บท
ตั้งค่า

บทที่ 6 วิญญาณสิงร่างเหวินซี

“ข้าต้องอาบด้วยหรือ? เพิ่งจะอาบไปเมื่อตอนกลางวันนี้อง” เหวินซีเอ่ยถาม อย่างไม่ใส่ใจด้วยความเคยชินที่ตอนอยู่บนสวรรค์ไม่ต้องอาบน้ำบ่อย ๆ

“เมื่อตอนกลางวันเจ้าเรียกว่าอาบหรือ?” อี้ปินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเข็ดเขี้ยวพร้อมกับยื่นมือเขกเบา ๆ ไปที่ศีรษะน้อย ๆ อย่างอดใจไม่อยุ่

“โอ๊ย...” เสียงของเหวินซีร้องออกมาเมื่อโดนอีกฝ่ายใช้กำปั้นเขกลงบนหัวจนรู้สึกเจ็บแปลบ

“เป็นมนุษย์ต้องอาบน้ำทุกวันฟันก็ต้องขัด ผิวก็ต้องถู ผมก็ต้องฟอกเข้าใจหรือไม่!” อี้ปินเอ่ยสอนพลางนึก

เทพบนสวรรค์ใช้ชีวิตอย่างไรกัน? เหตุใดเด็กน้อยของตนถึงได้มีความคิดเช่นนี้ได้! เทพไม่อาบน้ำกันเช่นนั้นหรือ? ไม่ดีแน่ ไม่ดีแน่ ๆ จะสกปรกเกินไปแล้ว...

“เป็นมนุษย์มันช่างยุ่งยากยิ่งนัก ข้าไม่อยากไปตักน้ำที่ลำธารมันหนักข้ายกไม่ไหว” เหวินซีเริ่มหงุดหงิดเพราะเมื่อตอนกลางวันนางไปตักน้ำที่ลำธารมาครึ่งถังก็แทบยกไม่ไหว ร่างกายของมนุษย์ไม่เหมือนเทพทั้งอ่อนแอบอบบาง พลังใด ๆ ที่ช่วยเอื้ออำนวยความสะดวกก็ไม่มี

“ฮึ่ย...ประเดี๋ยวข้าจะไปตักน้ำที่ลำธารมาให้เจ้าอาบอย่าเพิ่งนอนก็แล้วกัน!” เอ่ยจบอี้ปินก็เดินไปหยิบถังน้ำขึ้นมาสองใบแล้วเดินหายไปด้านหลังทันที ใช้เวลาเพียงไม่นานน้ำอุ่น ๆ ที่มีควันลอยคลุ้งก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย เหวินซียกยิ้มจนตาหยีด้วยความยินดีที่เห็นน้ำอุ่น ไม่ต้องอาบน้ำเย็นเหมือนเมื่อตอนกลางวันอีก

“เจ้าอาบเป็นหรือไม่ หรือว่าต้องให้ข้าช่วยเจ้าอาบอีก” อี้ปินเอ่ยด้วยน้ำเสียงประชดประชัน

“ข้าอาบเป็นเจ้าค่ะขอบคุณท่านมาก ท่านรีบออกไปได้แล้วประเดี๋ยวน้ำในถังจะเย็นเสียหมดก่อนที่ข้าจะได้อาบ” เหวินซีเอ่ยไล่ทันที

“รู้แล้วน่า...” อี้ปินเอ่ยพร้อมกับก้าวเท้าเดินออกไปจากห้องทันที เพราะเขาต้องกลับไปต้มน้ำร้อนเพื่อให้ใต้ซือหลุนเอาไว้ชงชาอีก

เช้าวันรุ่งขึ้นเหวินซีตื่นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเคาะเรียกด้านหน้าประตู นางเดินไปเปิดด้วยความหงุดหงิดเพราะยังนอนหลับไม่เต็มอิ่ม ปกติอยู่บนสวรรค์นางนอนแต่ละครั้งก็หลายชั่วยามหรือบางครั้งนางก็ไม่ได้นอนเลยหลายชั่วยามติดต่อกัน เพราะบนสวรรค์ไม่มีกลางวันกลางคืนเช่นนี้ อยากนอนก็นอนไม่อยากก็ไม่ต้องนอนไม่เรื่องมากเหมือนมนุษย์เช่นนี้หรอก

“ปลุกข้าทำไมหรือ?” เหวินซีเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงงัวเงีย

“ข้าปลุกเจ้าออกไปเก็บกวาดใบไม้ที่ลานหน้าอารามนะสิ” อี้ปินเอ่ยตอบ

“ทำไมต้องกวาดด้วย”

“ถ้าไม่เก็บกวาดมันก็รกไม่น่ามอง”

“ข้าต้องทำด้วยหรือ?”

“เจ้าจะมาอาศัยกินนอนเฉย ๆ ไม่ได้ต้องช่วยกันทำความสะอาดเพื่อเป็นการตอบแทน” อี้ปินเอ่ย

“อ่อ...ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นก็ไปกันเลย” เหวินซีเอ่ยพร้อมก้าวเท้าเตรียมเดินออกจากเรือน

“เดี๋ยว ๆ เจ้าไม่ล้างหน้าล้างตาก่อนหรือ ดูสิขี้ตาเกรอะกังไปหมด” อี้ปินเอ่ยบ่น พลางชี้ไปที่ใบหน้าของอีกฝ่าย

“ต้องทำด้วยเช่นนั้นหรือ? ได้ ๆ รอสักครู่” เหวินซีเอ่ยพลางหันหลังกลับเข้าเรือนแล้วตักน้ำที่อยู่ในถังขึ้นมาลูบใบหน้าแล้วใช้แขนเสื้อของตนเองเช็ดเพื่อซับน้ำออก เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

“เจ้าใช้น้ำที่ไหนล้างหน้า” อี้ปินเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“น้ำในถังที่ข้าใช้อาบเมื่อคืน” เหวินซีเอ่ยตอบ

“นี่เจ้า...ช่างซกมกยิ่งนัก เหตุใดเจ้าไม่ทิ้งน้ำที่อาบเมื่อคืนนี้เล่า แล้วยังจะเอามาลูบหน้าต่ออีก” อี้ปินเอ่ยบ่นเด็กน้อยตรงหน้า

“เอ่อ...ข้าลืมคิดว่ามันคือนำทิพย์ที่สามารถใช้ซ้ำ ๆ ได้โดยไม่ต้องทิ้ง” เหวินซีเอ่ย นางยังชินกับการใช้ชีวิตอยู่บนสวรรค์มันผิดด้วยหรือ? นางอยู่ที่นั่นมานานหลายร้อยปีแล้วนี่นา…

อี้ปินกุมขมับ แล้วเดินนำหน้าไปโดยที่ไม่ได้กล่าวสิ่งใด ภายในหัวก็เริ่มมึนงงสับสนไปหมด เขาต้องเริ่มสอนนางจากส่วนใดก่อนดี...

เหวินซีหลังจากกินมื้อเช้าที่โรงครัวเสร็จเรียบร้อยก็รีบเดินไปยังหอฝึกสมาธิทันที นางต้องการที่จะรวมจิตให้เข้ากับร่างนี้โดยเร็วที่สุด เพื่อที่พลังของนางจะได้กลับมาใช้ได้ดังเดิม การใช้ชีวิตในโลกมนุษย์นั้นไม่ง่ายเลยจริง ๆ เมื่อเช้าพี่อี้ปินก็ให้นางเก็บกวาดใบไม้จนเหงื่อไหลท่วมตัว ช่างเหน็ดเหนื่อยยิ่งนัก

เหวินซีเดินเข้ามาเห็นใต้ซือหลุนนั่งหลับตาอยู่ท่าเดิม นางจึงค่อย ๆ คลานเข้าไปแล้วนั่งลงหลับตาอย่างเช่นเคยอย่างตั้งอกตั้งใจ นั่งอยู่เพียงชั่วครู่เสียงของอี้ปินก็ดังขึ้น

“อาจารย์...อาจารย์ มีชาวบ้านพาคนมารักษาอีกแล้วขอรับ” อี้ปินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหอบเพราะรีบวิ่งมารายงานใต้ซือหลุน เนื่องด้วยคนป่วยคลุ้มคลั่งอาละวาดจนต้องจับมัดแต่กระนั้นก็แรงดีใช่ย่อย จนชาวบ้านต้องช่วยกันจับหลายคนถึงจะสามารถต้านแรงได้

“ตอนนี้อยู่ที่ใดกันหรือ?” ใต้ซือหลุนเอ่ยถาม

“ข้าให้ชาวบ้านพามาที่ศาลาใหญ่ขอรับ” อี้ปินเอ่ยตอบ

ใต้ซือหลุนรีบลุกขึ้นแล้วเดินออกไปทันที ทางด้านเหวินซีด้วยความอยากรู้จึงลุกขึ้นเดินตามไปเช่นกัน เมื่อมาถึงศาลาใหญ่ชาวบ้านต่างมามุงดูกันมากมายด้วยความอยากรู้อยากเห็น เมื่อเห็นใต้ซือหลุนเดินเข้ามายังศาลาทุกคนก็พร้อมใจกันหลีกทางให้ท่านได้เข้าไปได้อย่างสะดวก

“คาราวะท่านใต้ซือหลุน รายนี้อาการหนักน่าดูเลยขอรับ” เสียงของชาวบ้านเอ่ย

ใต้ซือพยักหน้าตอบ จากนั้นก็เดินมาใกล้ ๆ คนที่อาการคลุ้มคลั่งมองใต้ซือหลุนด้วยสายตาอาฆาต พร้อมกับก่นด่าสารพัด เหวินซีและอี้ปินยืนอยู่ไม่ห่างจากใต้ซือเท่าใดนัก ทั้งสองเห็นถึงความร้ายกาจของคนไข้รายนี้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเหวินซี นางเห็นวิญญาณร้ายในร่างของชายผู้นั้นและนางก็ไม่ทันระวังเผลอสบตาเข้ากับดวงตาสีแดงของมันเข้า

“เหวินซีมาอยู่ใกล้ ๆ อาตมา” ใต้ซือหลุนเอ่ยบอกเมื่อรับรู้ถึงสายตาของเจ้าวิญญาณร้าย เหวินซีรีบขยับตัวมาอยู่ใกล้ ๆ ใต้ซือหลุนอย่างไม่ต้องเอ่ยปากถามสิ่งใด

ใต้ซือหลุนหยิบพู่ลงอาคมออกมาปัดเป่าพร้อมกับสวดคาถางึมงำ ร่างของชายที่ถูกวิญญาณร้ายเข้าสิงดิ้นเร่า ๆ ด้วยความเจ็บปวด เพียงไม่นานไอสีดำก็พวยพุ่งออกมาแต่มีเพียงใต้ซือหลุนและเหวินซีเท่านั้นที่เห็นมัน

ไอสีดำพุ่งเข้าหาใต้ซือหลุนอย่างรวดเร็ว ใต้ซือสะบัดพู่ในมือเพื่อปัดป้องแต่เจ้าวิญญาณร้ายตัวนี้มันอาฆาตรุนแรงไม่ยอมรามือโดยง่าย มันหลบหลีกทางซ้ายทางขวาเมื่อสบโอกาสมันจึงประชิดร่างของเด็กน้อยทันที เด็กผู้นี้มีไอพลังของปีศาจที่แข็งแกร่งถ้ามันได้ดูดกลืนไอวิญญาณของนางมันต้องมีพลังที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลแน่นอน

“อร๊าย...” เหวินซีร้องออกมาเสียงดัง เมื่อวิญญาณชั่วร้ายดวงตาแดงกล่ำเข้าประชิดร่างจากนั้นชั่วพริบตามันก็เข้าสิงร่างของนาง ตอนนี้เหวินซีไม่ได้รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นภายนอกอีกแล้ว

การถูกวิญญาณร้ายเข้าสิงร่างจะทำให้ดวงจิตถูกควบคุมจากนั้นมันก็จะค่อย ๆ ดูดซับพลังจิตของคนผู้นั้นช้า ๆ จนกระทั่งจิตดับสลายแล้วมันก็จะหาร่างที่แข็งแกร่งเพื่อสิงสู่ต่อไปอีกเรื่อย ๆ จนกว่าจะเจอร่างที่มันคิดว่าจะใช้พึ่งพาเพื่อกลับกลายมามีชีวิตอีกครั้ง

ใต้ซือหลุนเมื่อเห็นว่าวิญญาณร้ายเข้าสิงร่างของเหวินซี และตนก็ย่อมรู้ดีว่าร่างกายของเด็กน้อยนั้นล่อลวงเหล่าวิญญาณร้ายได้มากเพียงใด ใต้ซือหลุนไม่เอื้อนเอ่ยสิ่งใดก่อนที่ร่างเล็กจะวิ่งหนีออกไปเขารีบหยิบสร้อยคอที่มีหยกสีนิลห้อยอยู่สวมเข้าที่คอของเด็กน้อยทันที

“อ๊า...” เสียงที่กรีดร้องออกมาฟังแล้วน่าขนลุกยิ่ง ร่างเล็กลงไปนอนกับพื้นดิ้นไปมาอย่างทุรนทุรายเพียงไม่นานก็แน่นิ่งไป ส่วนวิญญาณร้ายแหลกสลายหายไปในอากาศทันที

อี้ปินรีบเข้าไปดูร่างเล็กที่แน่นิ่งไป ใต้ซือหลุนเอ่ยบอกลูกศิษย์ของตน “เจ้าพานางไปที่หอสมาธิประเดี๋ยวอาตมาจะตามไป”

“ขอรับ” อี้ปินเอ่ยรับปากจากนั้นก็อุ้มร่างเล็กขึ้นแล้วพาไปยังหอฝึกสมาธิทันที ส่วนใต้ซือหลุนนั้นยังคงต้องทำพิธีปัดเป่าอีกสักหน่อย โชคดีที่วิญญาณตนนั้นยังไม่มีฤทธิ์มากพอไม่เช่นนั้นชายผู้นี้คงจิตวิปริตไปเป็นแน่ ชาวบ้านต่างปรบมือและกล่าวสรรเสริญใต้ซือหลุนกันเซ็งแซ่ด้วยความเคารพเลื่อมใส จากนั้นก็แยกย้ายกันกลับไป

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel