บทที่ 10 ความสุขของนกน้อย 2
นกน้อยบินตามหลี่ลี่จิงที่เยาะม้าไปยังจวนหลังหนึ่งที่อยู่ในเมืองหลวง จวนหลังนี้อยู่ห่างจากวังหลวงไม่มากนัก เป็นจวนหลังใหญ่มา พื้นที่กว้างขวาง มีข้าทาสรับใช้กำลังทำความสะอาดลานกว้าง บ้างก็ทำอย่างอื่นตามหน้าที่ และเมื่อหลี่ลี่จิงนำม้ามาถึงหน้าประตูบ้าน คนรับใช้ชายรีบปรี่มาจูงม้าไปที่โรงม้า ส่วนเจ้าตัวเดินเข้าไปในบ้าน ระหว่างทางที่เดิน หลี่ลี่จิงเงยหน้ามองนกน้อยเหมยเหมยที่บินอยู่ด้านข้าง
“เจ้านี่น่ารักจัง เชื่องด้วย” หลี่ลี่จิงพูดกับนกที่ฟังภาษาคนออก
“จิ๊บๆ” นกเหมยเหมยตอบกลับ ที่แปลเป็นภาษาคนว่า ‘ข้าน่ารักอยู่แล้ว’ นกอวยตัวเอง
“เจ้าเป็นนกมีเจ้าของหรือไม่ ถ้าเจ้าเป็นนกที่ไม่มีเจ้าของ เจ้ามาอยู่กับข้าไหม” หากนกเหมยเหมยเหมือนนกหงส์หยกทั่วไป นกเหมยเหมยอยากตอบออกไปเหลือเกินว่าอยากอยู่ แต่นี่กลางวันเป็นนก กลางคืนเป็นคน เธอจะอยู่ที่ใดและกับใครได้นอกจาก องค์รัชทายาท บุรุษเพียงคนเดียวที่ล่วงรู้ความลับนี้ “ข้าว่าเจ้ามาเกาะบนบ่าข้าดีไหม เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อยบิน”
ความปรารถนาดีของเขา นกน้อยก็อยากตอบสนอง ถ้าไม่ติดคำพูดเชิงสั่งของคนมีเมียเยอะที่ว่า ‘อย่าบินไปเกาะบ่าใครนอกจากข้า’ นกน้อยคงทำไปแล้ว แต่ก็ไม่อยากให้หนุ่มหล่อเสียน้ำใจเพราะเธอก็จะเสียใจไปด้วย เหมยเหมยพยายามคิดว่า จะแก้ไขสถานการณ์อย่างไร
เอ...เกาะบ่าไม่ได้ เกาะไรดีหว่า
นกเหมยเหมยคิด พร้อมกับมองไปยังร่างสูงใหญ่ และแล้วนกจอมหื่นก็เห็นว่า จะมีส่วนใดให้ตนเกาะได้นอกจากบ่า...บนศีรษะ
“จิ๊บๆ” เหมยเหมยบินไปเกาะบนศีรษะหลี่ลี่จิง
“แหม เจ้านี่เข้าใจเกาะนะ ไปเกาะบนหัวข้าซะด้วย” คนพูดไม่ได้คิดอะไร ติดขบขันมากกว่า ก่อนที่เขาจะก้าวเดินเข้าไปในบ้าน
“คุณชายรองขอรับ มีนกเกาะอยู่บนหัวขอรับ” พ่อบ้านหม่าตกใจไม่น้อยที่เห็นนกตัวน้อยเกาะอยู่บนศีรษะผู้เป็นนาย หมายจะไล่ไปให้พ้น ทว่าเสียงของคุณชายรองดังขัดขึ้นเสียก่อน
“ไม่ต้องไล่นกตัวนี้ ข้าบอกให้มันมาเกาะบนตัวข้าเอง”
“ขอรับคุณชายรอง” พ่อบ้านหม่ารับคำ ก่อนรายงาน “ท่านอำมาตย์สั่งไว้ว่า ถ้าคุณชายรองกลับมาให้ไปพบท่านที่ห้องรับแขกขอรับ”
“ท่านพ่อมีแขกงั้นรึ”
“ขอรับ”
“ขอบใจมาก”
พูดจบหลี่ลี่จิงได้เดินไปยังห้องรับแขกที่อยู่ทางปีกซ้ายของบ้าน เป็นที่รู้กันภายในว่า หากอำมาตย์หลี่ฮั้วอยู่ในห้องนั้น หมายความว่า เจ้าของบ้านกำลังมีแขกและมีเรื่องสำคัญเจรจา พอเปิดประตูแล้วก้าวเดินไปด้านในก็พบว่า ขุนนางจางจี้กับขุนนางเหว่ยจินนั่งอยู่ร่วมห้องด้วย
“มาแล้วรึลี่จิง นั่งสิ” อำมาตย์หลี่ฮั้วบอกลูกชายคนรองที่ทำตามคำสั่ง แล้วมองเห็นนกเกาะบนหัวลูกชายที่ตัวนกและสีคุ้นตาเหลือเกิน แต่นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน “นกเกาะหัวเจ้านี่ ทำไมไม่ไล่ไป”
“ข้าเจอมันตรงริมแม่น้ำ เลยพามันมาด้วยขอรับ ข้ากะว่าจะเลี้ยงนกตัวนี้ครับ”
“ข้าว่าข้าคุ้นๆ นกตัวนี้นะ” อำมาตย์ซ้ายพูดพร้อมกับนึก “ช่างเถอะ ข้านึกไม่ออก”
ไม่ใช่เพียงแค่อำมาตย์ซ้ายคุ้นนกหงส์หยกเหมยเหมย นกน้อยเองก็จำได้ว่า ชายสูงวัยตรงหน้าท่าทางมีอำนาจคนนี้เป็นใคร ในท้องพระโรงเหมยเหมยจดจำหน้าตาของคนที่เข้าร่วมประชุมได้ทุกคน ชายคนนี้คืออำมาตย์ซ้ายนามว่า หลี่ฮั้ว ซึ่งเหมยเหมยก็ไม่คิดว่าเขาจะเป็นบิดาของนายหน้าหล่อที่ตนใจง่ายตามมา
“กำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่ขอรับ” หลี่ลี่จิงถามตรงประเด็น
“คุยกันเรื่องของบทำเขื่อนตามคำขอของนายอำเภอจิวห่าวไง” จางจี้ตอบ
“คุยกันว่าอะไรขอรับ” คนมาทีหลังถามต่อ
“ข้าคิดว่า องค์รัชทายาทคงให้งบสร้างเขื่อนมาก เมื่อให้มาก เราก็ได้มาก”
อำมาตย์หลี่ฮั้วตอบบุตรชายคนรอง นกเหมยเหมยหูผึ่งขึ้นมาทันที บินลงมาเกาะขอบโต๊ะ ใช้ความเป็นนกฟังทั้งสี่สนทนา ที่พูดเพียงแค่นี้เหมยเหมยก็รู้แล้วว่า กำลังมีเรื่องทุจริตเกิดขึ้น
“ถ้าท่านพ่อจะจัดสรรปันส่วน ข้าคิดว่า น่าจะเก็บไว้แค่สามส่วน อีกเจ็ดส่วนให้นายอำเภอจิวห่าวไปจัดการเรื่องทำเขื่อน เพราะหากเรากินมาก เขื่อนจะไม่เสร็จ คราวนี้อาจถูกเพ่งเล็งได้ว่า งบที่ให้ไปทำไมถึงไม่เพียงพอ”
หลี่ลี่จิง แม้ว่าจะอยู่ฝ่ายบิดา ช่วยอีกฝ่ายคิดหางทางทุจริตเอาเงินเข้ากระเป๋า แต่เขาก็มีความคิดว่า เอาแต่พอดี ยักยอกไปนานๆ ดีกว่าเอาที่เดียวแล้วถูกจับได้ ไม่มีโอกาสได้ทำซ้ำสอง
“ความคิดลี่จิงก็ดีนะ ถ้าเรากินมาก เขื่อนอาจไม่เสร็จ”
เหว่ยจินเห็นด้วย
“อีกอย่าง ตอนนี้องค์รัชทายาทกำลังกวดขันเรื่องคนทุจริต อะไรเลี่ยงได้ก็สมควรเลี่ยงไปก่อน อย่าทำให้เป็นพิรุธ ไม่อย่างนั้นพวกเราเหลือแต่ชื่อแน่ขอรับ” หลี่ลี่จิงกล่าวเตือน ทั้งสามพยักหน้าเห็นด้วย “ส่วนเรื่องที่ดินติดกับริมแม่น้ำที่ท่านพ่ออยากให้ทำท่าเรือ ข้าจัดการเรียบร้อยแล้ว เราสามารถลงมือสร้างท่าเรือได้เลยขอรับ”
“เจ้าไม่เคยทำให้ข้าผิดหวังเลย สมกับเป็นลูกข้าจริงๆ”
อำมาตย์ซ้ายชื่นชมความสามารถของลี่จิง ที่มีทั้งความฉลาด ไหวพริบดีเยี่ยม จัดการเรื่องต่างๆ ให้ตนได้ ไม่เคยผิดหวังสักครั้ง ต่างกับบุตรชายคนโตที่ทำเรื่องพังมากกว่าเรื่องดี
นกเหมยเหมยยืนฟังทั้งสี่สนทนาที่เนื้อหาจะเป็นการฉ้อราษฎร์บังหลวงทั้งสิ้น เหมยเหมยรู้สึกผิดหวังในตัวคนหล่อที่หลงคิดว่าเป็นคนดี ที่แท้ก็เป็นคนชั่วระดับตัวพ่อ ฟังจากเรื่องที่เขาคิดทำ ไม่เป็นผลดีกับใครทั้งสิ้นนอกจากตัวเอง เหมยเหมยคิดต่อไปว่า นี่ขนาดองค์ รัชทายาทกวดขันเรื่องการคดโกง แต่ก็ยังมีช่องทางให้คนเหล่านี้หาประโยชน์ใส่ตัว คิดแต่ตัวเอง ไม่คำนึงถึงผลกระทบที่ชาวบ้านตาดำๆ กำลังประสบ พานให้เหมยเหมยนึกถึงสมัยปัจจุบันที่ตนจากมา ซึ่งยุคนั้นก็มีการโกงกินเช่นกัน เป็นการโกงกินทุกระดับชั้นเสียด้วย
นกน้อยใช้ความเป็นนกให้เกิดประโยชน์ ยืนฟังพวกเขาสนทนาหารือเรื่องโกงกิน ในใจคิดว่า ยามกลายร่างเป็นมนุษย์ จะนำเรื่องนี้บอกองค์รัชทายาทดีหรือไม่ หรือว่าจะสืบให้ได้ความมากกว่านี้ค่อยบอก เพราะพวกเขาคงไม่นึกคิดว่า นกน้อยหงส์หยกจะฟังภาษาคนรู้เรื่อง แล้วกำลังรู้ความลับมากขึ้นและมากขึ้น