บทที่ 13
จื่อเฉินล้มลงพื้น มันถึงขีดจำกัดของชีวิตแล้ว อาศัยแค่จิตใจที่ตั้งมั่น ถึงไม่ทำให้ตนเองสลบไป
“วิ๊ง!”
เสียเลือดมากเกินไป จนเกือบตาย หัวใจก็เหมือนจะหยุดเต้น ทันใดนั้นเอง หัวใจของจื่อเฉินก็เต้นแรงขึ้นมา เสียงดังตุบๆๆ พลังสีเงินก็ปรากฏขึ้นในหัวใจ แล้วก็ไหลออกไปทั่วร่าง
พลังงานนี้ ไหลผ่านกระดูก หลอดเลือด ไปยังทั่วทุกส่วนในร่างกาย ภายใต้พลังนี้ บาดแผลของจื่อเฉินก็กำลังสมานกลับมาเป็นปกติอย่างมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าเลย
เหมือนได้กินยาวิเศษ เลือดหยุดไหลออกจากแผล จากนั้นก็เริ่มตกสะเก็ด ทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นภายในไม่กี่ช่วงหายใจเท่านั้น พอหายใจเข้าออกไปแล้ว สะเก็ดแผลพวกนั้น ก็เริ่มหลุดร้อนร่วงลงมา แล้วเผยให้เห็นผิวพรรณที่ชุ่มชื้นเรียบเนียน
“เป็นแบบนี้จริงๆ ด้วย!”
บาดแผลหายได้อย่างรวดเร็ว ถึงแม้จื่อเฉินยังคงหน้าซีด แต่ว่ามีสติมาก พอเห็นสะเก็ดแผลที่จะหลุด จื่อเฉินก็ตาเป็นประกาย
พลังสีเงินมีอยู่ทุกส่วน จื่อเฉินรอดตายอีกครั้ง
หลังจากกลบรอยเท้าไปแล้ว จื่อเฉินก็แกล้งเดินเซไปข้างหน้า เขารู้ว่าจ้าวช่านจะต้องตามทางด้านหลังแน่นอน
หายจากการบาดเจ็บแล้ว แต่ชี่แท้ยังไม่มีได้ฟื้นฟู จื่อเฉินในตอนนี้ยังอ่อนแอมาก ต่อให้สู้กับจ้าวช่านที่บาดเจ็บ ก็ไม่แน่ว่าเขาจะเอาชนะได้
ดังนั้น เขาจะต้องหาที่พักผ่อนก่อน
อ้อมเขาไปหนึ่งลูก แล้วก็หาที่ลับๆ แห่งหนึ่ง จื่อเฉินเริ่มนั่งสมาธิ ฝึกวิชา
มีเวลาเหลือให้เขาไม่มากแล้ว ดังนั้นจื่อเฉินจำเป็นต้องรีบฟื้นฟูพลัง วิชาทะลวงกายฟ้าร้อง กำลังถูกขับเคลื่อนออกมา
ชี่แท้ฟ้าดินโดยรอบ มารวมที่จื่อเฉิน และจื่อเฉินในตอนนี้ ก็เข้าสู่ภวังค์
เขารู้สึกว่าตนเองได้กลายเป็นพลังของฟ้าดิน เปลี่ยนเป็นความว่างเปล่า เป็นเหมือนวิญญาณที่ล่องลอย จากนั้นก็เจอกับปริภูมิที่ไม่รู้จัก
นี่เป็นช่องว่างสีเงินแห่งหนึ่ง ในปริภูมิเต็มไปด้วยพลังของสายฟ้าสีเงิน นอกจากนี้แล้วก็ไม่มีอะไรอีกเลย มันดูว่างเปล่ามาก
“นี่มันคือที่ไหน?”
ตอนที่จื่อเฉินกำลังสงสัยอยู่นั่นเอง พลังสายฟ้าในปริภูมิสีเงิน อยู่ๆ ก็ขยับขึ้นมา แล้วก็หมุนปรากฏขึ้นตรงหน้า
จื่อเฉินถอยออกมา แล้วก็หลบหลีกพายุหมุนนั้น สายตาของเขา จับจ้องไปยังพายุหมุนนั้น
พายุหมุนเกิดขึ้นไม่กี่อึดใจ พลังจากนั้นก็หายไป ปริภูมิสายฟ้ากลับมาเป็นปกติ ตำแหน่งที่เกิดพายุหมุน ก็มีเงาคนหนึ่งปรากฏขึ้น
เป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่รอบตัวมีแสงสายฟ้าแพร่ออกมา
อายุของฝั่งตรงข้าม น่าจะแค่16-17 ถือว่ายังเป็นหนุ่มน้อยคนหนึ่ง แต่หนุ่มน้อยคนนี้กลับเปล่งสายฟ้าออกมา สีหน้าก็เย็นชามาก สายตาก็จับจ้อง
นี่คือหนุ่มสายฟ้า
จื่อเฉินทำตาโต มองไปยังหนุ่มสายฟ้าคนนั้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพราะว่ารูปร่างของหนุ่มสายฟ้าคนนั้น ก็คือร่างของตนเอง
“เป็นไปได้อย่างไรกัน?”
จื่อเฉินทำตาโต แล้วก็ตกใจมาก
หนุ่มสายฟ้าเห็นจื่อเฉิน สายตาที่เย็นชาก็ขยับๆ ขยับแค่นี้เท่านั้น จากนั้นหนุ่มสายฟ้าก็ยืนอยู่ที่เดิม สองมือกำหมัด แล้วสายฟ้ารอบตัวก็เริ่มเคลื่อนไหว
ไม่นาน เงาของพยัคฆ์ร้ายก็ปรากฏขึ้นบนตัวของหนุ่มสายฟ้า ดวงตาที่เย็นชาปิดลงเล็กน้อย แล้วก็ลืมขึ้นมาทันที สองหมัดก็ต่อยออกมาด้านหน้าอย่างแรง
“โฮก!”
เสียงคำรามของพยัคฆ์ จื่อเฉินก็เหมือนจะเห็นพยัคฆ์ตัวหนึ่งพุ่งออกมาตอนที่ฝั่งตรงข้ามออกหมัด
ทักษะการต่อสู้ระดับสาม หมัดพยัคฆ์
กระบวนท่าแรก เสือลงเขา
เสือลงเขาที่รุนแรง แฝงไปด้วยความเจาะจง ความเป็นใหญ่ พุง่มาทางจื่อเฉิน ระหว่างนี้ หนุ่มสายฟ้าก็ต่อยหมัดที่สอง เสือคำราม
เสียงพยัคฆ์คำรามสนั่นป่า เสียงที่ส่งออกมา แสดงถึงผู้เป็นใหญ่ที่กำลังปกป้องอาณาเขตตนเอง หลงจากมีเสียงคำรามแล้ว พลังของพยัคฆ์ร้าย ก็พุ่งขึ้นสูงสุด
กลายเป็นเจ้าป่าของจริง
สองกระบวนท่าแรกเป็นแค่การเริ่มต้น กระบวนท่าที่สามของหมักพยัคฆ์ เสือกระโจน ถึงจะเป็นการโจมตีสุดท้าย และรุนแรงที่สุด
ท่าทางที่รุนแรงของผู้เป็นใหญ่ หลังจากพลังถึงขีดสุด จื่อเฉินก็เห็นผู้เป็นใหญ่ในป่า กระโดดมาทางตนเอง ป้าปากกว้างเผยเขี้ยวฟันอันแหลมคม ตะครุบมาทางตนเอง
จื่อเฉินยืนอยู่ที่เดิม มองดูพยัคฆ์ตะครุบเข้ามาอย่างอึ้งๆ ทั้งตัวก็ถูกแสงสีเงินปกคลุมไปหมด
มีสติกลับมา จื่อเฉินหน้าซีด แล้วก็ลืมตาขึ้น สายตาของเขาดูเหนื่อยๆ ในขณะเดียวกันก็....ตกใจด้วย
“หมัดพยัคฆ์ เป็นธาตุแท้ของหมัดพยัคฆ์ หนุ่มสายฟ้าคนนั้นคือใคร แล้วปริภูมิสีเงินนั้นคือที่ไหน?” จื่อเฉินตกใจกับภาพที่คล้ายกับความฝันเมื่อสักครู่นี้
หนุ่มสายฟ้าร่ายออกมาแค่สามกระบวนท่า แต่กลับเต็มไปด้วยธาตุแท้ของหมัดพยัคฆ์ ทำให้ตอนนั้นจื่อเฉินได้เห็นพยัคฆ์ร้ายของจริง ผู้เป็นใหญ่ในป่าของจริง