าไปยังสนามบิน คณณัฐขี่มอเตอร์ไซค์ตามมาติด ๆ ซึ่งในไม่กี่อึดใจเบื้องหลังของพวกเขา ก็มีพวกศัตรูใช้พลังหวดไล่ตาม เป้าหมายของพวกมันคงจะสังหารโอโตฮวา นาทีนี้คงต้อง "ตีนผี" เท่านั้น
เพราะไอ้พวกที่ไล่ตามมาทันมันคือพวก เพลเยอร์ หรือผู้มีพลังพิเศษเหมือนกับพวกเขา และพอมาถึงตัวรถต่างงัดอาวุธที่มี ไล่ตีรอบตัวรถชนิดไม่ยั้งมือจนหลี่ชิงชิงต้องก้มตัวหลบ เศษกระจกของรถที่โดนทุบแตก ทว่าคณณัฐเข้ามาช่วยไว้ทันโดยใช้หอกฟาดพวกมัน ด้านบุญธรก็เตรียมเหยียบคันเร่ง
"เกาะแน่น ๆ นะ" บุญธรพูดและเหยียบคันเร่งมิดเท้า
เพราะบุญธรจำเป็นต้องขับด้วยความเร็วทำให้ปรมัตถ์รู้สึกเวียนหัวพอสมควร ทว่ามันยังมีสิ่งที่ควรโฟกัสมากกว่าอาการเมารถ นั้นคือพวกศัตรูจำนวนมากกว่าสามสิบ กำลังวิ่งไล่หวดไล่หลังพวกเขาชนิดกุดไม่ปล่อย คณณัฐพยายามสกัดเท่าที่จะทำได้ ส่วนบุญธรพยายามขับรถหลบหลีกการโจมตีของฝ่ายศัตรูไปด้วย แต่แล้วก็มีคนหนึ่งเข้ามาถึงตัวรถและทุบกระจกแตก มันพยายามที่จะเข้ามาในรถ
ทว่ามันกลับโดนปรมัตถ์จับคว้าตัวไว้และซัดหมัดขวากระแทกที่หน้า ก่อนจะกระเด็นออกจากรถไป ขณะเดียวกันฝั่งจ่าซูหลงปาพร้อมด้วยคนอื่น ๆ ที่กำลังตามไปช่วย ก็ดันเจอพวกแก๊งขวานซิ่งดักทางไว้ ทำให้ยังตามมาถึงพวกเขาไม่ได้ และข่าวร้ายอีกอย่างคือว่าตอนนี้พวกมือปราบสากลกำลังจัดขบวนเพื่อตามมาช่วย ส่วนทีมจ่าสิบเอกแลนเดนก็พยายามตามมาสมทบ ก็ดันเจอปัญหาคล้ายกัน เรียกได้ว่าตอนนี้พวกปรมัตถ์ต้องช่วยตัวเองเท่านั้น
[แหม วันนี้เป็นวันดีจริง ๆ เลย พับผ่าสิ] คณณัฐพูดผ่านโทรจิต
[ตั้งสติหน่อย อย่าพึ่งประชด] บุญธรเตือนสติ
[งั้นเอาไงต่อละ] ปรมัตถ์ถามขึ้น
ครู่ต่อมาหลี่ชิงชิงได้รับข้อความจากอัยการโพล พร้อมพิกัดเส้นทางที่จะใช้ไปสนามบินเร็วที่สุด โดยเขาส่งมันผ่านสายรัดข้อมือของหลี่ชิงชิง เธอจึงฉายภาพเป็นโฮโลแกรมภาพแผนที่เส้นทางรถ โดยมีมาร์คเส้นสีแดงตรงเส้นทางด้านซ้ายมือ ซึ่งปรมัตถ์พบว่ามันค่อนข้างอ้อมโลกมากทว่าอัยการโพลย้ำทางวิทยุว่า นี้คือเส้นทางเดียวที่มีโอกาสรอดจากวงล้อมศัตรู ที่สำคัญมีกองหนุนรอให้ความช่วยเหลืออยู่ที่นั้นแล้ว
บุญธรจึงขับรถตามพิกัดที่ได้รับมา ระหว่างนี้ปกรณ์วุฒิกับปรมัตถ์ก็คอยสังเกตรอบ ๆ ไปด้วย ตอนนี้ไม่มีวี่แววของศัตรูจะไล่ตามมา อย่างไรก็ดีบุญธรนำรถมาจอดที่ปั้มน้ำมันแห่งหนึ่ง ซึ่งทั้งหมดเห็นว่ามีสองคนยืนรอพวกเขาอยู่ และไม่ใช่ใครที่ไหน อีแวน และ ชยัตโก สองรุ่นพี่จากทีมอีวิลลอร์ดแฟนธ่อม ทั้งสองเตรียมรถตู้ไว้ให้พวกเขาแล้ว
"แล้วพี่สองคนล่ะ" คณณัฐหันมาถามก่อนขึ้นรถ "ไม่มาด้วยกันหรือ"
อีแวนส่ายหน้า "ไม่ล่ะ ฉันสองคนมีหน้าที่ถ่วงเวลาให้พวกนาย" ทหารหนุ่มอธิบาย "รีบไปซะ อย่าช้า"
รถแล่นออกเข้าสู่ถนนอย่างรวดเร็วโดยคณณัฐ อาสาที่จะบอกพิกัดให้กับบุญธรซึ่งเป็นคนขับรถ สี่นาทีต่อมาพวกเขาได้เห็นแรงระเบิดเกิดขึ้น ซึ่งทั้งหทดจำได้ว่ามันคือปั้มน้ำมันที่สองรุ่นพี่อยู่ แสดงให้เห็นว่าศัตรูไล่ตามมาติด ๆ
"ไอ้เปลวไฟแห่งกัมปนาท มันกัดไม่ปล่อยหรอก" โอโตฮวาพูดขึ้นหลังจากเงียบอยู่นาน
"ถ้าพูดแล้วไม่สร้างสรรค์ก็หุบปากไปซะ" ปกรณ์วุฒิพูดอย่างอารมณ์เสีย
โอโตฮวาจ้องมองมาที่ปรมัตถ์ผู้ที่สามารถเอาชนะตนเองได้ "ไอ้หนุ่ม กูติดหนี้มึงตอนอยู่ในตลาดนั้น" โอโตฮวาพูดขึ้น
ปรมัตถ์ที่ได้ยินก็เลิกคิ้วข้างหนึ่ง "อยากจะพูดอะไรกันแน่ !"
"ในฐานะที่มึงเอาชนะกูมาได้ กูมอบรางวัลให้ละกัน" โอโตฮวาพูดต่อ
ปรมัตถ์รู้สึกหงุดหงิดที่อีกฝ่ายเอาแต่เล่นลิ้น ไม่ยอมเข้าเนื้อหาสักที จึงกระซากคอเสื้อโอโตฮวา และทำท่าเหมือนจะเอากำปั้นซัดหน้าอีกฝ่าย
"ถ้ายังไม่เข้าเรื่อง มึงอาจได้ชิมฝ่ามือกูอีกรอบ...."
เพล้ง !
มีบางอย่างเฉียดแก้มขวาของปรมัตถ์และตรงเข้าไปที่หน้าท้องของโอโตฮวาอย่างแม่นยำ
+++++
เสียงกระจกอันแผ่วเบาและมีบางอย่างพึ่งเฉียดหน้าของปรมัตถ์ ชนิดเส้นยาแดงผ่าแปดแล้วพุ่งเข้าที่หน้าท้องของโอโตฮวา ไม่นานเสียงตะโกนจากปกรณ์วุฒิดังขึ้นว่า "พลซุ้มยิง ! หมอบลง" หรือเสียงของคณณัฐ์ที่ร้องว่า "โอโตฮวาถูกทิ้ง" ตามมาด้วยเสียงเรียกสติจากหลี่ชิงชิง ทำให้ปรมัตถ์กลับเข้าร่างและเห็นเด็กสาว กำลังทำการปฐมพยาบาลห้ามเลือด ปกรณ์วุฒิรีบเข้ามาช่วยด้วยการใช้ผ้าขาวมากดห้ามเลือดไว้
ขณะเดียวกันคณณัฐกับปรมัตถ์ยังมึนงงว่า มือปืนหาจังหวะในการยิงได้อย่างไร ฝั่งหลี่ชิงชิงพยายามจะฉีดเมอร์ฟีนใส่แขนโอโตฮวา ทว่าด้วยแรงส่ายไปมาของรถทำให้เธอไม่กล้าเอาเข้มลง เพราะอาจะเป็นอันตรายต่อโอโตฮวา ซึ่งทางบุญธรก็ไม่สามารถชะลอความเร็วลงได้ เพราะหลังโอโตฮวาถูกยิงไม่ถึงสามนาที ก็มีรถหลายคันพร้อมคนติดอาวุธขับไล่ล่าพวกเขาจากด้านหลัง สร้างความตกใจให้กับทุกคนอย่างมาก
"บ้าเอ้ย ! มันกัดไม่ปล่อยเลย" คณณัฐสบถ
ปกรณ์วุฒิรายงานสถานการณ์ให้กับฝั่งทีมร้อยเอกหลิวเสี่ยวเสี่ยวเป็นระยะ แต่กว่าทางโน้นจะมาช่วยก็ใช้เวลานานเกินไป พวกเขาอาจย่ำแย่ได้ บุญธรก็พยายามสลัดพวกไล่ตามอย่างสุดความสามารถ
"ช่างแม่ง ! กูตีนหมาอย่างเดียวละกัน"
การไล่ล่ายังคงดำเนินต่อไปจนมีแวบหนึ่ง ที่ปรมัตถ์อยากหันไปหักคอโอโตฮวาทิ้ง แล้วจับโยนออกนอกรถให้รู้แล้วรู้รอด ทว่าเด็กหนุ่มก็เชื่อว่าเพื่อนสองคนรวมทั้งหลี่ชิงชิง ต้องห้ามปรามเขาแน่ ๆ ครู่ต่อมาเด็กสาวได้รายงานทางวิทยุไปว่า ตอนนี้โอโตฮวาบาดเจ็บสาหัสมาก แม้เธอจะห้ามเลือดได้แล้ว แต่แผลก็สาหัสพอสมควรซึ่งปรมัตถ์ไม่คิดจะเห็นใจอีกฝ่ายอยู่แล้ว
"ก็สมควรแล้วนี่ !" ปรมัตถ์พูดโดยไม่สนใจว่า คนรอบข้างจะคิดเห็นอย่างไร
"บอม !" หลี่ชิงชิงทำเสียงดุ "มันใช่เวลาจะพูดแบบนี้หรือ"
"ฉันพูดความจริงและไม่คิดจะถอนคำพูดด้วย" ปรมัตถ์พูด
"บอม !"
บุญธรพูดจากตำแหน่งคนขับ "พอได้แล้วทั้งคู่เลย ! เวลานี้ไม่ใช่เวลามาทะเลาะกัน" ซึ่งคณณัฐกับปกรณ์วุฒิเห็นด้วย
เสียงระเบิดและมีบางอย่างกระแทกด้านข้างของรถ ตามด้วยเสียงสบถของปกรณ์วุฒิที่พบว่ามีรถคันหนึ่งของฝ่ายศัตรู ได้ขับมาประชิดกับรถของพวกเขาแล้ว ปรมัตถ์นิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันไปทางหน้าต่างของรถ แล้วทำการเปิดประตูรถออกโดยใช้มือข้างหนึ่งจับราวในรถไว้ และมืออีกข้างใช้พลังควบคุมวายุ สร้างพายุขนาดปานกลางและใช้โจมตีรถของฝ่ายศัตรู
รถเหล่านั้นลอยละลิ่วข้ามหัวรถคันหลังไปแต่จากนั้นก็หันกลับมาสนใจตรงหน้าต่อ พวกมันต่างระดมกราดยิงใส่ไม่ยั้งแต่กระสุนก็มาไม่ถึงเป้าหมาย เพราะถูกลมพายุพัดปัดกระสุนออกเพียงแค่ปรมัตถ์สะบัดข้อมือเท่านั้น ภาพที่เห็นส่งผลให้ฝ่ายศัตรูตระหนักได้ว่าบุคคลที่ตนกำลังตามล่าอยู่ ไม่ใช่ศัตรูที่จะรับมือได้โดยง่ายเสียแล้วซึ่งพวกมันคิดถูก
ปรมัตถ์เปลี่ยนเป็นย้ายขึ้นมาบนหลังคารถ เขาเอาเท้าขวาไปข้างหลัง สองมือประสานกันแล้วเกิดกระแสลมบางอย่างที่มือขวา และเอามือขวาดันกลับมาที่ข้าง ๆ ตรงส่วนด้านข้างของท้อง เขาปล่อยลมหายใจออกเพียงสั้น ๆ แล้วซัดฝ่ามือขวาไปทางรถสีดำที่อยู่เบื้องหน้าของเขา ฉับพลันแรงลมก็กลายเป็นรูปร่างเหมือนกับฝ่ามืออันมโหฬาร อัดกระแทกเต็มจนทั้งรถและพื้นถนนปลิวกระเด็นตามแรงลมไปตาม ๆ กัน หลี่ชิงชิงแทบอ้าปากค้างตะลึงในพลังของปรมัตถ์
แต่คนที่ตะลึงยิ่งกว่าเธอคงไม่พ้นตัวโอโตฮวา ที่เคยสัมผัสลิ้มรสของกระบวนท่าเมื่อครู่นี้ได้อย่างดี สองนาทีต่อมาทางกองกำลังทหารและตำรวจสากล ติดต่อมาทางวิทยุอีกครั้งซึ่งตอนนี้กองได้ตรึงกำลังไว้ ตรงเส้นทางที่อีกไม่กี่นาทีบุญธรก็จะขับรถมาถึงแล้ว ด้านโอโตฮวาที่บาดเจ็บซึ่งรู้ตัวดีว่าต่อให้ถึงมือหมอก็ไม่น่าจะรอด ยิ่งสีหน้าของหลี่ชิงชิงก็การันตีไปอีกว่าตนคิดถูก
[นี้คงเป็นจุดจบของเรา...สินะ]
ด้านปรมัตถ์ที่หลังจัดการกับศัตรูไปแล้ว ก็รีบกระโจนกลับเข้ามาให้รถ ผ่านหน้าต่างที่คณณัฐเปิดเตรียมไว้ให้ เขาหันมามองโอโตฮวาแวบหนึ่ง
"เคลียร์พวกไล่ตามเรียบร้อยแล้ว" เขาบอก และหันไปทางหลี่ชิงชิง "หมอนี้เป็นยังไงบ้าง"
สีหน้าของหลี่ชิงชิงคือคำตอบ
ทันใดนั้นที่ปรมัตถ์ถูกโอโตฮวากระซากคอเสื้อให้เผชิญหน้าตรง ๆ คณณัฐกับหลี่ชิงชิงคว้าอาวุธออกมาจ่อตัวโอโตฮวา "ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้" หลี่ชิงชิงพูดเสียงเย็น จนปรมัตถ์ที่ได้ยินถึงกับเสียวสันหลังวาบ
"ใจเย็น ๆ สาวน้อย" โอโตฮวาพูด "ยังไงฉันก็ไม่รอดอยู่แล้ว และที่พูดค้างไว้ว่าฉันมีรางวัลจะให้แก ไอ้หนู"
"พูดเชี้ยอะไรของมึงวะ ปากดีขนาดนี้ดูยังไงมึงก็ตายยากว่ะ" ปรมัตถ์พูดและสลัดออกจากโอโตฮวาได้สำเร็จ "เลิกพูดอ้อมโลกแล้วบอกมา แกต้องการอะไรกันแน่"
โอโตฮวาหัวเราะ "ของขวัญที่ฉันจะมอบให้อยู่ที่แขนขวานของฉัน มันมีข้อมูลทุกอย่างที่แกต้องการ"
++++
โอโตฮวาถูกยกห่ามขึ้นเตียงลากตัวไปที่ห้องแผนกฉุกเฉินในทันที เมื่อรถแล่นเข้ามาในสนามบินซึ่งแม้จะโดนสั่งปิดให้บริการ แต่ระบบรักษาความปลอดภัยก็ยังอยู่ และคุ้มเข้มงวดมากกว่าทุกรอบ ปรมัตถ์กับคนอื่น ๆ พากันไปพักตากแอร์เย็นเพื่อคลายความเหนื่อย ซึ่งไม่นานนักทีมร้อยเอกหลิวเสี่ยวเสี่ยว และทีมของหลี่ชิงชิงก็ตามมาสมทบ พร้อมกับข่าวร้ายที่ทั้งสองทีมต่างสูญเสียสมาชิกในทีมไป
ขณะเดียวกับทางด้านของอัยการโพลและตำรวจมือปราบสากล ก็พึ่งจะเดินทางมาถึงสนามบินได้สามนาทีหลังจากที่เคลียร์ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการขนย้ายตัวนักโทษ สนามบินของฟรอนร์เทียร์แต่ละเขตล้วนจะมีห้องแผนกฉุกเฉิน ไว้สำหรับกรณีที่มีผู้โดยสารหรือเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ จะมีทีมแพทย์เข้ามาจัดการอย่างทันท่วงที ส่วนมากจะเป็นทีมแพทย์จากเอกชนหรือ "พลเรือน" ที่รัฐบาลจ้างมาให้ประจำการสนามบิน และตอนนี้โอโตฮวากำลังอยู่ในห้องผ่าตัด
"นายสี่คนไม่ได้รับบาดเจ็บใช่ไหม" ร้อยโทกู้เจิ้นหนานถามด้วยความเป็นห่วง
"ไม่ครับ" สี่ยุวชนทหารตอบพร้อมกัน
ร้อยเอกหลิวเสี่ยวเสี่ยวถอนหายใจ "ให้ตายสิ ยอมรับเลยนะว่าพวกนายบ้าบิ่นกว่าที่คิดอีกนะเนี่ย"
สักพักอัยการโพลพร้อมกับผู้กองแม็กซ์หัวหน้าทีมตำรวจมือปราบสากล ทั้งหมดมาเพื่อรอฟังผลจากข้างในห้องผ่าตัดที่ป้ายข้างหน้ายังเป็นสีแดงอยู่ จนกระทั่งหกนาทีต่อมาป้ายก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวอันเป็นสัญญาณว่า การผ่าตัดได้ยุติลงแล้วและในไม่ช้าประตูก็เปิดอ้าออกพร้อมกับหมอในชุดผ่าตัด
ทุกคนต่างจับจ้องมาที่หมอเป็นตาเดียวและแทบจะลืมหายใจตาม ๆ กัน เมื่ออัยการโพลถามถึงอาการของโอโตฮวาซึ่งคำตอบคือพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ก็คงต้องพักฟื้นเพื่อดูว่ามีอาการแทรกซ้อนหรือไม่ จึงแนะนำให้โอโตฮวาอยู่ที่นี่ก่อนอย่างน้อยหนึ่งวัน แน่นอนว่าผู้กองแม็กซ์ไม่คิดจะทำตามที่หมอแนะนำ เพราะคำสั่งคือต้องพาตัวโอโตฮวาไปรับโทษ
อัยการโพลไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่นัก
"ฉันรู้นะโพลว่านายจะพูดอะไร ฉันก็ยังยืนยันคำเดิมว่า ไม่" ผู้กองแม็กซ์พูด
"แต่แม็กซ์..." อัยการโพลทำท่าจะคัดค้านแต่ก็ถูกผู้กองแม็กซ์สวนกลับ ด้วยประโยคอันแสนจุกไปถึงทรวง
"นี่เป็นภารกิจของฉัน จำได้ไหมเพื่อนและอีกข้อหนึ่งที่ฉันอยากตอกย้ำความจำของนายหน่อย ไอ้คนที่อยู่ในห้องผ่าตัดมันคืออาญาชกรสงคราม มันฆ่าไม่เลือกหน้าทั้งเด็ก ผู้หญิง และคนแก่" ผู้กองแม็กซ์พูดเสียงเย็น
อัยการโพลนิ่งเงียบพูดไม่ออก
"ฉันหวังว่านายจะไม่ขัดขวางกัน" ผู้กองแม็กซ์พูด
"เข้าใจแล้ว"
+++++