บทที่ 4 หล่อนพูดภาษาไทยนี่นา
ฐานปาแลร์โม 10:00 น.
หลายวันหลังจากการพบกับซาร์คอฟ ไนท์แทบไม่ได้เจอลูอิสกับเจ้าชายอีกเลย สองคนนั้นออกไปทำธุระกันข้างนอกทุกวัน ทิ้งให้เธอนั่งกินนอนกินอยู่ที่ฐานกับไดและพวกแม่บ้าน
ไนท์กลิ้งตัวบนเตียงหนานุ่มอย่างเกียจคร้าน ฐานปาแลร์โมใหญ่โตและหรูหรากว่าบ้านคูเสคหลายเท่า แยกเป็นสัดส่วนระหว่างสำนักงานใหญ่ที่มีสมาชิกมาฟีออซีเดินเข้าออกขวักไขว่ กับคฤหาสน์คอสเตลลาโนของเจ้าชายที่เธออาศัยอยู่ มีสระว่ายน้ำและลานจอดเครื่องบินส่วนตัวเรียบร้อยทุกอย่าง หญิงสาวเอื้อมมือไปหมุนที่เปิดม่านให้แหวกออกจนสุด กระจกใสบานใหญ่มองออกไปเห็นสวนและบางส่วนของสระว่ายน้ำ
หญิงสาวยิ้มนิดๆ สมัยเด็กๆเธอกับเจ้าชายชอบเล่นกันในสระนี้มากจนโดนผู้ใหญ่ดุว่าเล่นน้ำหน้าหนาวแล้วจะไม่สบาย -- เธออยากว่ายน้ำ สระว่ายน้ำกระเบื้องที่มีไฟสว่างและกดปุ่มให้หลังคาอัตโนมัติเลื่อนมาบังแดดได้น่าลงไปนอนลอยเป็นที่สุด
..ไม่เหมือนกับทะเล
ก็อกๆ
เสียงเคาะประตูเบาๆ ไนท์หันหน้าไปมอง มาดามมิมส์แง้มประตูช้าๆก่อนจะยิ้มเมื่อเห็นว่าหญิงสาวตื่นอยู่
"ตื่นแล้วทำไมไม่ลงไปข้างล่างล่ะคะคุณหนู ป้าอุตส่าห์เตรียมซุปฟักทองไว้ให้" ไนท์แย้มรอยยิ้ม
"ลงแล้วค่า~ ซุปของป้าน่ะอร่อยที่สุดในโลก"
"รู้แล้วก็เร็วซีคะ นี่มันจะเที่ยงแล้วนะเนี่ย"
มาดามมิมส์บ่นพึมพำอะไรอีกสองสามเรื่องขณะที่ไนท์เข้าไปในห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟัน หญิงสาวยิ้มนิดๆเมื่อมองหน้าตัวเองในกระจก จะมีใครนอนแล้วหัวยุ่งขนาดเธอไหมบนโลกนี้ มือเล็กหยิบที่หนีบผมก็ได้ก็จับมาใช้ เปลี่ยนแชมพูใหม่ไม่คันแล้วเธอก็พอใจไม่คิดมากอะไรอีกกับเส้นผม นัยน์ตาคู่สวยหันมองมาดามมิมส์ที่ยังคงจัดเตียงให้เรียบ
"ป้าขา" ไนท์เอ่ยน้ำเสียงออดอ้อน "นี่ไม่มีอะไรให้ไนท์ทำจริงๆเหรอ"
"ไม่มีงานอะไรสั่งไว้นี่คะ อยากจะเล่นอะไรก็ตามใจคุณหนูแหละค่ะ"
"งั้นไนท์ออกไปข้างนอกได้รึเปล่า"
"ไม่ได้หรอกค่ะ คุณชายสั่งเอาไว้ ถ้าจะออกนอกบ้านก็เข้าออฟฟิศได้อย่างเดียว"
"โหย~ ป้าก็รู้นี่คะว่าไนท์เบื่อจะตายอยู่แล้ว ไม่เห็นมีอะไรให้ทำเลยอะ"
"งั้นจะช่วยป้าทำอาหารไหมล่ะคะ"
"โอ้ว ป้าขา... ป้าพูดสิ่งที่จะฆ่าคนอย่างนั้นได้ยังไง!"
ไนท์ทำเสียงสูง มาดามมิมส์หัวเราะคิกๆ ไนท์ประกาศตัวเป็นศัตรูกับงานบ้านทุกชนิดตั้งแต่เด็กๆ ความสามารถที่หายไปนี้ถูกนำไปเพิ่มให้แก่ทักษะแบบมาฟีออโซ่แทน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องร้ายอะไร กลับเป็นเรื่องดีเสียอีกที่ทำให้เธอได้เป็นเอสคอร์ท(ที่ปรึกษาคุ้มกัน)ของเจ้าชายเสียอีก
ร่างเล็กเพรียวลงมานั่งกินซุปฟักทองอยู่ที่ชั้นล่างในอีกห้านาทีถัดมา มือฉีกขนมปังให้เป็นชิ้นเล็กๆแล้วจุ่มซุปมากินอย่างสบายใจ ขี้เกียจไปนั่งโต๊ะอาหาร กินมันตรงเคาน์เตอร์หน้าครัวนี่แหละ ไนท์โผล่หน้าไปดูห้องคอมพิวเตอร์ เสียงรัวนิ้วบนแป้นคีย์บอร์ดลอยมาเหมือนเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของได
"ได! เอาซุปฟักทองไหม"
"ฮะ? อะไรนะครับ" เสียงไดถามกลับมา ไนท์เลื่อนตัวจากเก้าอี้และอุ้มชามซุปเข้าไปห้องคอมด้วย
"นายไม่เปิดไฟแบบนี้เดี๋ยวสายตาก็ยิ่งสั้นหรอก" ไนท์บ่นทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องคอม เปิดไฟให้สว่างก่อนจะวางชามซุปและนั่งข้างชายหนุ่ม "ทำอะไรอยู่ คุยกับแฟนเหรอ"
"เปล่าครับ!" แก้มของไดสีเข้มขึ้นเล็กน้อย ใครบอกอะไรยัยนี่เนี่ย! "ผมดูสถานที่รับเงินอยู่ ตอนนี้กำลังส่งเงินกัน"
"ไหน" ไนท์ยื่นหน้ามาดูขณะปากยังเคี้ยวขนมปัง บนจอปรากฏเป็นแผนที่และระบบติดตาม GPS "นั่นคนของเราเหรอ"
"ครับ กำลังผ่านวงเวียน... มีตั้งหลายกลุ่ม นี่ไงครับคนของซาร์คอฟรับเงินกันเป็นทอดแรกที่จัตุรัสอนุสรณ์ ทอดที่สองเป็นคนของเราอีกตรงเชิงสะพาน" ไดใช้เคอร์เซอร์เมาส์ชี้ให้ดูเส้นทาง "ทอดที่สามก็เป็นคนของเรา มีตำรวจตามมาด้วย ทอดที่สี่เป็นคนของซาร์คอฟกำลังรออยู่"
"ตำรวจอีกละ" เสียงหวานบ่น "ชอบจองเวรจองกรรมอะ"
"แต่ก็ไม่เคยจับได้นี่ครับ" ไดดันแว่น สีหน้ากังวลหน่อยๆแม้จะพูดออกไปอย่างนั้น "ตำรวจสากลตอนนี้เยอะมากเลย ผมยังกลัวว่าจู่ๆวันใดวันหนึ่งตำรวจจะมาถึงฐานเราแบบไม่รู้ตัว..จริงๆนะครับไนท์" เขาเสริมเมื่อเห็นหญิงสาวทำหน้าแบบไม่เชื่อ
มือขาวดึงมีดพกสีเงินปลาบขึ้นมาควงอย่างชำนิชำนาญ นัยน์ตาเป็นประกาย "ถ้าเป็นงั้นจริง ฉันก็ฆ่าให้หมดเอง โอเค้?" เจ้าหล่อนเอาปลายมีดมาแตะหน้าเขาเล่นเบาๆ "อย่าเครียดสิหน้าแก่หมดแล้ว" ไดกลืนน้ำลาย
"ง่า.. ครับๆ" ชายหนุ่มดันแว่นอีกที เชื่อแล้วว่าตำรวจน่ะไม่ค่อยน่ากลัวหรอก สาวน้อยข้างๆเขานี่สิว่าไปอย่าง
"อ๊ะ มาแล้ว" ไนท์ว่า ไดมองหน้าจอและดันแว่น รถของพวกที่ถือเงินอยู่ตอนนี้เข้ามาในเขตจุดนัดพบ "พวกตำรวจจะตามมาอีกทำไมนะ" เสียงหวานบ่นเบาๆ
"ฝนเริ่มจะตกแล้ว" ไดเอ่ยขึ้น "ดีเหมือนกันนะครับตำรวจจะได้ตามยากหน่อย"
~~ติ๊ด ตะลิด ตะลิด ตะลิด ติ๊ด ปิ้วๆ~~
เสียงโทรศัพท์ข้างๆคอมดังขึ้น ไนท์เอื้อมมือไปกดปุ่มรับให้ ไดชอบเสียงเรียกเข้าแบบนี้หรือเนี่ย ว่างๆต้องมาเปลี่ยนให้ซะแล้ว
"ว่าไงครับ"
["ได มีเรื่องผิดแผน"] เสียงลูอิสดังครืดคราดมาตามสาย
"ทำไมครับ"
["คนรับเงินทอดก่อนสุดท้ายของทีมเก้าตอนนี้ถูกตำรวจสากลเก็บไปแล้ว"]
"หา!" ไนท์อุทาน "คนของเราเหรอ! เกิดขึ้นได้ยังไง"
["ไนท์ก็อยู่ตรงนั้นด้วยเหรอ ดีเลย กำลังจะบอกให้ไดไปปลุกเธอออกมาเป็นคนรับเงินแทนหน่อย"]
"ทำไมต้องฉันด้วยง่ะ.." หญิงสาวบ่นอุบก่อนจะถาม "แล้วไปรับที่ไหน"
"สวนสาธารณะตรงนี้ครับ" ไดตอบแทน คลิกเมาส์ให้ภาพสถานที่ในจอขยายขึ้นมา "พอรับเงินจากคนของซาร์คอฟแล้วก็ไปที่รถ.. เอ่อ คนขับรถยังไม่ถูกเก็บใช่ไหมครับลูอิส"
["โดนแล้ว ตายหมู่ทั้งทีมแล้วนั่นแหละ ยังไม่ทันถึงปาร์คด้วยซ้ำ แต่ฉันจะขับรถไปรอแทน"]
"งั้นไนท์ก็ขึ้นรถตรงประตูด้านหลังครับ แล้วที่ลูอิสก็จะพาไปหาเจ้าชายที่โรงแรม.."
["เออ ไม่ต้องอธิบายแล้ว ที่เหลือฉันจัดการเอง เธอน่ะออกมาเลยยัยเตี้ย แต่งตัวให้เหมือนสาวๆที่มาเดินเที่ยวหน่อยนะ"] ลูอิสขัดคำร่ายของได ไนท์ลุกขึ้น
"ได้ๆ ..ว่าแต่ใครจะไปส่งฉัน หรือจะให้นั่งรถเมล์ไหม ไปสวนสาธารณะแค่สี่ป้ายเอง"
["ยังไงก็ได้ เงินจะมาถึงทอดของเธอก็คงอีกประมาณครึ่งชั่วโมง"] ไนท์ยิ้มหวาน ได้โอกาสออกไปนอกบ้านก็ไม่เลวเหมือนกัน
"โอเค แล้วเจอกัน"
***
รถประจำทางสายน้ำเงิน
หยาดน้ำฝนโปรยปรายมาเกาะที่กระจกรถ ไนท์เอนหน้าแนบกับกระจกเย็นๆ ลมหายใจของเธอก่อให้เกิดฝ้าสีขาวขุ่น การจราจรล่าช้ากว่าปกติเล็กน้อย มือขาวม้วนตั๋วในมือเล่นจนมันดูเหมือนหลอดผอมๆ
สายตาหลายคู่จับจ้องมายังสาวน้อยที่เก้าอี้หน้าสุด ร่างเล็กอยู่ในเสื้อสีฟ้าอ่อนผ้าบางเบาที่ซ้อนเป็นชั้นๆและกระโปรงสั้นสีขาว สร้อยข้อมือหินสีฟ้าเม็ดกระจิริดเช่นเดียวกับสร้อยคอดูเด่นบนผิวขาวเหลืองอย่างชาวเอเชีย ไนท์รวบผมขึ้นไปอย่างลวกๆ นัยน์ตาคู่สวยชายมองรอบตัวอย่างรวดเร็วจนหนุ่มๆแกล้งทำเป็นไม่มองแทบไม่ทัน รอยยิ้มบางปรากฏบนเรียวปากได้รูป
เสน่ห์ยังไม่ตกแฮะ.. ใช้ได้ๆ
รถประจำทางจอดที่ป้ายหน้าสวนสาธารณะ ไนท์กางร่มเดินลงมายังฟุตปาธ หันซ้ายหันขวาเพื่อมองหาใครสักคนที่ดูท่าทางจะเป็นพวกเดียวกับเธอแต่ก็ไม่มี
"สงสัยจะยังไม่มา" เสียงหวานบ่นพึมพำ สวมเสื้อกันหนาวสีขาวฟ้าที่ลูอิสเพิ่งสั่งคนซื้อให้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมา ก่อนจะก้าวผ่านประตูอย่างระมัดระวัง ไม่เข้าใจว่าทำไมมาดามมิมส์ถึงชอบให้ใส่รองเท้าส้นสูง
ภายในสวนสาธารณะมีคนเดินอยู่เพียงเล็กน้อย ไนท์เดินเข้าไปในบริเวณที่เป็นลานหินสีน้ำตาลแดงล้อมรอบด้วยร้านค้าเล็กๆเป็นแถว อย่างน้อยก็พอมีหลังคากันสาดให้หลบฝนบ้าง
~~ฉันน่ารักล่ะซี่ เลยโทรเข้ามา~~
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์เบาๆ ไนท์รีบกดรับ ลูอิสติดต่อมา
["เธออยู่ที่ปาร์คแล้วรึยัง"]
"อาฮะ.. คนของรัสเซียมาแล้วเหรอ"
["เปล่า ไม่ใช่"] ลูอิสเอ่ยอย่างรวดเร็ว ["ฝนตกเลยการจราจรติดขัดนิดหน่อย ฟาราห์กำลังไปหาเธอ รอนานหน่อยนะ"]
"ฟาราห์? โห~ คนของรัสเซียเป็นผู้หญิงแฮะ! นึกว่าจะไม่มีมาฟีออโซ่ผู้หญิงแล้วซะอีกนอกจากฉัน"
["อย่าพูดดังสินั่นมันทับศัพท์.. ยังไงตอนนี้ฉันก็รถติดอยู่เหมือนกัน ขอโทษนะไม่นึกว่าเธอจะถึงเร็ว"]
"งั้นฉันเข้าไปนั่งกินไอติมคอยได้ปะ"
["ในปาร์คมีร้านไอติมด้วยเหรอ.. เออ เอาเถอะ เดี๋ยวฉันโทรบอกฟาราห์ให้ว่าเธออยู่ร้านไอติม มีร้านเดียวใช่ไหม"]
"อื้ม นายรีบมาด้วย" ไนท์กดวางสาย เลียริมฝีปากมองภาพโปสเตอร์ทิรามิสุตรงกระจกร้านไอศกรีม ในฐานะสาวกช็อกโกแลต ขอลืมเรื่องไขมันชั่วคราวก็แล้วกัน
***
สายฝนปรอยเริ่มหนาเม็ดขึ้นทุกทีและไม่มีท่าทีว่าจะหยุดง่ายๆ ชายหนุ่มผมดำยืนดูนาฬิกาอยู่ใต้กันสาด ไม่เห็นมีวี่แววของพวกมาเฟียหน้าไหน หรือใครที่ดูมีพิรุธเลยสักคน กางเกงสแล็คสีขาวของเขาเริ่มจะเปียกแล้ว สงสัยต้องหาที่หลบฝนสบายๆเสียหน่อย
ร้านไอศกรีมมีคนอยู่พอสมควร กระจกใสพ่นด้วยสเปรย์หิมะมองทะลุเข้าไปด้านในได้ หญิงสาวผมดำยาวที่เคาน์เตอร์ยาวติดกับกระจกนั่งตักไอศกรีมช็อกโกแลตด้วยท่าทางที่บ่งบอกว่าอร่อยสุดขีด ไอศกรีมช็อกโกแลต...หรือบางทีอาจเป็นทิรามิสุ? รูปร่างเล็กเพรียวและผิวขาวเหลืองอย่างคนเอเชียทำให้เขาสนใจ เสื้อหนาวสีขาวอมฟ้ามีเฟอร์ถูกถอดพาดไว้กับโต๊ะ เผยให้เห็นช่วงไหล่เล็กบางใต้เสื้อสีฟ้าและสร้อยหินตรงข้อมือ
นัยน์ตาสีเข้มหรี่ลง... คุ้นๆแฮะ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
พลันโทรศัพท์มือถือเขาก็สั่นอย่างกับผีโดนข้าวสารเสก(สั่นอย่างแรง) เรียกร้องความสนใจเจ้าของให้กดรับ ในชีวิตของตุลภัทร ไม่เคยคิดจะใช้เสียงเรียกเข้า
"ครับสเตฟ"
["ไอ้ตุล! เจออะไรมั่งยัง"]
"ยังไม่มีวี่แววเลย"
["เหรอ... แต่พวกมาเฟียน่าจะส่งชุดใหม่ไปนะ มีกลุ่มหนึ่งถูกเก็บระหว่างทางไปแล้วนี่... หรือว่าเราเดาจุดนัดพบพวกมันผิดฟะ?"]
"เฮ้อ จะยังไงก็ช่าง ผมขอไปหลบฝนในร้านใกล้ๆได้ไหม"
["ตามใจ อย่าลืมงานล่ะ"]
"ครับ แน่นอน"
วางสายเสร็จก็เข้าร้านไอศกรีมทันที เสียงกระดิ่งที่ติดไว้หน้าประตูเรียกบริกรในร้านให้หันมาพาตุลไปยังที่นั่งว่าง....ข้างหญิงสาวในเสื้อฟ้า ที่ละเลียดทิรามิสุตรงหน้าเหมือนไม่มีอะไรอีกแล้วในโลกนี้ที่สำคัญเกินกว่ามัน
"รับอะไรดีครับ"
"เอ่อ..." นัยน์ตาสีเข้มกวาดมองเมนู "Rocky Road ละกันครับ"
"ก้อนเดียว?"
"ครับ" ขอแค่อะไรที่มันจะทำให้เขาหลบฝนได้ก็พอ
"รอสักครู่ครับ"
บริกรทำท่าจะเดินจากไป แต่เสียงหวานของสาวน้อยข้างๆเรียกไว้ซะก่อน
"เดี๋ยวๆๆ เดี๋ยวค่ะ! ฉันขอสั่งเพิ่ม"
เสียงอังกฤษสำเนียงอเมริกันพูด ทั้งที่ทิรามิสุยังไม่หมดถ้วยดี ตุลหันมองหน้าผู้พูด อยู่ใกล้ๆถึงได้สังเกตว่านัยน์ตาคมตรงหน้าเป็นสีดำ ดำสนิทเหมือนท้องฟ้าคืนเดือนมืด แต่กลับสวยดึงดูดใจยิ่งกว่าม่านตาสีสดใสของชาวยุโรป คล้ายจะซ่อนหลายสิ่งหลายอย่างไว้ในความมืดลึกล้ำนั้นชวนให้เข้าไปค้นหา ดวงตาสีนี้ทำให้ตุลคุ้นเคย
"โอ๊ะ ไม่ต้องเอาเมนูก็ได้ค่ะ" หญิงสาวยิ้ม เลียช็อกโกแลตจากริมฝีปากบางสีชมพูส้ม "เอา Black Forest, Love Potion, Snowy Mint แล้วก็... Almond Vanilla อ้อ! Lemon Sherbet ด้วย เสิร์ฟพร้อมฟองดูช็อกโกแลตนะคะ"
บริกรกำลังเกิดอาการค้าง เช่นเดียวกับตุล นี่ทิรามิสุถ้วยเบ้อเริ่มเจ้าหล่อนยังไม่อิ่มเหรอเนี่ย ตัวก็ออกจะผอม
"อะไรเหรอคะ" สาวน้อยเอียงคอเมื่อเห็นบริกรยืนเอ๋อ
"เอ่อ ขออภัยช่วยทวนอีกทีครับ.."
ตุลหันกลับไปมองออกนอกกระจก ฟังเสียงหวานร่ายทั้งหมดอีกครั้งแบบไม่มีตกหล่น จนพอบริกรเดินจากไปในที่สุด นัยน์ตาสีเข้มถึงหันมาโดยที่คนถูกมองไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่าทิรามิสุของหญิงสาวหมดตั้งแต่เมื่อไหร่แต่ตอนนี้มันก็เกลี้ยงแล้ว เธอเตี้ยกว่าเขาตั้งหลายเซ็นต์ ตัวเล็กๆแบบนี้ทำไมถึงกินเก่งนะ..
~~ฉันน่ารักล่ะซี่ เลยโทรเข้ามา~~
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของหญิงสาวเบาๆ เบามากเสียจนฟังจับคำไม่ออกว่าเพลงอะไร เจ้าของมือถือกดรับ
"ว่าไง ถึงแล้วเหรอ"
เสียงหวานเรียกให้ตุลหันขวับไปมอง คราวนี้ไม่ใช่เพราะเรื่องพฤติกรรมการกินที่แปรผกผันกับรูปร่าง แต่เพราะเสียงที่เขาได้ยินชัดเจนในหู
ภาษาไทยนี่นา...
"ร้านไอติมไง มีอยู่ร้านเดียวแหละ หลังคาสี...เอ่อ.." เธอชะโงกหน้าไปชิดกระจก "สีขาวสลับน้ำเงิน.. ร้านที่เป็นกระจกไงลูอิส พ่นเป็นหิมะน่ะ เห็นแล้วใช่ม้า... อื้มๆ แค่นี้นะ"
ตุลนิ่งงัน ความรู้สึกบางอย่างเต็มตื้นขึ้นมาในฉับพลันนั้น เหมือนปากมันจะขยับเป็นรอยยิ้มเอง เวลาได้ยินเสียงที่เพราะแสนเพราะอย่างนี้ มันเรียกให้ตุลอยากกลับบ้านอย่างกะทันหัน เฮ้ย! แกไม่ได้อยู่เมืองไทยมากี่ปีแล้วฟะ เกิดเป็นบ้าอะไรขึ้นมา..
ไอศกรีมที่ทั้งสองสั่งยกมาเสิร์ฟขนาดถ้วยต่างกันลิบลับ สาวน้อยฮัมเพลงเป็นทำนองสั้นๆอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเริ่มละเลียดไอศกรีมด้วยสีหน้ามีความสุข(สุดๆ)อีกรอบ น่ารักดีแฮะ เป็นคนไทยด้วย ขอเบอร์ซะดีไหมเนี่ย
กรุ๊งกริ๊ง~
ร่างสูงในชุดสีดำผลักประตูร้านเข้ามา นัยน์ตาสีดำเช่นเดียวกับเรือนผมหยุดที่หญิงสาวข้างๆเขา ตุลลอบมอง.. ถ้าจะว่าใครในร้านนี้น่าสงสัยที่สุดก็คงเป็นหมอนี่
"อ้าว นึกว่าหลงทางซะอีก"
ไนท์หันไปส่งยิ้มให้ลูอิส คนตัวสูงก้าวมานั่งข้างๆและส่ายหน้าให้บริกรที่ยื่นเมนูมา เขามองฟองดูช็อกโกแลตตรงหน้าเธอก่อนจะเลิกคิ้ว
"ทานแค่นี้อิ่มเหรอน้องสาว"
"แหม~ นายก็รู้นี่"
"งั้นซื้อกลับบ้านไหม"
"กู๊ดไอเดีย!" ตอบกลับเสียงใส ฮุๆ ดีนะที่บริกรเก็บถ้วยทิรามิสุไปแล้วลูอิสเลยไม่เห็น
ไนท์ตัก Black Forest ป้อนเอาใจคนจ่าย ลูอิสหัวเราะหึแต่ก็ยอมกินทั้งที่ไม่ชอบของหวานเท่าไหร่ "ไม่มีกาแฟเหรอ เออจริงฉันลืมไป เธอไม่กินกาแฟนี่นา"
"ซื้อ Rocky Road กลับบ้านนะ เห็นคนข้างๆกินแล้วชักอยากกินมั่ง"
ตุลเลิกคิ้ว นั่งเฉยๆยังโดนลากไปพาดพิงซะงั้น เขายิ่งไม่อยากให้ผู้ชายคนนั้นมองมาอยู่ รีบๆกินอย่างเอาจริงเอาจังเลยดีกว่า นัยน์ตาคมกริบของลูอิสปรายมองแวบหนึ่งแล้วก็กลับไปที่หญิงสาวโดยไม่ใส่ใจตุลมากนัก
"ตามใจเถอะ ตราบใดที่ไม่ใช่ Love Potion ทุกคนก็พอทานได้อะนะ"
"ทำไม้~ มันไม่ดีตรงไหน"
"มีเธอคนเดียวแหละที่บอกว่าอร่อย"
"ไม่จริง! มาดามมิมส์ยังชอบเลย แล้วถ้าไม่อร่อยร้านเขาจะทำมาขายปะ" ไนท์ทำหน้าชวนให้หมั่นไส้ ลูอิสขยี้ผมเธอแรงๆ
"ฉันขี้เกียจเถียงแล้ว รีบๆทานก่อนมันจะละลาย"
โทรศัพท์ของตุลสั่นผีเข้าขึ้นมาอีกรอบ ไนท์และลูอิสเงียบเสียงไปตามมารยาท
"ครับ"
["รถพวกมาเฟียมาถึงแล้ว"]
ตุลวางเงินไว้ข้างถ้วยไอศกรีมโดยไม่รอเงินทอนแล้วรีบออกไป บริกรมาเก็บเงินและโค้งด้วยความดีใจที่ได้ทิปเยอะขนาดนี้ แป๊บเดียวมือถือลูอิสก็ดังขึ้นมา
~~Hi, baby! 1 2 3... Hale' oh! Louie de cabby!~~
"เธอเปลี่ยนเสียงเรียกเข้าฉันอีกแล้วใช่ไหมฮะยัยเตี้ย!" ลูอิสว่าทั้งที่ไนท์ทำสีหน้าบริสุทธิ์ จะเป็นใครซะอีกไอ้เสียงร้องพรรค์นี้ เขากดรับ "ถึงแล้วเหรอฟาราห์"
ไนท์นั่งเงียบๆ ขณะที่ลูอิสทำหน้าเครียด ฟังปลายสายพูดอย่างเดียว ท่าทางจะมีปัญหา ไนท์รีบเขมือบไอศกรีมและฟองดูให้เรียบ ลูอิสวางสาย
"เดี๋ยวฟาราห์จะมาที่ร้านนี่แหละ พวกตำรวจตามมาเป็นฝูง คนขับรถจะล่อพวกมันไปทางอื่น" ไนท์เอียงคอ
"เรียกได้สนิทจังนะ..ฟาราห์เขาไม่มีนามสกุลรึไง"
"ทำไม"
"ปากแข็งนะเรา" ว่าแล้วก็โดนลูอิสมองด้วยสายตาชั่วร้ายจนน่ากลัว "อ่า.. ไม่ล้อแล้วก็ได้"
ที่ด้านนอกของร้าน ตุลกับพวกตำรวจคนอื่นๆรวมตัวกัน สเตฟโดดลงมา หน้าตาบ่งบอกว่าไม่สบอารมณ์ ตำรวจส่วนหนึ่งตามรถที่ขนเงินมาไปแล้วแต่ก็เดาได้ว่าเป็นแค่นกต่อ คนที่ถือเงินอยู่ตอนนี้คงออกจากรถไปแล้วและไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน
"ตุล เป็นไง"
สเตฟถาม ตุลส่ายหน้า พวกมาเฟียปั่นหัวตำรวจเล่นล่ะเก่งนัก สเตฟสบถพึมพำก่อนจะส่งสัญญาณให้ตำรวจทุกคนขึ้นรถ
"ผมว่าปิดถนนไว้แล้วขู่ฆ่าอาจจะยังทัน"
"ไม่มีประโยชน์ว่ะ.. นายไม่เห็นใครน่าสงสัยเลยเหรอ"
"มีคนแต่งตัวแปลกนิดหน่อยครับ แต่ก็ไม่ได้มีพิรุธอะไร"
"เฮ้อ... ถือซะว่างานนี้ชวดไปละกัน"
สายฝนเริ่มซาลง พร้อมกับแสงแดดจางลอดกลีบเมฆ หญิงสาวผมสีอ่อนหยักศกห่างจากกลุ่มตำรวจไปไม่เท่าไหร่ก้าวเดินเข้าสู่ลานหินสีน้ำตาลออกแดงที่เปียกน้ำฝนจนกลายเป็นสีส้มอิฐ ร่างสูงระหงหยุดนิดหนึ่งก่อนจะเลี้ยวเข้าร้านไอศกรีม สะบัดหยดน้ำออกจากร่ม
กรุ๊งกริ๊ง~
นัยน์ตาคมกริบของลูอิสตวัดฉับมาที่เธอเป็นสิ่งแรก ฟาราห์ขยับรอยยิ้ม ไนท์หันมามองเธอและยกมือทักทาย ฟาราห์เดินเข้าไปนั่งข้าง เรือนผมสีอ่อนยาวจรดเอวทิ้งตัวสลวยตัดกับชุดแสคสีเข้ม
"คุณคงเป็นไนท์แมร์" ฟาราห์จับมือไนท์เบาๆ "ฟาราห์ ดูลบินสกี้ โค้ดเนมไวซ์รอย"
"ไนท์ค่ะ โค้ดเนมเอสคอร์ท"
"ตำรวจตามมาอีกหรือเปล่า" ลูอิสส่งคำถาม ฟาราห์ยิ้ม
"ตาม แต่ไปกันหมดแล้ว ไม่ต้องห่วง" ฟาราห์เหวี่ยงกระเป๋าใบย่อมๆลงบนโต๊ะดังโครม "ส่วนนี้ครบถ้วนสิบล้าน ส่งให้ถึงมือเจ้าชายของพวกคุณด้วย ท่านซาร์คอฟบอกมาอย่างนี้"
"จะรีบไปเลยหรือคะ" ไนท์ถาม "พักก่อนก็ได้ ฝนยังไม่หยุดดีเราไม่รีบ"
ฟาราห์ยิ้มน้อยๆ "ก็ดีเหมือนกัน"
สักครู่ไนท์ก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ บริกรยกไอศกรีมของฟาราห์มาเสิร์ฟ นัยน์ตาสีน้ำทะเลของหญิงสาวมองลูอิสที่กำลังเท้าโต๊ะจ้องเธอ
"คุณบอกให้ไนท์แมร์ไปเพื่อจะหาโอกาสอยู่กับฉันล่ะสิ" เธอเอ่ยยิ้มๆ เป็นรอยยิ้มแสนสวยที่ซ่อนเสน่ห์ลึกลับจนคนมองถอนตัวไม่ขึ้น ลูอิสหัวเราะหึ
"แล้วคุณคิดว่ายังไง"
ร่างสูงเลื่อนเข้ามาใกล้เธอ ฟาราห์หันหน้าไปหาถ้วยไอศกรีมของตัวเอง
"ฉันไม่คิดด้วยซ้ำว่าคุณจะเข้าร้านไอศกรีม"
"มันแปลกตรงไหน"
"คุณไม่ชอบของหวาน"
"ตอนนี้ผมชักจะชอบแล้ว"
เจ้าหล่อนหันกลับมาสบตา นัยน์ตาไหวระริกอย่างรู้ทันว่าเขาหวังให้ป้อน แต่เรื่องอะไรเธอต้องเล่นตามเกมของเขา เธอชอบคุมเกมตามแบบของเธอ
"ที่ว่าชอบเนี่ย รู้ไหมว่าเป็นรสอะไร"
มือขาวผ่องหมุนช้อนตักเนื้อไอศครีมเล่น ก่อนจะเอามาแตะที่เรียวปากอิ่ม ลูอิสขยับรอยยิ้มเมื่อเห็นว่าเจ้าหล่อนจงใจยั่วเขา แล้วพอดีเขาก็รู้คำตอบซะด้วย
"Angel Kisses ไง"
เสียงกระซิบแผ่วเบา ใบหน้าคมคายเลื่อนเข้าประชิดก่อนจะประกบริมฝีปาก นานเท่าไรแล้วก็ไม่รู้ที่ไม่ได้เจอเธอ การเป็นมาฟีออโซ่มีข้อเสียคือไม่อาจทำตามใจโดยเฉพาะเมื่ออยู่คนละฝ่ายกันแบบนี้ ไม่ว่าใครจะมองฟาราห์ว่าเป็นผู้หญิงที่ฉลาดร้ายกาจจนน่ากลัว หากสำหรับลูอิส มันเป็นเสน่ห์อันเย้ายวนที่ทำให้เธอแตกต่างจากผู้หญิงสวยไร้สมองคนอื่นที่คอยแต่จะออดอ้อนเขาอย่างน่ารำคาญ
รสหวานๆของไอศกรีมราดช็อกโกแลตเหล้าทำให้เขาเมามาย แค่ตัวฟาราห์เองเขาก็จะคลั่งใจตายอยู่แล้ว ยิ่งนานวันยิ่งถลำลึกลงไปทุกที จูบกันทุกครั้งย้ำให้ลูอิสรู้ว่าเขาติดไวซ์รอยของพวกรัสเซียคนนี้เข้าเต็มเปา อยากจะสัมผัสเธอมากกว่านี้ อยากอยู่กับเธอนานๆ
มือขาวดันเขาเบาๆ จุมพิตร้ายกาจของลูอิสเหมือนคำสาปที่ทำให้ผู้หญิงทุกคนใหลหลง แต่ฟาราห์เป็นคนหนึ่งที่พยายามจะไม่ตกหลุม ลูอิสถอนริมฝีปากอย่างอ้อยอิ่ง ลมหายใจอุ่นๆคลอเคลียบนใบหน้าอีกฝ่าย
"ไม่อยากคิดเลยว่าจะมีคนอื่นได้จูบคุณแบบนี้อีกหรือเปล่า" ชายหนุ่มกระซิบ ฝังจมูกบนแก้มเธอแรงๆ "เวลาทำงานอย่าทำแบบนี้นะ" หญิงสาวหัวเราะและขืนตัวออก
"เอาเงินไปให้เจ้าชายได้แล้ว" ฟาราห์ว่า "ฉันต้องกลับไปหาท่านซาร์คอฟ ช้ากว่านี้ฉันโดนลงโทษแน่"
ลูอิสยกมือขึ้นทัดเส้นผมสีอ่อนของหญิงสาวไปด้านหลัง "เมื่อไหร่เราจะได้เจอกันอีก"
"ถามแบบนี้ทุกทีไม่เบื่อหรือไง" ฟาราห์ลุกขึ้น โน้มตัวลงมาจูบเขาเบาๆที่ริมฝีปากเพื่อบอกลา "ฝากลาไนท์แมร์ด้วย เธอน่ารักดีนะ"
ร่างระหงเดินออกจากร้านไป ลูอิสมองตามเงียบๆ ยกมือขึ้นลูบผมตัวเองที่ชี้ปัดไปมาระต้นคอ นัยน์ตาเลื่อนมาหยุดที่ถ้วยไอศกรีมของฟาราห์ที่ละลายไปหมดแล้ว ไนท์เดินมาหาเขาและยิ้มน้อยๆ
"เดทกันซะพอใจแล้วสิ ป้ะ..ทำงานกันซะที"
"อืม" ลูอิสรับคำ เรียกบริกรมาคิดเงิน เพิ่งสังเกตว่าไนท์ถือกล่องไอศกรีมใส่ถุงกลับบ้านเรียบร้อย "อ้อ.. ขอ Angel Kisses กลับบ้านด้วย"
***
โรงแรม 14:28 น.
เจ้าชายนั่งรออยู่ในล็อบบี้ของโรมแรมที่อยู่ห่างจากไทม์สแควร์เพียงสองบล็อกถนน นาฬิกาไม้เรือนใหญ่ที่โถงเดินไปอย่างช้าๆ เงาของลูกตุ้มทองเหลืองแกว่งซ้ำไปมาสะท้อนอยู่ในดวงตาสีฟ้าเข้มนิ่งสงบราวกับผืนน้ำที่ไร้คลื่นลม การ์ดแต่ละคนของเขาทยอยนำเงินที่ถูกแบ่งใส่หลายๆกระเป๋าเข้ามายังโรงแรมแห่งนี้ และในที่สุด ก็เหลือแค่ส่วนเดียวที่ยังมาไม่ถึง
"ท่านครับ"
การ์ดจากฐานปาแลร์โมเรียก เจ้าชายหันมอง
"มาแล้วหรือ"
"ครับ"
ร่างสูงลุกขึ้นจากโซฟาหรู เขายังคงแต่งชุดสีดำล้วนอย่างเคย ลูอิสกับไนท์ก้าวยาวๆเข้ามาในล็อบบี้ กระเป๋าใบสุดท้ายมาถึงจนได้
ไนท์หรี่ตาเล็กน้อย ชายอีกคนที่นั่งตรงข้ามกับเจ้าชายใส่ชุดเครื่องแบบดำล้วนที่ดูคุ้นตา สูทที่ปักตราเล็กๆเป็นรูปร่างคล้ายๆกากบาทและอักษรหลายตัวซ้อนทับกันอย่างสวยงามด้วยด้ายสีดำกลืนไปกับสูท มองไม่เห็นถ้าไม่สังเกตดีๆ มันคือตราของตระกูลคอสเตลลาโน ตระกูลมาเฟียเก่าแก่ในอิตาลีที่มีอิทธิพลสูงพอๆกับคูเสคในเดนมาร์ก
ตระกูลของเจ้าชาย
"เชิญนั่งเลยครับ" ชายคนนั้นเชื้อเชิญอย่างสุภาพ ท่าทางเขาอายุไม่เกินสามสิบ ไนท์นั่งตรงที่ถัดจากเจ้าชายขณะที่ลูอิสยืนคุ้มกัน
"คนของพ่อ จะมาช่วยฟอกเงินให้เรา" เจ้าชายหันมาอธิบายให้ไนท์ฟังเบาๆ หญิงสาวพยักหน้าเงียบๆ พ่อของเจ้าชาย ฌองปิแอร์ มาเฟียสวิส เคยเป็นมาเฟียอิตาลีมาก่อนในยุคที่มาฟีออซีรุ่งเรือง
"ถูกต้องครับ" ชายคนนั้นพูด "และตอนนี้จำนวนก็คงครบแล้ว..สี่หมื่นล้าน?"
ไนท์แทบสะอึกทันทีเมื่อได้ยินจำนวนเงิน หันขวับไปมองเจ้าชายที่นั่งตีสีหน้าเฉย อยากจะถามว่าเงินใต้ดินบ้าอะไรของซาร์คอฟให้ช่วยฟอกเยอะขนาดนี้ แถมยังบอกว่านี่เป็นแค่ส่วนน้อยที่เหลือ ค้าเฮโรอีนหรือว่าโสเภณีกันเนี่ย? แต่กระนั้นเธอก็สงบปากสงบคำไว้ คนของฌองปิแอร์ทุกคนที่ไนท์เคยรู้จักและทำงานด้วยเป็นพวกเย็นแต่เปลือก เห็นสุภาพเรียบร้อยอย่างนี้ ถ้าหงุดหงิดรำคาญขึ้นมาทีมีหวังถูกปิดปากได้ง่ายๆ
"ผมให้เวลาสองอาทิตย์" เจ้าชายเอ่ย ชายที่นั่งตรงข้ามค้อมศีรษะ
"ฟอกแล้วจะส่งเข้าบัญชีให้ครับ แล้วค่าตอบแทน?" เขาเอ่ยเว้นช่วง เจ้าชายทำเสียงหึในคอ
"พ่อฉันอยากได้อะไรจากลูกคนนี้"
"ท่านอยากให้พวกอิตาลีเปิดเส้นทางค้าปืนครับ"
"ให้เลิกช่วยซาร์คอฟแล้วช่วยคุณพ่อแทนว่างั้น"
“ครับ"
"..ข้อเสนอนั่นราคาสูงอยู่นะ"
"ไม่ใช่ข้อเสนอครับ แต่เป็นข้อบังคับในการแลกเปลี่ยน"
เจ้าชายจ้องมองชายตรงหน้าแน่วนิ่ง เขาไม่ได้ขึ้นเสียงอะไร น้ำเสียงสุภาพแต่เด็ดขาดทำให้รู้ว่าไม่มีสิทธิต่อรองได้ เจ้าชายพยักหน้าก่อนจะจับมือ
"ได้ แต่บอกพ่อด้วยว่ามันยาก อาจจะขลุกขลักหน่อย"
"ไม่มีปัญหาครับ"
พวกการ์ดขนกระเป๋านับสิบใบไปขึ้นรถ คนของฌองปิแอร์จากไป เจ้าชายผ่อนลมหายใจเบาๆก่อนจะบอกให้ลูอิสจดลงในเครื่อง Pocket PC
"สั่งคนไปจัดการเรื่องปืนด้วย" เสียงเรียบพูดเหมือนปลงๆ "เตรียมใจไว้อยู่แล้วว่าพ่อต้องไม่ยอมเสียเปรียบ แต่ไม่นึกว่าจะขอเรื่องนี้"
"เฮ่.. อย่าไปเครียดน่า" ลูอิสใช้แท่งสไตลัสจิ้มบนจอหน้าจอ "คิดในแง่ดี อย่างน้อยช่วยท่านฌองปิแอร์ เงินที่ได้ก็เข้าบัญชีท่านฌองปิแอร์.." รอยยิ้มแต้มบนมุมปากของเจ้าชาย
"แล้วสุดท้ายก็ตกเป็นมรดกของฉันใช่ไหม ขอบใจ..ไอ้เพื่อนเวร"