EP : 2 ไม่ยอมไปมือเปล่า
“ท่านพี่ ท่านพ่อจะไล่พวกเราออกไปจริงๆ หรือขอรับ” เฉินฮุ่ยหมิงเอ่ยถามผู้เป็นพี่ใหญ่ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พลางมองผู้เป็นแม่ฟื้นขึ้นมาได้ไม่นาน หลังจากที่ถูกโบย พร้อมกับถูกทำลายตันเถียน จนไม่ต่างจากคนพิการ
และพอได้สติ ก็เหมือนจะออกไปข้างนอก เพื่อหาท่านพ่อ แต่จู่ๆ ก็ล้มลงไปต่อหน้าพวกเขาเช่นนี้ ทำให้เขาเป็นกังวลมากๆ เพราะไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร
เฉินฮุ่ยหมิ่นไม่ได้ตอบน้องชาย แต่เอื้อมมือไปลูบหัวเฉินฮุ่ยหมิงอย่างปลอบประโลม เขาไม่อยากให้น้องชายทั้งสองกังวลใจไปมากกว่านี้
“ข้าไม่อยากไปเลย แต่ว่าถ้าอยู่ที่นี่ ข้ากลัวว่าท่านแม่จะถูกทำร้ายอีก” เฉินฮุ่ยหวงเอ่ยขึ้น พลางจับมือผู้เป็นแม่ไม่ยอมปล่อย เพราะเขากลัวว่าท่านแม่จะจากเขาไป
หวังซูลี่ที่ได้สติก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างเชื่องช้า และก็ทันได้ยินสิ่งที่พวกลูกชายของเธอพูดคุยกันอีกด้วย
“ท่านแม่!” เมื่อเห็นว่าผู้เป็นแม่ลืมตา เด็กทั้งสามก็เอ่ยเรียกด้วยความดีใจ
“หมิ่นเอ๋อร์ เจ้าไปเอาแหวนมิติของแม่มา แล้วเอาใส่ไว้ในแหวนมิติของเจ้า” หวังซูลี่เอ่ยบอกเฉินฮุ่ยหมิ่น ลูกชายคนโตของเธอที่อายุเจ็ดปี แต่กลับมีความสามารถฝึกวรยุทธ์ได้รวดเร็ว จนน่าตกใจ
ทำให้เธอมั่นใจว่า ลูกชายของเธอสามารถเอาแหวนมิติที่ถูกยึดไป กลับมาได้อย่างสบายๆ แน่นอน และเธอก็จะไม่ยอมถูกไล่ไปอย่างมือเปล่าแน่นอน
“ขอรับ พวกเจ้าดูแลท่านแม่ให้ดี” เฉินฮุ่ยหมิ่นตอบรับผู้เป็นแม่อย่างเข้าใจ โดยไม่ถามอะไร ก่อนจะหันไปสั่งน้องๆ ทั้งสอง
“ท่านพี่ไว้ใจพวกข้าได้เลยขอรับ” เฉินฮุ่ยหมิงเอ่ยบอกพี่ใหญ่ ด้วยท่าทางจริงจัง
“พี่จะรีบไปรีบกลับ” เฉินฮุ่ยหมิ่นกล่าวกับน้องชายทั้งสอง ก่อนจะรีบไปเอาแหวนมิติของท่านแม่ที่ถูกยึดไป ดีที่เขาฝึกวิชาอำพรางจนสำเร็จแล้ว ทำให้เขาสามารถหลบสายตาทุกคนได้ โดยไม่มีใครเห็นหรือจับเขาได้ ยกเว้นเพียงท่านพ่อของเขา
“ท่านแม่ ดื่มน้ำก่อนนะขอรับ” เฉินฮุ่ยหมิงเอ่ย พลางเอาน้ำที่แอบไว้ในแหวนมิติระดับต่ำ ซึ่งท่านแม่เป็นคนซื้อให้พวกเขาออกมา
โชคดีที่ท่านแม่ของเขาบอกให้ซ่อนแหวนมิติเอาไว้ และสั่งห้ามไม่ให้บอกใครว่าพวกเขามีแหวนมิติ เพราะมันเป็นของหายาก และมีค่ามากๆ ท่านแม่เลยเป็นห่วง กลัวว่าใครจะมาแย่งจากพวกเขาไป
ซึ่งมันต่างจากแหวนมิติระดับสูงของท่านแม่ ที่มีไม่กี่คนเท่านั้นถึงจะมีได้ เพราะนอกจากจะทำยากมากๆ แล้ว ยังแพงมากอีกด้วย แต่ข้อดีของมันก็สามารถทำสัญญาผูกมัดกับแหวนมิติได้ คนที่ไม่ใช้เจ้าของจะไม่สามารถนำของในแหวนมิติออกมาใช้ได้
และอีกอย่างคนที่สามารถสร้างแหวนมิติระดับสูงได้นั้น จะต้องมีความรู้เรื่องอักขระและมีระดับลมปราณอยู่ในระดับยอดเซียนขึ้นไป ซึ่งมันก็มีไม่กี่คนเท่านั้น
หวังซูลี่ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะดื่มน้ำที่ลูกชายเป็นคนป้อน หลังจากที่ได้ดื่มน้ำเธอก็รู้ดีขึ้น แม้จะเสียใจที่ตอนนี้ตัวเองไม่ต่างจากคนพิการ เพราะถูกทำลายตันเถียนไปแล้ว
เนื่องจากในนิยายเรื่องนี้บอกไว้ว่าทุกคนสามารถเป็นผู้ใช้ความปราณได้ หลังจากที่ถูกปลุกพลังขึ้นมาตอนอายุครบห้าปี ชาวบ้านส่วนมากจะมีระดับลมปราณอยู่ที่ระดับแรกเริ่มเท่านั้น เพราะชาวบ้านไม่สามารถไปดูดซับลมปราณในป่าลึกๆ ที่เต็มไปด้วยสัตว์อสูรได้
ส่วนขุนนางและตระกูลใหญ่ๆ หรือพวกราชวงศ์ ก็มีระดับพื้นฐานไปจนถึงที่มีคนอยู่ในระดับเซียน ไม่นับรวมพวกอาจารย์ที่อยู่ในสำนัก เพราะไม่รู้ว่าคนพวกนั้นมีระดับลมปราณสูงขนาดไหน เนื่องจากว่าในนิยายไม่ได้บรรยายเรื่องของสำนัก บอกแค่ว่าพระเอกเคยเรียนที่นั่นเท่านั้น
และที่เธอรู้เพราะว่าชาติที่แล้ว เธอเคยคิดว่าเมื่อครบสิบห้าปีตามที่สำนักกำหนดเอาไว้ ก็จะเข้าไปเรียนที่นั่น แต่ก็ถูกผู้เป็นพ่อบอกให้แต่งงานกับพระเอก ความคิดพวกนั้นก็เลยปัดตกไป เพราะดันหลงรักอีกฝ่ายจนไม่สนใจจะไปเรียนต่อแล้ว
ถ้าเธอย้อนเวลามาก่อนที่จะถูกทำลายตันเถียนแล้วล่ะก็ เธอจะไปเข้าเรียนที่สำนักดู แต่มันก็คงเป็นไม่ได้อยู่แล้ว
แต่ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ ที่เธอได้ย้อนกลับมาในช่วงนี้ เพราะเธอจะได้หย่าขาดกับเขา และหนีไปอยู่ไกลๆ จากเขาด้วย ถึงยังไงนี่มันก็คือจุดจบของนางร้ายอย่างเธออยู่แล้ว ต่อไปนี้เธอจะตั้งใจเลี้ยงลูก เพื่อชดเชยเรื่องในอดีต
เมื่อหวังซูลี่รู้สึกมีแรง ก็ค่อยๆ ลุกขึ้นมานั่ง พลางมองรอบห้อง ในใจก็นึกเสียดายที่ต้องจากไป เพราะเธออยู่ที่นี่มานาน และเธอก็ต้องตัดใจ เนื่องจากเรื่องทั้งหมด มันก็แค่นิยายที่กำหนดให้เธอทำแบบนี้ แต่ในเมื่อเธอได้ความทรงจำทั้งสองชาติกลับมาแล้ว เธอจะไม่ทำอะไรที่มันโง่เขลาแบบในอดีตแน่นอน
“ท่านแม่ อยู่นิ่งๆ ก่อนนะขอรับ” เฉินฮุ่ยหมิงเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นว่าท่านแม่ของเขา กำลังจะลุกขึ้นยืน ทำให้เขารีบใช้ลมปราณพยุงผู้เป็นแม่ จากนั้นก็ค่อยๆ ทำให้ท่านแม่ของเขาลอยตัวไปที่เตียงอย่างเชื่องช้า
หวังซูลี่ยิ้มอย่างเอ็นดู เมื่อเห็นว่าเฉินฮุ่ยหมิงใช้ลมปราณช่วยพยุงเธอมาที่เตียง ไม่สิ เขาทำให้เธอลอยมาที่เตียงต่างหาก
ตอนนี้เธอเจ็บแผลที่ถูกโบยมากๆ เจ็บเจียนตายแต่ต้องเข้มแข็งเอาไว้ ไม่รู้ทำไมนักเขียนถึงให้โบยนางร้ายด้วย ทั้งที่ถูกทำลายตันเถียนก็หนักมากพอแล้ว หรือว่ายังไม่สะใจ เลยบรรยายเพิ่มลงไปเฉยๆ แต่มันก็ทำให้เธอเจ็บหนัก จนต้องกัดฟันแน่น เพื่อไม่ได้ส่งเสียงร้องออกมาให้ลูกๆ ได้ยิน
“ท่านแม่หิวหรือไม่ขอรับ” เฉินฮุ่ยหวงเอ่ยถามผู้เป็นแม่ด้วยความเป็นห่วง เพราะท่านแม่ของเขายังไม่ได้ทานอะไรเลย แถมยังบาดเจ็บอีกด้วย ทำให้เขาเป็นห่วงกลัวว่าท่านแม่ของเขาจะหิว
“ไม่ เจ้าหิวแล้วหรือ” หวังซูลี่ตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา พลางเอ่ยถามลูกชายคนเล็ก
“เปล่าขอรับ ข้าแค่คิดว่าท่านแม่น่าจะหิว ก็เลยถาม” เฉินฮุ่ยหวงกล่าวตอบผู้เป็นแม่ พร้อมกับส่ายหน้าปฏิเสธไปมาเบาๆ
“รอพี่เจ้ามาก่อน” หวังซูลี่ยิ้มเมื่อได้รับคำตอบ ก่อนจะเอ่ยบอกเบาๆ เพราะในแหวนมิติของเธอมีอาหารเก็บเอาไว้อยู่ เนื่องจากพวกเธอถูกลงโทษแบบนี้เลยไม่มีอาหารมาให้
“ขอรับ” เฉินฮุ่ยหวงตอบรับอย่างเข้าใจ พร้อมกับยิ้มกว้าง
เฉินฮุ่ยหมิงไม่ได้ถามอะไรต่อ นอกจากสังเกตอาการของผู้เป็นแม่ คงต้องรอแหวนมิติจากท่านพี่ของเขาแล้วล่ะ ท่านแม่ของเขาถึงจะได้ดื่มโอสถ ไม่อย่างนั้นท่านแม่ต้องเจ็บปวดมากแน่ๆ
“ข้ากลับมาแล้วขอรับ” เฉินฮุ่ยหมิ่นที่เข้ามาได้ยินพอดี ก็ปรากกฎตัวออกมา พร้อมกับเอ่ยขึ้นพลางยิ้มอย่างดีใจ เพราะเขาสามารถไปขโมยแหวนมิติที่อยู่ในห้องทำงานของท่านพ่อได้ ดีที่วันนี้ท่านพ่อของเขาออกไปทำธุระด้านนอก เขาเลยสามารถไปขโมยแหวนมิติของท่านแม่กลับคืนมาได้อย่างง่ายดาย
“นี่ขอรับ” หลังจากเอาแหวนมิติท่านแม่ออกมาจากแหวนมิติของตัวเองเฉินฮุ่ยหมิ่นส่งแหวนมิติให้กับผู้เป็นแม่
หวังซูลี่รับมา ก่อนจะเอาอาหารออกมาให้ลูกๆ ของเธอได้ทาน พร้อมกับเอาโอสถออกมาให้ตัวเองทาน เพราะรู้ว่าคืนนี้เธอจะเป็นไข้อย่างหนัก ทานกันไว้ก่อนน่ะดีแล้ว
“ท่านแม่ ทานนี่สิขอรับ” เฉินฮุ่ยหวงเอาใจผู้เป็นแม่ ด้วยการส่งซาลาเปาที่ยังร้อนๆ อยู่ให้กับท่านแม่ ข้อดีของแหวนมิติระดับสูง ก็คือสามารถทำให้เก็บรักษาอาหารให้อยู่เหมือนเดิม
“ขอบใจนะ พวกเจ้าก็ทานเยอะๆ จะได้มีแรง” หวังซูลี่เอ่ยกับเฉินฮุ่ยหวง ก่อนจะบอกลูกๆ ทั้งสามเพราะรู้ดีว่าวันนี้ยังไม่ได้ทานอาหารเลย
“ขอรับ” เด็กทั้งสามกล่าวตอบรับ พลางทานซาลาเปาไปอย่างเงียบๆ เพราะไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าพวกเขากำลังทานอาหาร
หวังซูลี่ยิ้มเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ทานซาลาเปาอย่างเชื่องช้า พร้อมกับมองลูกชายทั้งสามทานซาลาเปา โดยไม่บ่นเรื่องอาหารเลยสักนิด อยากจะเอาอย่างอื่นออกมาด้วย แต่มันคงไม่เหมาะเท่าไร
“ท่านแม่ เอาโอสถทาแผลมา ข้าจะทาแผลที่หลังให้ท่าน” เมื่อทานซาลาเปาอิ่มแล้ว เฉินฮุ่ยหมิงก็เอ่ยขึ้น เพราะถ้าท่านแม่ไม่ทาแผล คืนนี้ท่านแม่จะต้องป่วยหนักแน่นอน เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องออกเดินทางแล้ว มันคงไม่ดีแน่
“ขอบใจเจ้ามาก” หวังซูลี่เอ่ยกับเฉินฮุ่ยหมิง พลางเอาโอสถทาแผลออกมาจากแหวนมิติ ก่อนจะส่งมันให้กับลูกชายคนรอง แล้วหันหลังให้กับลูกชายอย่างเชื่องช้า เพื่อให้ทาแผลให้ พร้อมกับค่อยๆ ถอดชุดออกจนเหลือแค่ซับใน