ชีวิตเลือกอะไรได้
เจิ้งเหมยเดินเข้าไปยืนก้มหน้า ประสานมือคารวะโยวเสวี่ยนอย่างนอบน้อม ยิ้มพิมพ์ใจ
"ห้องทำงานของท่านอ๋อง เป็นที่ที่ท่านอ๋องใช้เวลาส่วนมากที่นั่น ฉะนั้นเจ้าต้องตั้งใจที่จะดูแลมันให้ดี"
เจิ้งเหมยย่อตัวลงช้าๆ
"เจ้าค่ะเจิ้งเหมยน้อมรับคำสั่ง ต่อไปจะดูแลที่นั่นให้ดีไม่ให้บกพร่อง"
โบกมือให้เจิ้งเหมยถอยออกไป ส่งเสียงไอสองสามที
เจิ้งเหมย เดินลัดเลาะจนถึงห้องทำงาน ดีแล้วแบบนี้ดีแล้วอย่างน้อยก็หลุดออกมาจากฮูหยินใหญ่ ของท่านพ่อที่คอยกดขี่ไหนจะพี่ใหญ่ที่คอยจ้องจับผิด อยู่ตรงนี้ทุกอย่างคงจะไม่เลวร้ายกว่าที่ผ่านมา
ห้องใหญ่ ที่เหมือนถูกปิดทึบไปเสียทุกด้าน เจิ้งเหมยเดินเปิดช่องหน้าต่างและปัดกวาดจนไม่มีฝุ่นเหลือตกค้าง ดอกไม้สีสดใสถูกนำมาเสียบใสในแจกันใบใหญ่
ปิดห้องไว้เหมือนเดิมกว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้นก็เกือบหมดวัน
ย่าหนานยก อาหารใส่จานมาสองจานพร้อมถ้วยข้าว เจิ้งเหมยคิดถึงบ้านที่มักจะได้กินที่หลังคนอื่นเสมอ
อาหารที่นี่รสชาติไม่เลวนักหรือเพราะความหิว
...บ้านตระกูลเจิ้ง...
"สุดท้ายแล้วนางก็ ไม่ได้ช่วยอะไรตระกูลเจิ้ง นางไม่ได้ต้องตาต้องใจฝ่าบาท ถึงกับต้องยกให้อ๋องห้าเพื่อเก็บไว้เป็นสาวใช้ในจวน"
ฮูหยินของตระกูลเจิิ้งพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
"ฮูหยิน ก็ข้าบอกเจ้าแล้วว่าให้ส่งเจิ้งหมิงเข้าวังแต่เจ้าหายอมไม่ นางไม่แอบหนีออกมาผ่านการฝึดฝนคัดตัวนางในไปได้ก็นับว่าดีแค่ไหนแล้ว"
ใต้เท้าเจิ้งออกรับแทนด้วยเอ็นดูเจิ้งเหมยไม่น้อย
"กลับยิ่งทำให้ขายหน้า อ๋องห้านับว่ามีบารมีไม่น่อยแต่กลับปฏิเสธไม่ยอมรับนางเป็นชายารอง ท่านยังคิดว่าไม่ขายหน้าอีกหรือ"
เจิ้งเหวยถอนหายใจ ฝ่าบาทคิดอะไรอยู่ คิดจะทดสอบความภักดีของเขาหรือว่าจงใจให้เขากับอ๋องห้าผู้หยิ่งทะนงเกี่ยวดองกันจริงจัง เพียงเพื่ออยากเห็นว่าเขาจะภักดีกับใคร หรือว่าอ๋องห้าจงใจจะรับไมตรีดึงเขาเข้าพวกด้วย ในเมื่อตอนนี้สี่ตระกูลใหญ่ถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่ายเรียบร้อยแล้ว
จินเฉิงอู่ กลับจากราชสำนักเข้าสู่จวนอ๋องก้าวขาลงจากเกี้ยว เจิ้งเหมยกวาดลานบ้านอยู่ด้านนอกในเวลาค่ำใบหน้าสดใสแรกแย้ม เขาแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นเสีย คนรับใช้รับเสื้อคลุมไปแขวนไว้ เดินเข้าห้องทำงานวันนี้มีฎีกาหลายเล่มที่ฝ่าบาทจงใจให้เขาตัดสินใจแทน
ห้องทำงานสะอาดตา กลิ่นดอกไม้ลอยเข้าปะทะจมูก ช่อดอกไม้ถูกเสียบไว้ในแจกันแทนช่อเดิมที่เหี่ยวแห้ง ความสดใสนั้นทำเอาเขาเผลอยิ้ม นั่งลงบนโต๊ะหนังสือ แท่นฝนหมึกสะอาดสะอ้านฎีกาหลายม้วนถูกเรียงไว้อย่างมีระเบียบ
"ใครกัน หรือว่าโยวเสวียนจะแวะเข้ามาดูแลให้"
"เสี่ยวป๋อ"เสี่ยวป๋อวิ่งเข้ามาทันที
"ใครทำห้องข้าแบบนี้"
เสี่ยวป๋อคุกเข่าลงกับพื้น
"ท่านอ๋อง ไว้ชีวิตด้วย"
จินเฉิงอู่ส่ายหน้าไปมา
"สาวใช้คนใหม่ขอรับท่านอ๋อง นางยังไม่รู้ธรรมเนียม ข้าน้อยจะตักเตือนนางให้เอง"
ด้วยจิตใจที่มีคุณธรรมถึงกับยอมออกรับแทนเจิ้งเหมย
"ท่านอ๋อง นางทำสิ่งใดให้ขุ่นเคืองใจ"
โยวเสวียนมาพร้อมกับสาวใช้และอาหารเย็น จินเฉิงอู่รีบเข้าไปพยุงโยวเสวียนให้นั่งลง โยวเสวียนผายมือให้เสี่ยวป๋อลุกขึ้น
"นาง... ใครกัน"
"สาวใช้ที่ฝ่าบาทพระราชทานมาใหม่ ที่ท่านพานางกลับมาด้วยเมื่อวาน"
จินเฉิงอู่เพียงแต่พยักหน้า
"ไม่มีสิ่งใด เพียงแต่ข้ารู้สึกว่าห้องทำงานเปลี่ยนไป"
"แล้วดีไหม"
เพียงยิ้มไม่ตอบว่ากระไรโยวเสวียนหลุบตามองพื้น
"โยวเสวียนสั่งให้ครัวทำชุปกระดูกหมูแก้หนาว"
ยกชุปจากมือสาวใช้วางตรงหน้าจินเฉิงอู่
"ท่านพี่ นางก็แค่สาวใช้จะใสใจทำไม หากไม่พอใจนางโยวเสวียนสั่งให้โบยนาง จะดีไหม"
จินเฉิงอู่นิ่งงัน
"เสี่ยวป๋อ สั่งโบยนางสิบไม้ต่อไปห้ามนางเปลี่ยนแปลงอะไรในห้องทำงานท่านอ๋อง"
น้ำเสียงเย็นเฉียบเหมือนความเหน็บหนาวข้างนอก
ย่าหนานทายาสมานแผลให้เจิ้งเหมยที่นอนคว่ำหน้า กัดฟันแน่นด้วยความเจ็บปวด
"เปลี่ยนให้ข้าดูแลแทน ต่อไปให้เจ้าอยู่ที่นี่ช่วยข้าดูแลสวน"
เจิ้งเหมยรู้สึกซาบซึ้งน้ำใจของย่าหนานเหลือเกิน