ตอนที่ 9 ลองชิม
หลังจากรั้งรอมานานนับเดือนในที่สุดเหล้าองุ่นของนางก็ถึงเวลาเปิดเผยหน้าตาของมันออกมาแล้ว !!
และวันนี้บ้านของนางก็ได้ทำการต้อนรับแขกมากกว่าหนึ่งคนอีกครั้ง
หลังจากครั้งล่าสุดที่ได้รู้จักกัน หยงซ่านเปาก็ได้มีการแวะเวียนมาที่บ้านหลิงอยู่บ่อยครั้ง ทำให้หลิงอันรู้ว่าแท้จริงแล้วหยงซ่านเปาคือหลานชายของหัวหน้าหมู่บ้าน
ทำให้ครอบครัวหลิงได้ทำความรู้จักกับหัวหน้าหมู่บ้านและยังทำให้หลิงอันได้รู้ว่าหัวหน้าหมู่บ้านนั้นเป็นคนโอบอ้อมอารี แถมท่านลุงจางยังเป็นสหายสนิทกับบุตรชายของหยงซ่านสือซึ่งเป็นบิดาของหยงซ่านเปา
ไม่คิดว่าโลกจะกลมขนาดนี้ คนที่นางรู้จักครั้งแรกล้วนเป็นคนรู้จักกันแล้วอีกที
“หลิงอันเจ้าไม่คิดถึงข้าเลยหรือ ? ข้านะคิดถึงเจ้ายิ่งนัก ไม่มีสหายคนใดพูดคุยด้วยแล้วรู้สึกสนุกเท่าเจ้ามาก่อน”
หยงซ่านเปาพูดจ้อไม่หยุดตั้งแต่เข้ามาในบ้าน
หลิงอันมองอีกฝ่ายอย่างปลงตก ทำไมเขาถึงได้มาบ้านนางได้ถูกวันขนาดนี้ ! แต่ถึงจะมีแขกไม่ได้รับเชิญเพิ่มมาคนหนึ่ง เด็กน้อยก็ไม่คิดหยุดการกระทำของตน หยงซ่านเปาไม่ใช่คนปากมากขนาดนั้นหากบอกให้เขาอย่าได้พูดเรื่องวันนี้ออกไป เขาต้องรักษาสัญญาได้เป็นแน่
“ท่านลุงจางช่วยยกไหหมักองุ่นออกมาให้อันเอ๋อร์ทีเจ้าค่ะ”
“ได้”
จางเหวินที่รออยู่ก่อนแล้วขยับตัวลุกขึ้นทันที บุรุษหนุ่มรูปร่างกำยำแข็งแรงโน้มตัวลงยกไหใบหนึ่งออกมาตั้งบนลานกว้าง
หลิงอันบอกเขาว่าวันนี้จะเปิดไหหมักและให้เขาได้ลองชิมของที่อยู่ข้างใน ของสิ่งนี้ที่ใช้เวลาในการทำนานมากไม่รู้ว่าจะให้รสชาติเช่นไร
เขาทั้งตื่นเต้นและรอคอยอยากจะลองลิ้มดู
หลิงอันเห็นสายตาเขา เด็กสาวตัวน้อยจึงขยับมือออกไปเปิดฝาที่บิดสนิทออก กลิ่นสุราอ่อน ๆ ผสมเข้ากับกลิ่นหอมขององุ่นพลันทะลักออกมาทันที
นัยน์ตาบุรุษหนึ่งถึงกับเบิกออกกว้าง หันหน้ามองเด็กสาวตัวน้อย
“อันเอ๋อร์เชื่อว่าท่านลุงรู้แล้วว่าสิ่งนี้คืออะไร”
ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอ อยู่ ๆ ลำคอก็รู้สึกเปรี้ยวฝาดขึ้นมา ใช้สายตามองมือเด็กน้อยที่ค่อย ๆ ตักน้ำด้านในขึ้นมาใส่จอกใบเล็ก
“เชิญชิมเจ้าค่ะ”จางเหวินจ้องมองของในมือ สีของน้ำไม่ได้ใสมากนัก ทว่าก็มากพอทำให้มองเห็นสีของจอกสุรา
มือสีน้ำผึ้งยื่นออกไปรับ ยกขึ้นชิดจมูกดมกลิ่นหอมอ่อน ๆ ก่อนจะกระดกลงคอไปในอึกเดียว
รสชาติหวานเล็กน้อย หอมติดปลายลิ้น แต่พอกลืนลงคอไปกลับทิ้งความละมุนเอาไว้
เป็นสุรารสชาติอ่อนที่เขารู้สึกว่าอร่อยยิ่งนัก !!
สุราส่วนมากที่วางขายในโรงเตี๊ยมล้วนรสแรงกันทั้งนั้น ทั้งยังให้ความรู้สึกแผดเผาลำคอ สุรารสอ่อนและละมุมเช่นนี้ตนพึ่งเคยกินเป็นครั้งแรก แถมกลิ่นยังหอมละมุนชวนให้หลงใหล
“ดีมาก !! สุราดี !”
“ท่านลุงคิดว่าของสิ่งนี้พอจะขายได้หรือไม่เจ้าคะ”
“ขายได้แน่นอน !! สิ่งนี้จะต้องเป็นที่ต้องการอย่างมาก!!”
“เช่นนั้นก็ดีแล้วเจ้าค่ะ และหากข้าบอกว่าจะขอให้ท่านลุงจางเป็นคนนำเหล้าองุ่นไปขายให้ข้า ไม่ทราบว่าพอจะเป็นไปได้หรือไม่ กำไรที่ได้จะแบ่งกันหกส่วนสี่ส่วน แน่นอนว่าท่านลุงจางได้หกส่วน”
จางเหวินนิ่งค้างไปแล้ว
ยิ่งได้รู้จักยิ่งประหลาดใจ เด็กสาวตรงหน้าเขาช่างเป็นเด็กมากด้วยความสามารถจริง ๆ จะมีเด็กน้อยวัยนี้สักกี่คนที่สามารถพูดและคิดอ่านออกมาเช่นนี้ได้ แค่นางสามารถทำเหล้าออกมาได้ก็ว่าประหลาดใจมากแล้ว หลังได้ฟังการแบ่งปันกำไรยิ่งทำให้ประหลาดใจมากกว่าเดิม
“อันเอ๋อร์เจ้าช่างเป็นเด็กที่สวรรค์โปรดปรานโดยแท้ !”
หากไม่คิดเช่นนี้เขาก็ไม่รู้แล้วว่าจะต้องหาเหตุผลใดมารองรับความสามารถอันมากเกินกว่าเด็กคนหนึ่ง จนเผลอคิดไปว่าในร่างเล็ก ๆ นี่อาจจะมีผู้ใหญ่สิงสู่อยู่ แต่เขาก็ต้องหัวเราะให้ความคิดนี้ของตน เพราะเรื่องที่ว่ามีวิญญาณเข้ามาอาศัยในร่างคนอื่นเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเกิดขึ้นได้
“เดี๋ยวนะ พอดีข้าตามคำพูดของเจ้าไม่ทัน”หยงซ่านเปาที่ยืนนิ่งอยู่ข้าง ๆ ด้วยประมวนผลคำพูดของทั้งสองไม่ทันขยับปากเอ่ย เป็นจังหวะเดียวกับที่หลิงซุนเดินออกจากหัวครัวมาพร้อมกับข้าวในมือ
“เจ้าจะบอกว่าสิ่งนี้คือเหล้า เจ้าหมักเหล้าขึ้นมาได้อย่างนั้นหรือ!!”พอคำถามนี้ถูกเอ่ยออกมา ผู้มาใหม่ถึงกับหันขวับมองบุตรสาว
“อันเอ๋อร์องุ่นที่ทำวันนั้นคือเหล้าหรือลูก”
ไม่รู้ทำไมนางถึงรู้สึกว่าความวุ่นวายกำลังจะเกิดขึ้นกันนะ
หลิงอันที่ถูกมารดาซักทอดจนสะอาดเอี่ยมยิ้มออดอ้อนมารดา ขอให้อีกฝ่ายอย่าได้โกรธตนมากเกินไป ส่วนหยงซ่านเปานั้นตอนนี้กำลังนั่งยิ้มโง่ ๆ ส่งมาให้นางอยู่อีกฝั่งของบ้าน
“ลูกไปได้ความรู้เรื่องเหล้ามาจากที่ใด หรือว่าลูกเคยกินมาก่อน”
“ท่านแม่ลูกจะกินเหล้าได้อย่างไร ลูกพึ่งอายุกี่ขวบเอง ท่านแม่ก็ทราบไม่ใช่หรือเจ้าคะว่าลูกได้ความรู้นี้มาจากท่านเทพธิดา”
หลิงซุนมองสีหน้าสำนึกผิดของบุตรสาว นางไม่ได้โกรธที่หลิงอันหมักเหล้า นางแค่น้อยใจที่บุตรสาวไม่ยอมบอกอะไรเลย
นางไม่อยากกลายเป็นคนไม่รู้อะไรจนถูกทิ้งไว้ข้างหลังอีกแล้ว
หลิงซุนมองใบหน้าออดอ้อนของบุตรสาว มองมือเล็กผอมแห้งที่จับแขนนางเอาไว้
ลูกพยายามมากถึงขนาดนี้ พยายามทำให้ครอบครัวของพวกนางดีขึ้นขนาดนี้นางจะไปโกรธเด็กที่ทำเพื่อนางได้อย่างไร
หลิงอันเห็นแล้วว่ามารดาใจอ่อนลงมากจึงรีบสวมกอดทันที
“ท่านแม่ไม่โกรธอันเอ๋อร์นะเจ้าคะ หลังจากนี้อันเอ๋อร์จะบอกทุกอย่างกับท่านแม่แล้ว”
ยกเว้นเรื่องที่ข้าไม่ใช่ลูกสาวตัวจริงของเจ้า
นัยน์ตาอบอุ่นหลุบมองศีรษะบุตรสาว คนเป็นแม่ไหนเลยจะสามารถหักใจน้อยใจลูกได้นานขนาดนั้น พอได้รับอ้อมกอดความน้อยใจของนางก็สลายหายไปจนหมด
“อันเอ๋อร์แม่ไม่ได้โกรธลูก แม่เพียงกลัวว่าสักวันหนึ่งแม่จะถูกลูกทิ้งไว้ข้างหลัง”
หลิงอันฟังเสียงเศร้าเสียใจของนาง กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น ปล่อยให้ฝ่ามืออบอุ่นลูบหัวเบา ๆ
สองคนที่มองอยู่เงียบปากไม่กล้าเอ่ยอะไร โดยเฉพาะจางเหวิน นัยน์ตาชายหนุ่มวูบไหวหลังได้ยินสิ่งที่หลิงซุนพูดออกมา