บทที่ 3 แค่อาบน้ำยังยุ่งยากขนาดนี้
เหวินซีฟังเรื่องเล่าความเป็นมาของอารามเส้าหมิงและใต้ซือหลุนจึงได้ความที่กระจ่างชัดขึ้น จนเดินมาถึงอารามก็พบว่าช่างใหญ่โตและดูสงบร่มเย็นเป็นอย่างมาก อี้ปินพาเหวินซีเข้าไปกราบใต้ซือหลุนเพื่อบอกกล่าวแก่ท่านว่ามีเด็กน้อยมาของพึ่งใบบุญเพิ่มอีกหนึ่งคน
“เหวินซีคาราวะใต้ซือหลุนเจ้าค่ะ” เหวินซีเอ่ยพร้อมย่อกายคาราวะด้วยท่วงท่างดงาม
ใต้ซือหลุนพยักหน้าให้เด็กน้อยแล้วหันไปหาศิษย์เอกเสียงนุ่มทุ้มอ่อนโยนเอ่ยถาม “เจ้าไปเก็บเด็กที่ไหนมาอีกเล่า”
“ข้าเห็นนางยืนอยู่หน้าร้านขายหมั่นโถดูท่าทางหิวโซน่าสงสารจึงอดชวนมาที่นี่ไม่ได้ขอรับท่านอาจารย์” อี้ปินเอ่ยบอก เขาเรียกใต้ซือว่าอาจารย์นั่นเป็นเพราะเขาอยู่ที่นี่มานานตั้งแต่อายุสิบปีจนตอนนี้อายุก็ล่วงเลยมายี่สิบแปดปีแล้ว วิชาอาคมใด ๆ ก็ได้ใต้ซือหลุนเป็นผู้สอนสั่งแม้จะไม่เก่งกาจเท่าเพราะในหัวอันทึ่มทื่อมันไม่ค่อยจดจำ แต่ของดีต่าง ๆ ของใต้ซือหลุนเขามีเก็บไว้ทุกชิ้นไม่มีพลาดสักอันเดียว
“บ้านของเจ้าอยู่ที่ใดใยถึงมาเร่ร่อน” ใต้ซือหลุนเอ่ยถามเด็กน้อยรูปร่างผ่ายผอมตรงหน้า
“ข้าจำอะไรไม่ได้เลยเจ้าค่ะ” เหวินซีเอ่ยตอบ ใต้ซือหลุนมองเด็กน้อยตรงหน้าพลางเปิดดวงตาที่สามมองหยั่งลึก เพราะเขาสัมผัสถึงพลังบางอย่างในตัวของเด็กน้อยผู้นี้
เมื่อเพ่งพินิจอยู่เพียงครู่เขาก็ได้เห็นจิตวิญญาณของสตรีงดงามนางหนึ่งอยู่ในร่างของเด็กน้อย แถมยังมีพลังลึกลับที่มีไอของเทพบดบังอยู่ด้านในนั้น เด็กน้อยผู้นี้ไม่ใช่เด็กน้อยธรรมดาอย่างที่เขาคิดเอาไว้จริง ๆ
“จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ในมือของเจ้ามีหมั่นโถใยจึงยังไม่กิน” ใต้ซือเอ่ยถาม
“ข้าต้องนำหมั่นโถนี้ไปเซ่นไหว้ผีชราตนหนึ่งที่หิวโหยเจ้าค่ะ” เหวินซีเอ่ยโดยไม่คิดบิดบัง เพราะนางได้ฟังพี่อี้ปินเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับใต้ซือหลุนแล้วว่าท่านเก่งกาจมีดวงตาที่สามสามารถมองเห็นสิ่งเร้นลับได้
“เขาให้เจ้าเซ่นไหว้ของกินไปให้เช่นนั้นหรือ?” ใต้ซือหลุนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มเช่นเดิม
“เจ้าค่ะ เมื่อคืนเขาวิ่งตามข้าทั้งคืนใบหน้าก็น่าเกลียดน่ากลัวยิ่งนัก ข้ากลัวแทบแย่ ถ้าไม่ยอมเซ่นไหว้ของกินไปให้ข้ากลัวว่าผีชราตนนั้นจะมาตามหลอกหลอนข้าอีกเจ้าค่ะ” เหวินซีเอ่ยเล่าพลางทำหน้าเหยเกเมื่อคิดถึงใบหน้าสะพรึงของผีชรา
“เด็กน้อยเจ้ามองเห็นผะ...ผีหรือ?” อี้ปินเอ่ยถามเสียงสั่นเมื่อได้ยินที่เด็กน้อยเอ่ยเล่า ตนไม่เคยมองเห็นวิญญาณหรือภูตผีตนใด เพียงแต่เห็นอาการของคนที่โดนวิญญาณร้ายสิงสู่ แต่แค่นั้นก็ทำให้ตนขนลุกขนชันอยู่ไม่น้อย
“ใช่ ข้ามองเห็นแต่ข้าไม่อยากมองเห็นหรอกนะไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใดท่านใต้ซือพอจะช่วยข้าได้หรือไม่เจ้าคะ” เหวินซีเอ่ยตอบพี่ชายตรงหน้าและหันไปถามใต้ซืออย่างขอความเห็นใจ
“อาตมาไม่สามารถช่วยเจ้าได้หรอก แต่เอาเป็นว่าอาตมาจะสอนเจ้าให้อยู่กับมันได้โดยที่ไม่เดือดร้อนก็แล้วกัน แต่ก่อนอื่นเจ้าไปจัดการเซ่นไหว้ของกินก่อนเถิด จากนั้นก็ให้อี้ปินพาไปที่พักอาบน้ำแต่งตัวเสียใหม่แล้วค่อยไปหาอาตมาที่หอสมาธิ” ใต้ซือหลุนเอ่ยจากนั้นก็เดินจากไป
เหวินซีรีบจัดแจงเซ่นไหว้ดวงวิญญาณของผีชราด้วยหมั่นโถสองลูก ส่วนอีกสองลูกนางแบ่งกันกินกับพี่อี้ปินบุรุษใจดีที่ช่วยเหลือนาง ไม่เหมือนกับท่านเทพอัคคีที่เคยสนิทสนมกันมาหลายร้อยปีบนสวรรค์แต่กลับมาทิ้งกันเสียได้มันน่าเจ็บใจนัก
อี้ปินพาเด็กน้อยผ่ายผอมมายังเรือนพักด้านหลังซึ่งอยู่ติดกับลำธาร รอบ ๆ ด้านเป็นป่าไผ่น้ำถัดไปบนเขาอีกไม่ไกลจะเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ เรือนพักด้านหลังจะมีอยู่ประมาณสิบหลังเล็ก ๆ เอาไว้ให้คนที่ไม่มีที่ไปได้อาศัยหลับนอน ส่วนมากคนที่มาอาศัยอยู่กันไม่นานก็จากไปเมื่อพวกเขาสามารถหาเลี้ยงตนเองได้ แต่มีอยู่คนหนึ่งที่ยังไม่ยอมจากไปนั่นก็คืออี้ปินนั่นเอง
“เจ้าอยู่เรือนหลังนี้ก็แล้วกันส่วนข้าอยู่ทางด้านนั้น” อี้ปินเอ่ยบอกพลางชี้มือไปยังเรือนหลังเล็กด้านข้างที่อยู่ไม่ห่างมากนัก
“ขอบคุณเจ้าค่ะพี่อี้ปิน” เหวินซีเอ่ยพลางส่งยิ้ม
“ส่วนอาภรณ์เจ้าก็ลองค้น ๆ ดูว่ามีตัวไหนใส่ได้บ้างก็ใส่ไปก่อนแต่ส่วนมากจะเป็นของบุรุษเสียส่วนใหญ่”
“เจ้าค่ะ ข้าใส่แบบใดก็ได้ขอให้ดีกว่าที่ใส่อยู่เป็นพอ” เหวินซีเอ่ย
“เจ้ารีบไปจัดการเถิดเสร็จแล้วก็ออกไปเจอข้าที่ศาลาหลังเดิมประเดี๋ยวข้าจะพาไปที่หอฝึกสมาธิ”
“เจ้าค่ะ” เหวินซีเอ่ย จากนั้นก็รีบเข้าไปจัดการหาอาภรณ์ชุดใหม่ แล้วหยิบถังน้ำออกไปตักน้ำที่ลำธารด้านหลังมาอาบ น้ำในลำธารช่างเย็นยะเยือกเหวินซีไม่รู้แม้กระทั่งวิธีก่อไฟเสียด้วยซ้ำจะต้มน้ำอาบได้อย่างไร แค่หิ้วน้ำมาได้ไม่ถึงครึ่งถังก็เหน็ดเหนื่อยเจียนขาดใจ
เกิดมาเป็นมนุษย์นั้นมันไม่ง่ายเลยจริง ๆ...
หลังอาบเสร็จเหวินซีในชุดของบุรุษก็เดินออกมาจากเรือนพักหลังเล็ก ยามนี้เนื้อตัวไม่มอมแมมเหมือนแต่ก่อนแล้วจึงเผยให้เห็นใบหน้าที่ชัดเจนยิ่งขึ้น เหวินซีไม่รู้ว่าหน้าตาของตัวเองยามนี้เป็นเช่นไรเพราะในเรือนพักนอกจากเครื่องนอนก็ไม่มีสิ่งอื่นใดคันฉ่องสักอันก็ยังไม่มีจึงยังไม่ได้ส่องดูใบหน้าของตนเอง
เหวินซีเดินมายังศาลาหลังเดิม อี้ปินเห็นเด็กน้อยเดินเข้ามาก็ยิ้มกว้างทันที เด็กน้อยของตนอาบน้ำอาบท่าแล้วก็ดูดีขึ้นมาไม่น้อย แม้จะอยู่ในชุดของบุรุษตัวหลวมโคร่งผมเผ้าก็ยังไม่ได้หวีจัดทรง แต่ใบหน้าของนางก็ยังจิ้มลิ้มน่าเอ็นดูแม้จะผ่ายผอมไปสักนิด แต่เรื่องนั้นคงไม่เกินมือของเขาไปได้เขาจะขุนนางให้อ้วนถ้วนเลยคอยดูเถิด อี้ปินมองเด็กน้อยด้วยแววตาคาดหวังเต็มเปี่ยม
“เจ้าแน่ใจนะว่าอาบน้ำแล้วใยจึงเกลี้ยงเกลาแต่ใบหน้า ตามแขนใยยังดูมอมแมมอยู่” ปี้ปินเอ่ยถามเมื่อสังเกตเห็นแขนที่โผล่ออกมาจากชายเสื้อ
“ข้าตักน้ำมาได้น้อยนิดก็เหนื่อยแทบขาดใจ แถมน้ำก็ยังเย็นยะเยือกข้าไม่ยอมเสี่ยงชีวิตเพราะต้องอาบน้ำเย็น ๆ นั่นหรอก” เหวินซีเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงฉะฉาน
“ข้าก็ยังแปลกใจใยเจ้าจึงอาบน้ำเร็วเช่นนี้ ที่แท้เจ้าก็แค่ลูบหน้าเท่านั้นเอง แล้วที่ผมเปียกไม่ใช่ว่าเอาผมจุ่มลงในถังหรอกนะ เฮ้อ...ครั้งต่อไปเจ้าต้องอาบน้ำนะไม่เช่นนั้นเนื้อตัวเจ้าต้องเหม็นเน่าเป็นแน่”
“เจ้าค่ะ ข้าไม่ยอมให้ตัวเหม็นเป็นแน่” เหวินซีเอ่ยบอก นางเป็นเทพธิดาแม้ไม่อาบน้ำตัวก็ยังหอมกรุ่น นางชมชอบความสวยงามจะไม่ยอมให้ตัวเองต้องเหม็นเน่าโดยเด็ดขาด คิดแล้วก็ยกแขนขึ้นมาดม แล้วก็ต้องย่นจมูก นางเพิ่งรู้ว่าตอนนี้กลิ่นก็ไม่พึงประสงค์แล้วเช่นกัน
อี้ปินส่ายหน้าพร้อมยกยิ้มด้วยความเอ็นดูในท่าทางของเด็กตัวน้อยที่ตนเก็บมาจากข้างถนน
“เสี่ยวซีเข้ามาใกล้ ๆ ข้าจะทำผมให้เจ้าใหม่” อี้ปินเอ่ยพลางกวักมือเรียกให้เด็กน้อยเข้ามาใกล้ เหวินซีไม่ขัดศรัทธาเร่งเดินเข้ามาใกล้
นางยอมรับว่าแม้กระทั่งผมของตัวเองก็ไม่อาจจัดทรงให้ดูดีได้ เพราะนางไม่เคยทำมันมาก่อนตอนอยู่บนสรวงสวรรค์เพียงดีดนิ้วครั้งเดียวก็ได้ทรงตามที่ใจต้องการแล้ว ไม่ต้องมัวมานั่งหวีนั่งสางให้เมื่อยมือ แต่นี่กระไรแม้กระทั่งสระผมให้สะอาดยังยากเต็มทน ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าจะทำให้มันแห้ง ตอนนี้ยังเปียกชื้นอยู่เลยนางจึงปล่อยผมพะรุงพะรังอย่างเช่นเคย เพราะรู้สึกว่าทุกอย่างในการดำรงชีวิตมันช่างยากเกินกำลังไปเสียหมด
เป็นมนุษย์ใยต้องลำบากถึงเพียงนี้!
“เจ้าลืมแม้กระทั่งวิธีสางผมของตนเองเช่นนั้นหรือ?” อี้ปินเอ่ยถามเด็กน้อยด้วยน้ำเสียงเอ็นดู นางลืมสิ้นทุกอย่างจริง ๆ อย่างนั้นหรือ? แต่เอาเถิดเขาจะสอนทุก ๆ อย่างให้กับนางเองรับรองว่านางจะต้องเก่งกาจอย่างแน่นอน
“ก็ข้าเมื่อยมือไปหมด” เหวินซีเอ่ยบ่นพลางยืนหันหลังให้กับพี่อี้ปินได้จัดการกับผมของนาง ผมที่ยาวกว่าครึ่งหลังนางเพียงแค่ก้มหัวแล้วจุ่มลงในถัง ขยี้ ๆ กำ ๆ บิด ๆ แค่นั้นก็เมื่อยมือยิ่งนัก นี่ขนาดส่วนหัวของนางยังไม่ได้เปียกน้ำเลยนะ ที่เปียกก็เพียงแค่ส่วนปลายเท่านั้น
“ข้าต้องสอนเจ้าสระผมด้วยหรือไม่เนี่ยเด็กน้อย”