คั่งซื่อฮั่น
“คังซื่อฮั่น คาระวะท่านอ๋อง”
ร่างสูงชลูดใบหน้าคมคาย นับว่าหล่อเหลาไม่ใช่เล่น สายตาอ่อนโยนขัดกับกระบี่ที่อยู่ข้างกายที่ดื่มเลือดคนมาไม่น้อย รอยยิ้มบางๆดังอากาศธาตุสลายไปราวกับสายหมอกยามต้องแสงสุรีย์
“ลุกขึ้น ข้าแทบจะทนคิดถึงเจ้าไม่ไหว หลายวันมานี่เรื่องราวมากมายให้ขบคิด"
คังซื่อฮั่นยิ้ม เช่นนั้นข่าวลือคงจะจริงเสียแล้ว
“ข้าน้อยได้ข่าวฝ่าบาทประทานชายารองให้กับท่านอ๋อง”ทำสีหน้าแสดงความสงสัยเสียเต็มที่ เพราะเป้นเรื่องสำคัญสำหรับจินเฉิงอู่
“ตอนนี้นางเป็นเพียงสาวใช้”
“ฝ่าบาทต้องการ ที่จะทดสอบความภักดีของใต้เท้าเจิ้งทรงไม่ไว้ใจผู้ใด หากคิดในอีกมุมหนึ่งคิดว่าหากใต้เท้าเจิ้ง ยังภักดีต้องจงใจชี้แนะบางอย่างกับบุตรสาว”
“จะป้องกันอย่างไรสิ่งที่ฝ่าบาทประทานให้ไม่รับไม่ได้ อีกทั้งใต้เท้าเจิ้งเป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ หากหักหาญน้ำใจเกินไปก็เท่ากับไม่ให้เกียรติ”
“ท่านอ๋องก็ให้นางเป็นเพียงสาวใช้ นับว่าสร้างความไม่พอใจกับใต้เท้าเจิ้งอย่างมากใต้เท้าเจิ้งดูแลคลังหลวง เป็นตำแหน่งที่ใครก็ต้องการหากจะมีใครที่จงใจให้ฝ่าบาท ไม่ไว้ใจใต้เท้าเจิ้งก็มิใช่เรื่องยาก”
“ในตอนนั้น สถานการณ์บีบบังคับข้าไม่อาจคิดอะไรได้มากกว่านั้น"
“ท่านอ๋องไม่จำเป็นต้องแยแส นางเพียงแค่สาวใช้หากวันไหนที่นางตกเป็นของท่านอ๋อง ข้าเชื่อว่านางจะไม่เอนเอียงหรือสอดแนมสิ่งใดภายในจวนแน่”สีหน้ามั่นใจ
“ข้ายังรักโยวเสวียน หญิงอื่น... เพียงแค่สายลมพัดผ่านหาใช่สิ่งที่ต้องคำนึง"
คังซื่่อฮั่นยิ้ม จินเฉิงอู่เองก็ยิ้ม
"นางเป็นลูกอนุของใต้เท้าเจิ้ง ใบหน้าคงอัปลักษณ์ฝ่าบาทจึงไม่สนใจนาง ข้าชักอยากจะเห็นหน้านางเสียแล้ว”
เจิ้งเหมยยืนอยู่หน้าห้องพัก ตากอาหารแห้งซึ่งเป็นงานที่ย่าหนาน ให้ทำเพราะแผลถูกโบยยังไม่หายดี แผ่นหลังบอบบางยังมีเลือดซึมออกมาแม้จะเจ็บปวดเพียงไหนก็รู้ดีว่าไม่ควรปริปาก มันคือสิ่งที่เรียนรู้มาตั้งแต่ยังเล็กๆ
คังซื่อฮั่นเดินเลาะตามทางเท้าจนถึงที่พักของเจิ้งเหมย มือใหญ่ไพล่หลังเมื่อมองเห็นเจิ้งเหมยที่แผ่นหลังมีเลือดซึมออกมาเป็นรอยถูกโบย คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน เดินเข้าไปหมายสนทนา แต่เจิ้งเหมยรีบเก็บของและเดินเข้าไปในห้องพัก เพราะมองจากอาภรณ์ของคังซื่อฮั่นแล้ว ย่อมรู้ว่าคนผู้นี้ฐานะไม่ธรรมดา
“แม่นางเจิ้ง”
เพียงแค่เหลือบตามอง คังซื่อฮั่นตกตะลึงในใบหน้าที่งดงามผุดผาดเกินสาวใช้ หากนางจะเป็นนางกำนัลหรือสนมของฝ่าบาทย่อมเป็นที่โปรดปรานแน่แท้ แปลกใจว่าเหตุใดฝ่าบาทถึงไม่ต้องตานางแล้วยังมอบนางให้กับท่านอ๋องแม้ตอนนี้หญิงงามทั่วหล้าสามคน นางคงเป็นหนึ่งในสามเป็นแน่ เจิ้งเหมยยังคงยืนนิ่งและรอให้อีกฝ่ายเป็นคนเริ่มบทสนทนา
“ข้าคังซื่อฮั่น องครักษ์และคนสนิทของท่านอ๋องห้า”
ย่อตัวทำความเคารพแต่ไม่พูดสิ่งใดต่อ รเหมือนกับรอให้อีกฝ่ายเป็นคนเริ่มก่อน
“แม่นางเจิ้ง แผ่นหลังของเจ้า”
กลืนน้ำลายลงคอยากเย็นความสงสารจับใจแม้คนตาบอดยังรู้ว่าแผลเกิดจากการโบย ท่านอ๋องถึงกับปล่อยให้ บุตรสาวของใต้เท้าเจิ้งถูกโบยตั้งแต่วันแรกๆ ที่เข้ามาในจวนเลยหรืออย่างไร
“ใต้เท้าอย่าได้ใส่ใจ เจิ้งเหมยขอบคุณในน้ำใจ งานในจวนมากมายรอให้ทำ เจิ้งเหมยขอตัว”
เข้าห้องปิดประตูอย่างรวดเร็ว คังซื่อฮั่นได้แต่มองตามจนลับสายตา
สาวเท้าเดินกลับไปยังห้องทำงานท่านอ๋อง
“ท่านอ๋อง ข้า ..พบแม่นางเจิ้งเมื่อครู่ นางถูกโบยด้วยความผิดใดกัน”
“เสี่ยวป๋อ เหลียงซานป๋อ”
ไม่ตอบคำถามแต่ตะโกนเรียก เสี่ยวป๋อเข้ามา
“ท่านอ๋อง”
เสี่ยวป๋อรีบเข้ามาข้างใน
“นางบาดเจ็บใครให้นางออกมาเดินเพ่นพ่านเพื่อประจานข้ากัน ไปบอกนางให้พักอยู่แต่ในห้องจนกว่าจะหายดีค่อยออกมาเดินนวยนาดให้ผู้คนเห็น”
คังซื่อฮั่นถอนหายใจในคำพูดของท่านอ๋องหนุ่ม