บทที่ 9 เขาชอบอะไร
หยางจื่อเหยียนรู้สึกเหมือนหน้าตัวเองแตกเป็นเสี่ยง ๆ เมื่อคิดว่าเขาจะชวนกินข้าวแต่เขากลับไล่นางกลับ
นี่คุณไม่เห็นเหรอว่าฉันทำอาหารมามากขนาดนี้กินกันสี่ห้าคนยังไม่หมด คุณน้ำแข็งจะสิ้นเปลืองเกินไปแล้ว
และอาการที่แข็งชะงักกะทันหันครานี้เหมือนว่าเอวจะเคล็ดเสียแล้ว
ไม่ได้ฉันต้องแก้สถานการณ์ ปากจึงแสร้งโอดครวญ
"แย่แล้วท่านอ๋อง ข้าเจ็บสะโพกเพราะคำของท่านเชียว ให้ข้านั่งสักครู่เถิดนะเพคะ"
เขาเหล่ตามองนาง แล้วเอ่ยเสียงเย็น
"องครักษ์ลู่ยังไม่รีบให้คนลากพระชายาออกไปอีก"
หืม ฉันหูฝาดไปหรือเปล่า เขาใช้คำว่าลากฉันออกไปใช่หรือไม่
หยางจื่อเหยียนยังไม่ทันคิดอะไรต่อ นางก็ถูกบ่าวสองคนลากออกไปจริง ๆ
"ท่านอ๋อง ท่านอ๋องเพคะ"
เขาหยิบตะเกียบขึ้นมา เหมือนจะทดสอบพิษอย่างระมัดระวังก่อนจะลองชิมดู หยางจื่อเหยียนไม่เห็นสีหน้าของเขาด้วยซ้ำว่าพอใจหรือไม่ กระทั่งทหารตัวโตสองคนลากหยางจื่อเหยียนเทนางทิ้งเหมือนขยะเปียกที่หน้าประตูเรือน นางนั่งอยู่ตรงนั้นทั้งด่าเขาในใจกระทั่งอาหลัวประคองนางให้ลุกขึ้น
หยางจื่อเหยียนบ่นแล้วบ่นอีก
"เห๊อะ คนเลวเก่งนักกับผู้หญิงฉันเป็นเมียคุณนะให้เกียรติกันบ้าง เป็นอ๋องแล้วยังไงฉันไม่ยอมแพ้คุณหรอก"
"คุณหนูกลับเรือนเถิดเจ้าค่ะ"
และเรื่องที่หยางจื่อเหยียนถูกลากมาทิ้งที่หน้าประตูเรือนก็แพร่กระจายกันไปทั่วจวน กระทั่งออกนอกวังสร้างความอับอายให้นางเป็นอย่างมาก แต่คนอย่างหยางจื่อเหยียนไม่เคยยอมรับความพ่ายแพ้ของโชคชะตา
ในแต่ละวันนางยังคิดหาเมนูไปเอาใจเขาสารพัด กระทั่งในฝันยังคิดเป็นเมนูอาหาร ด้านไทเฮาก็เร่งเร้านางมาทุกวันให้สืบข่าว แม้แต่หน้าเขานางยังไม่ได้เห็นจะหมายให้สืบข่าวอะไรกัน
คุณยายนั่นก็ใจดำกับนางเกินไปแล้ว
เพราะพยายามหาสิ่งที่เขาชอบกิน พฤติกรรมของเขา หยางจื่อเหยียนจึงแอบสอบถามคนใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นพ่อบ้าน องครักษ์ บ่าวรับใช้ และทุกคนในจวนว่าท่านอ๋องชอบกินอะไร ชอบสีอะไร ชอบดนตรีหรือไม่ อาหารต้องรสชาติใด ทุกสิ่งที่เกี่ยวกับเขานางล้วนสืบมาให้หมด
ต้องไม่พลาด เราต้องใส่ใจให้มาก