บทที่ 4 เรื่องมหัศจรรย์ 2
ธิดาดอยพูดกับตัวเองอย่างไม่เข้าใจ ยังคิดว่าอยู่ในสถานที่ถ่ายทำหนัง แต่อีกใจก็บอกว่าไม่น่าใช่ เพราะมันดูแปลกๆ พิกล ยิ่งได้ยินคำพูดของหญิงชราที่สนทนากับคนวัยเดียวกัน เธอเริ่มไม่แน่ใจว่า ที่นี่จะใช้สถานที่ถ่ายหนังหรือไม่
“วันนี้องค์รัชทายาทสั่งประหารเหล่าขุนนางที่ฉ้อฉลสิบคน ท่านช่างโหดเหี้ยมจริงๆ” หญิงชราพูดกับเพื่อนวัยเดียวกัน
“แต่คนพวกนั้นก็สมควรได้รับโทษ เจ้าก็รู้นี่ว่า ขุนนางพวกนั้นขูดเลือดขูดเนื้อพวกเรามานาน องค์รัชทายาททำเช่นนั้นก็ถูกแล้ว” คนเป็นเพื่อนเห็นต่าง
“เออมันก็จริง”
“องค์รัชทายาททำเพื่อประชาชน พระองค์คงอยากให้บ้านเมืองอยู่เย็นเป็นสุข ไร้คนคดโกง อีกอย่างชาวบ้านตาดำๆ ก็ได้ผลประโยชน์จากการสังหารคนพวกนี้ด้วยนะ” คนเป็นเพื่อนคุยต่อ
“องค์รัชทายาทเด็ดขาดอย่างนี้แหละ ฮ่องเต้ถึงวางใจปล่อยให้ดูแลบ้านเมือง” อีกคนคุยตอบโต้
ฮ่องเต้ องค์รัชทายาท ขุนนาง เจ้า ข้า...
ธิดาดอยทวนคำพูดที่ได้ยินในใจ พรางนึกถึงหนังจีนเรื่องโปรดอุ้ยเสี่ยวป้อที่ตนชอบดู ภาษาที่ใช้ในหนังเหมือนกับที่หญิงชราสองคนนี้พูดกัน แล้วยังมีฮ่องเต้ที่รู้ดีว่าคือประมุขปกครองบ้านเมือง มีอำนาจล้นฟ้า องค์รัชทายาทคือเชื้อสายที่สืบทอดบัลลังก์ ขุนนางคือข้าราชการรับใช้ฮ่องเต้และบ้านเมือง ทั้งหมดนี้ล้วนแต่อยู่ในหนังเรื่องนั้นไม่มีผิด จะต่างกันก็ตรงทรงผม อุ้ยเสี่ยวป้อไว้ผมเปียยาว มีผมเพียงครึ่งหัว แต่ผู้ชายที่เดินกันหลายคนเกล้าผมขึ้นสูงแล้วจับเป็นมวยกลางหัวมีผ้าพันรอบคล้ายกับว่ารัดมันไว้ไม่ให้ผมหลุดลุ่ย แต่การแต่งกายก็เหมือนชาวบ้านในหนัง ฐานะดีหน่อยก็สวมเสื้อผ้าจากผ้าเนื้อดีมีราคา ซึ่งเห็นความแตกต่างได้ชัดเจน
ธิดาดอยเริ่มสงสัยแล้วว่า ตัวเองอยู่เมืองไทยจริงหรือไม่ แต่ใจก็คิดว่าเป็นอื่นไปไม่ได้ที่ตนจะอยู่ต่างประเทศ สถานที่แห่งนี้คงเป็นการจำลองเพื่อถ่ายภาพยนตร์จีนแน่นอน เธอจมน้ำในประเทศไทย จะมาโผล่เมืองจีนคงเป็นไม่ได้ แถมยังย้อนยุคย้อนสมัยมาไกลหลายร้อยปี พูดให้ใครฟังคงหาว่าบ้า เมื่อในใจเต็มไปด้วยความสับสนที่ค้านกันไปมา นกหงส์หยกธิดาดอยได้บินขึ้นสู่ท้องฟ้า สะบัดปีกบินไปเรื่อยๆ ที่ยิ่งบินผ่านบ้านเรือนที่ปลูกสร้างคล้ายหนังจีนโบราณ ที่ปลูกกันเป็นทิวแถว ร้านค้าน้อยใหญ่เหมือนในหนังจีนไม่ผิดเพี้ยน ผู้คนก็ใช่ด้วย และที่สำคัญเธอมองไม่เป็นทีมงานถ่ายภาพยนตร์สักคน
“กูอยู่ไหนกันแน่เนี่ย”
ธิดาดอยถามตัวเอง บินต่อไปจนพบเห็นสิ่งปลูกสร้างที่ยิ่งใหญ่อลังการ มองยังไงก็คือวังที่เห็นบ่อยในหนังจีนย้อนยุค ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทูซีไทเฮา บูเช็คเทียนและอีกหลายเรื่อง แม้ว่าวังที่อยู่ตรงหน้าจะไม่เหมือนกับในหนังทั้งหมด แต่มันก็คือวัง
วังหลวง...ในราชวงศ์ใดราชวงศ์หนึ่ง
เป็นพระราชวังที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้นกน้อยธิดาดอยมาก เพราะยิ่งใหญ่อลังการสุดๆ
แล้วมาโผล่ที่นี่ได้ยังไง
เป็นเรื่องน่ามหัศจรรย์ที่สุดในชีวิต ธิดาดอยถึงกับงง ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง กลายร่างมาเป็นนกหงส์หยกก็ว่าแย่พอแล้ว นี่ดันทะลุมิติมาอยู่เมืองจีนอีก
โอ้...พระเจ้าจอร์จ มันเป็นไปได้หรือนี่
ธิดาดอยพยามย้ำถามตัวเองว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เส้นการเวลาบรรจบกันพอดี ทำให้เกิดเรื่องราวเหลือเชื่อที่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง คราวนี้จะทำยังไง แก้ปัญหาให้กลับเป็นคนยังไม่ได้ นี่ดันมาโผล่สมัยราชวงศ์อะไรก็ไม่รู้ นั่งเครื่องบินกลับก็ไม่มี นั่งเรือก็คงไม่มีวันถึงบ้าน จะบินกลับประเทศไทยในสมัยรัชกาลปัจจุบันก็ไม่รู้ว่าจะบินไปทิศทางใด ไม่ติดเหงกอยู่ที่นี่ไม่ได้เจอพ่อแม่พี่ชายและพี่สาวไปตลอดชีวิตหรือนี่
โชคชะตากำลังเล่นตลกอะไรกับธิดาดอย เธอไม่เคยทำบาปกรรมรุนแรง อย่างมากก็ฆ่ามด กระทืบแมลงสาป และแกล้งนกหงส์หยกณัชชา เธอคิดว่า ตัวเองอยู่ในศีลในธรรมคนหนึ่ง แม้ว่าจะไม่ค่อยได้ไปทำบุญที่วัดก็ตาม แล้วเหตุใดตนต้องพบเจอกับเรื่องไม่น่าเชื่อนี้ด้วย ความเสียใจและอีกหลายหลายความรู้สึกกลายเป็นน้ำตาที่หยดไหลลงสู่พื้นดิน
สระบัวขนาดใหญ่ที่มีบัวนานาชนิดกระจายอยู่เต็มพื้นที่ และตอนนี้มันกำลังออกดอกบานสะพรั่ง มีนกหลายชนิดมาเกาะอยู่บนใบบัว รวมทั้งห่านอีกหลายสิบตัวลอยตัวอยู่บนผิวน้ำ ที่ขาดไม่ได้คือสัตว์น้ำชนิดปลาที่มีจำนวนมาก ได้อาศัยอยู่ในสระบัวแห่งนี้ด้วย
รอบสระบัวจะเป็นสิ่งปลูกสร้างที่จะเรียกว่าตำหนัก ที่แบ่งออกเป็นหลายฐานันดรศักดิ์ แต่ที่จะใหญ่และอลังการมากที่สุดคงจะเป็นตำหนักมุ่ยเอ๋อ ตำหนักขององค์รัชทายาทหมิงหยางเต๋อที่จะปกครองบ้านเมืองแทนพระบิดาที่เวลานี้ชราภาพมาก ไม่สามารถดูแลราชกิจอันหนักอึ้งได้ ฮ่องเต้หมิงชุนจึงมอบอำนาจในการปกครองบ้านเมืองให้องค์รัชทายาท และจะมีพิธีสละราชสมบัติในอีกสี่เดือนข้างหน้า ซึ่งตรงกับวันประสูติของฮ่องเต้ที่ตั้งใจว่า บั้นปลายชีวิตที่เหลือจะอยู่อย่างสงบกับพระสนมเอกคนโปรดทางตอนใต้ของแคว้นซิงเทียน แคว้นที่เต็มไปด้วยมหาอำนาจที่แคว้นต่างๆ ศิโรราบให้
เจ้าของตำหนักเดินขึ้นมาบนชั้นสองของอาคารไม้สองชั้น ด้านล่างเป็นห้องอ่านหนังสือที่มีตำรามากมายวางเรียงเป็นระเบียบอยู่บนชั้น ส่วนชั้นบนจะเป็นสถานที่พักผ่อนส่วนตัวขององค์รัชทายาทที่มักมานั่งดูความสวยงามและความสงบของสระบัวเสมอ และวิวทิวทัศน์ตรงนี้ยังมองเห็นภาพมหาราชวังในวงกว้างได้เต็มสองตา อารมณ์ที่ทอดมองทำให้คนมองรู้สึกถึงอำนาจที่อยู่ในกำมือตน ในขณะเดียวกันก็มองเห็นความสวยงามอันเงียบสงบ เขามักจะมานั่งผ่อนคลายอารมณ์และใช้ความเงียบคิดเรื่องปกครองบ้านเมือง
“องค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ ขุนนางที่ฉ้อโกงถูกประหารชีวิตแล้วพ่ะย่ะค่ะ” หลิวกงกงเดินเข้ามารายงานองค์รัชทายาท
“ยึดทรัพย์สินของพวกมันทั้งหมด แล้วนำไปแจกจ่ายให้ชาวบ้านในหมู่บ้านเซียนซีหลังละเท่าๆ กัน”
เงินที่ได้จากการยึดทรัพย์สินจากคนที่ฉ้อราชบังหลวง นอกจากจะถูกประหารชีวิต ยังถูกยึดทรัพย์สินทั้งหมด และสั่งให้นำไปแจกให้ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างๆ ทุกครั้ง พระองค์ถือว่าขุนนางที่ทำผิดเบียดเบียนทรัพย์สินของประชาชนที่ไม่มีทางสู้ เพื่อให้ตัวเองขึ้นมีเงินทองและความสะดวกสบาย โดยไม่คำนึงถึงความยากไร้ของบุคคลนั้นๆ ก็สมควรแล้วที่จะนำทรัพย์สินมอบกลับให้คนเหล่านั้น การกระทำขององค์รัชทายาทมองภายนอกอาจดูว่าเหี้ยมโหด แต่ในสายตาของประชาชน องค์รัชทายาทคือคนที่มาปราบเหล่ามารให้สิ้นจากแผ่นดิน แม้ว่าขุนนางฉ้อโกงจะปราบไม่มีวันหมด แต่ก็ดีว่านั่งดูให้ขุนนางเหล่านั้นทำชั่วต่อไปโดยไม่คิดทำอะไร
“พ่ะย่ะค่ะ” จบคำพูดหลิวกงกงก็เปรียบเสมือนมีความเงียบเข้าครอบงำ องค์รัชทายาทยังคงทอดพระเนตรมองสระบัว
ขณะที่พระองค์กำลังชมความเงียบสงบของสระบัวอยู่นั้น นกหงส์หยกธิดาดอยบินมาเกาะใบบัว ใช้ปากจิ้มลงไปในน้ำคล้ายกับว่ากำลังดื่มน้ำ เหมือนมีสิ่งหนึ่งดลใจธิดาดอย ให้เงยหน้าขึ้นมองอาคารหลังใหญ่ ซึ่งบังเอิญว่า จุดที่นกหงส์หยกธิดาดอยพักดื่มน้ำ มองเห็นบุรุษรูปงามในชุดผ้าเนื้อดีสีแดง ตรงกลางปักด้วยไหมสีทองลวดลายมังกร เขาดูน่าเกรงขาม มีพลังอำนาจแผ่กระจาย
“ป๊าด! หล่อเว้ย โห หล่อวัวควายล้มตาย”
ในระยะสายตา ธิดาดอยมองเห็นความหล่อเหลาของชายผู้นั้น ที่เธอเองก็ไม่รู้ว่าคือใคร แต่ที่แน่ๆ อยากเห็นหน้าใกล้ๆ ปีกเหมือนรู้ใจ กระพือบินขึ้นไปเกาะบนขอบไม้ห่างจากจุดที่องค์รัชทายาทนั่งอยู่ ทว่าเธออยากชมความหล่อแบบชัดๆ เธอจึงเดินไปตามขอบไม้ระเบียง ใกล้เข้าไปอีกนิด ชิดเข้าไปอีกหน่อย จนไม่รู้ตัวว่า มาอยู่ตรงหน้าเขา
โอ้...ยิ่งมองใกล้ๆ ยิ่งหล่อ หล่อซ้ำหล่อซาก หล่อระเบิดระเบ้อ ผิวพรรณก็ดี ผุดผ่องกว่าเธอซะอีก ปากได้รูปบางสีชมพูเหมือนปากอิสตรีดึงดูดใจเธอนัก จนอยากเอาปากไปจุ๊บ เธอมองชายตรงหน้าตาเยิ้ม ธิดาดอยเริ่มเห็นประโยชน์ที่ตัวเองเป็นนกก็คราวนี้ เพราะได้เห็นหน้าหนุ่มหล่อในระยะประชิดได้โดยไม่เขินอาย
องค์รัชทายาทมองนกตัวน้อยสีสันสวยงามด้วยรอยยิ้ม เขาเห็นนกมาหลายชนิด แต่ไม่มีนกตัวไหนที่ทำให้เขารู้สึกว่า ไม่อยากเคลื่อนสายตาห่าง อยากจะมองโดยไม่มีเวลามากำหนด โดยเฉพาะแววตาของนกน้อย มันเหมือนมีพลังบางอย่าง ดึงดูดให้เขาเอื้อมมือไปสัมผัสมัน
“เชื่องซะด้วย” หมิงหยางเต๋อเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นว่า นกหงส์หยกไม่มีทีท่ากลัว ธิดาดอยไม่กลัวสักนิด กลับอยากให้เขาสัมผัสเธอทั้งตัวมากกว่า นกหงส์หยกจิตใจมนุษย์ใช้แก้มลูบนิ้วมือเขาเบาๆ “ว่าไงเจ้านกน้อย บินมาจากไหนเนี่ย”
‘จะตอบยังไงดีหว่า จะบอกว่าบินมาจากโลกอนาคตก็ไม่ได้ ถึงจะพูดไป เขาก็คงฟังไม่รู้เรื่อง เพราะเสียงที่ออกมาคือ จิ๊บๆ’
“ข้าชอบเจ้าจังเลย มาอยู่กับข้าไหม”
‘เอาสิ เอาสิ อยู่ๆ ใครไม่อยู่กับคนหล่อแถมดูท่าทางจะมีอำนาจบ้าง’ ธิดาดอยตอบในใจ
“ถ้าเจ้าอยากอยู่กับข้า ให้บินมาเกาะบนบ่าข้า อยากอยู่ไหม อยากอยู่ก็บินมา” องค์รัชทายาทพูดกับนกตัวน้อยที่ถูกชะตา ความที่เข้าใจภาษาที่เขาพูด ธิดาดอยทำตามคำสั่ง เพราะอยากไปอยู่กับคนรูปงาม “เจ้านี่พูดภาษาคนรู้เรื่องด้วย ฉลาดเหลือเกินนะ”
เขาพูดกับนกจอมฉลาด
“ข้าจะให้หลิวกงกงหาที่อยู่ให้เจ้านะ”
‘จิ๊บๆ’ ธิดาดอยรับคำ องค์รัชทายาทเรียกหลิวกงกงที่ยืนอยู่ด้านหลัง ให้จัดเตรียมกรงนก สถานที่ที่ต่อไปนี้นกธิดาดอยจะอยู่อาศัยระหว่างที่ย้อนอดีตมาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองและต่างเวลา
เรื่องมหัศจรรย์อีกเรื่องหนึ่ง ที่ธิดาดอยรวมถึงองค์รัชทายาทไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ มันกำลังเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วยามข้างหน้า