EP : 4 ช่างแตกต่างกันมากจริงๆ
หวังซูลี่ยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ เมื่อเห็นว่าลูกของเธอกำลังช่วยกันจัดเตรียมที่นอน เธอดื่มโอสถอีกครั้ง เพราะแผลของเธอยังไม่หายดี
“ท่านแม่ มานอนได้แล้วขอรับ” เฉินฮุ่ยหวงเอ่ยเรียกผู้เป็นแม่ ที่ตอนนี้ท่านแม่นั่งอยู่ไม่ไกลจากพวกเขา
“ท่านแม่ เดี๋ยวข้าจะทาโอสถที่แผลให้นะขอรับ” เฉินฮุ่ยหมิงเอ่ยขึ้น เพราะกลัวว่าแผลของท่านแม่จะไม่หายง่ายๆ
“ช่างเถอะ นี่มันก็มองไม่ค่อยเห็นแล้ว ค่อยทาพรุ่งนี้เช้าก็ได้” หวังซูลี่เอ่ยบอกลูกชายคนรอง เนื่องจากว่าตอนนี้แสงมันใกล้จะหมดแล้ว
“ข้ามีนี่ขอรับ” เฉินฮุ่ยหมิ่นเอ่ยขึ้น พร้อมกับทำหน้าภูมิใจ พลางเอาหินเรืองแสงที่เขาขโมยมาจากบนโต๊ะทำงานของท่านพ่อ
ตอนนี้ภายในเรือนหลังนี้ก็สว่างขึ้นทันตาเห็น เมื่อเฉินฮุ่ยหมิ่นเอาหินเรืองแสงออกมาจากแหวนมิติ
“นี่มันหินเรืองแสงของท่านพ่อไม่ใช่หรือขอรับ” เมื่อเห็นสิ่งที่พี่ใหญ่ของเขาเอาออกมาจากแหวนมิติ เฉินฮุ่ยหวงก็เอ่ยถามทันที
“ใช่ มันวางอยู่บนโต๊ะน่ะ ข้าก็เลยขโมยมันมาพร้อมกับแหวนมิติของท่านแม่” เฉินฮุ่ยหมิ่นเอ่ยบอกน้องชาย พลางยิ้มกว้างให้กับผู้เป็นแม่
“เจ้าเก่งมาก” หวังซูลี่เอ่ยชมเฉินฮุ่ยหมิ่น แม้ว่าเธอจะมีเอะใจอยู่บ้าง เพราะคิดว่าคนอย่างเฉินฮุ่ยเฟินไม่น่าจะวางของมีค่าไว้บนโต๊ะแบบนี้
พอได้ใช้ความคิดแล้ว เธอก็รู้สึกว่าเขากำลังจงใจวางของพวกนี้เอาไว้มากกว่า แต่เขาจะวางเอาไว้ทำไม หรือว่าเขารู้ว่าเธอจะใช้ลูกไปเอาแหวนมิติ เขาก็เลยวางเอาไว้ แต่มันไม่ใช่หรอก ทำไมเขาจะต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะ หรือว่าเขาอยากจะใส่ร้ายพวกเธอข้อหาลักขโมยกัน
“ถอดชุดออกขอรับ” เฉินฮุ่ยหมิงเอ่ยบอกผู้เป็นแม่ พลางจ้องอย่างสงสัย เมื่อเห็นว่าท่านแม่เหม่อลอย เหมือนกับว่ากำลังคิดอะไรอยู่ การที่มีหินเรื่องแสง มันสามารถทำให้พวกเขามองเห็นราวว่าเป็นตอนกลางวัน
หวังซูลี่ทำอะไรไม่ได้ นอกจากถอดชุดออกให้ลูกชายทาโอสถที่บาดแผลให้ คาดว่าพรุ่งนี้แผลของเธอคงดีขึ้นในระดับหนึ่งแน่นอน
เมื่อเห็นบาดแผลที่ดีขึ้นมากแล้ว เด็กน้อยทั้งสามก็รู้สึกดีใจ แต่ก็อดที่จะสงสารผู้เป็นแม่ไม่ได้ เพราะถูกโบยหลังจากถูกทำลายตันเถียน
เฉินฮุ่ยหมิงทาโอสถตามรอยบาดแผลอย่างเบามือที่สุด แค่เห็นก็รู้แล้วว่าท่านแม่ของเขาต้องเจ็บขนาดไหน ขนาดเขาฝึกกระบวนท่าฟันดาบกับพี่ใหญ่ ถูกดาบไม้ฟันเข้าที่แขนโดยไม่มีแผลหรือเลือด เขายังเจ็บจนแทบจะร้องไห้เลย เมื่อเทียบกับบาดแผลของท่านแม่แล้ว บาดแผลของเขามันนิดเดียวด้วยซ้ำ
“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้เราต้องตื่นเช้า” เมื่อเฉินฮุ่ยหมิงทาโอสถที่แผลให้หวังซูลี่เสร็จแล้ว เธอก็ใส่ชุดกลับคืน ก่อนจะเอ่ยบอกลูกๆ ทั้งสาม เพราะเดินทางมาทั้งวัน แถมยังบาดเจ็บอีก เธอเลยรู้สึกง่วงเป็นอย่างมาก
“ขอรับ” เด็กน้อยทั้งสามตอบรับพร้อมกันอย่างไม่เรื่องมากอีกต่อไป เพราะพวกเขาก็เริ่มง่วงแล้ว พวกเขานอนเว้นระยะห่างจากท่านแม่พอสมควร เนื่องจากกลัวนอนดิ้นไปถูกผู้เป็นแม่
เฉินฮุ่ยหมิ่นเห็นว่าทุกคนนอนลงกับที่เรียบร้อยแล้ว ก็เอาหินเรืองแสงเข้าแหวนมิติทันที ก่อนจะกอดเฉินฮุ่ยหวง ที่นอนอยู่ตรงกลางระหว่างเขากับเฉินฮุ่ยหมิงที่นอนใกล้กับท่านแม่
วันรุ่งขึ้นทั้งสี่ก็ตื่นขึ้น พร้อมกับเอาน้ำจากแหวนมิติมาล้างหน้าล้างตา ก่อนจะทานมื้อเช้าเล็กน้อย เพราะต้องเก็บอาหารไว้เพื่อวันอื่นๆ ด้วย เนื่องจากไม่รู้ว่าแถวนี้จะสามารถหาของกินได้หรือเปล่า
“ข้าพร้อมแล้วขอรับท่านแม่” เฉินฮุ่ยหวงร้องบอก พลางมองรอบๆ อย่างสำรวจ และหวังว่าที่แห่งนี้จะมีน้ำและของกินให้กับพวกเขา
“ร้อนหรือไม่” หวังซูลี่เอ่ยถามลูกๆ เพราะขนาดยังเช้าอยู่เลย เธอยังรู้สึกร้อนๆ ถ้าสายกว่านี้จะไม่ร้อนยิ่งกว่านี้อีกหรือ
“ไม่ขอรับ” เมื่อถูกถามแบบนั้น เด็กทั้งสามก็รีบตอบผู้เป็นแม่ทันที เพราะไม่อยากให้เป็นห่วง อีกอย่างร้อนแค่นี้พวกเขาทนได้
“งั้นรีบไปกันเถอะ” หวังซูลี่พยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะเอ่ยบอกลูกน้อย ซึ่งท่าทางของพวกเขาดูจะตื่นเต้น และอยากจะออกไปสำรวจเร็วๆ จะแย่อยู่แล้ว
เด็กทั้งสามยิ้มกว้าง ก่อนจะพากันเดินไปตามถนน โดยมองผืนดินที่แห้งแล้ง ก็ได้แต่คิดว่าต้องทำให้พวกมันเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ให้ได้ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ก็ตาม
ทั้งสี่เดินมาไกลพอสมควร แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีบ่อน้ำเลย เรือนสามหลังที่เดินผ่านมาก็เหมือนจะไม่มีคนอยู่ เลยไม่รู้ว่าจะไปถามใคร
“เราไปหาน้ำที่ป่าข้างหน้านั้นดีหรือไม่ขอรับท่านแม่” เฉินฮุ่ยหมิ่นเอ่ยขึ้น เพราะข้างหน้าของพวกเขามีป่าอยู่ พอหันหลังกลับไปมองทางที่พวกเขาเดินมา มันก็แตกต่างกันเป็นอย่างมาก ฝั่งหนึ่งเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ อีกฝั่งเป็นพื้นที่แห้งแล้ง มันช่างแตกต่างกันมากเสียจริงๆ
“น่าจะเป็นเช่นนั้น” หวังซูลี่เอ่ยขึ้น ก่อนพาลูกๆ ของเธอเดินตรงไปยังป่าที่อยู่ตรงหน้าอีกไม่ไกล
“น่าแปลกจริงๆ ป่านี้ดูจะอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก แต่ที่พวกเราพักอาศัยอยู่กลับแห้งแล้ง มันออกจะแปลกเกินไป” เฉินฮุ่ยหมิงเอ่ยขึ้นพลางขมวดคิ้วไปด้วย เพราะดูยังไงมันก็แปลก หากป่าที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขาไม่อุดมสมบูรณ์เช่นนี้ เขาก็คงไม่คิดว่ามันแปลกหรอก
เมื่อได้ยินคำพูดของลูกชาย หวังซูลี่ก็คิดว่ามันแปลกอย่างที่เฉินฮุ่ยหมิงกล่าวมาจริงๆ นั่นแหละ
“หรือว่าที่พวกเราอยู่มันมีอะไรซ่อนอยู่ใต้ดิน” เฉินฮุ่ยหวงขมวดคิ้ว ก่อนจะคลายออกเมื่อคิดอะไรได้ จากนั้นก็พูดขึ้น พลางมองด้านหน้ากับด้านหลังสลับไปมา
“ก็อาจจะใช่” เฉินฮุ่ยหมิ่นเอ่ย พลางพยักหน้าเบาๆ อย่างเห็นด้วยกับน้องชายคนเล็กของเขา
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน ตอนนี้เราไปหาน้ำกันเถอะ” หวังซูลี่เอ่ยบอกลูกๆ ก่อนจะพากันเดินเข้าป่า เพื่อหาแห่งน้ำไว้ใช้