บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 ท่าน

"พวกเจ้ามาช่วยข้าเคาะประตู ดูสิว่าเขาจะเปิดหรือไม่ หากไม่ช่วยถือว่าขัดพระประสงค์มีโทษสมควรตาย"

อันที่จริงคนหามเกี้ยวล้วนเป็นชาวบ้านที่แม่สื่อเตรียมมา พวกเขาย่อมไม่รู้ว่าความจริงตนมีโทษจริงหรือไม่ แต่คำขู่ของหยางจื่อเหยียนกลับได้ผล พวกเขาหวาดกลัวว่าจะขัดราชโองการจริงจึงรีบเข้ามาช่วยนางเคาะประตู ทั้งใช้ไม้กลองทั้งใช้อาวุธที่หยิบจับได้เข้ามาช่วยกันเคาะ

ทหารที่เฝ้าด้านหน้าประตูมีเพียงสองคน มีหรือจะสู้แรงคนจำนวนมากได้ ในที่สุดคนด้านในคงทนไม่ไหว ประตูจึงถูกเปิดออกโดยพลัน

หยางจื่อเหยียนแม้จะมีผ้าคลุมหน้าปิดไว้แต่ท่าทางของนางกราดเกรี้ยวมิใช่น้อย ในขณะที่คนพวกนั้นว่องไวยิ่งนัก พวกเขาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ รีบวิ่งเข้าไปประจำตำแหน่งตนเอง ผู้คนที่เคยหามเกี้ยวก็หามเกี้ยว ผู้คนที่เคยตีกลองก็จับกลอง ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยทว่าไม่มีผู้ใดปริปาก

หยางจื่อเหยียนยิ้มอย่างสมใจ ในขณะที่ชาวบ้านพวกนั้นต่างอ้าปากค้างไม่คิดว่านางจะดุดันถึงขนาดกล้าด่าอ๋องแปดเพียงนี้ เกิดมาไม่เคยพบผู้ใดใจกล้าหน้าด้านเช่นนาง ไม่รู้ว่านางไปกินดีหมีหัวใจเสือมาจากที่ใดกัน กระทั่งท่านอ๋องแปดยังกล้าด่า

แต่ทว่าแม้ประตูจะเปิดออกก็ไร้เงาเจ้าบ่าวเช่นเคย มีเพียงบุรุษสูงวัยคนหนึ่งท่าทางจะเป็นพ่อบ้านประจำนวนเดินมาอย่างนอบน้อมพร้อมกับเอ่ยว่า

"เชิญพระชายาขอรับ"

"เปิดออกกว้าง ๆ สิ สินเดิมของข้ามีมากหีบใหญ่ ๆ ทั้งนั้นไม่มีตาหรือ"

นางตำหนิเสียงดัง วางท่าโอหังใหญ่โต ใช่ต้องรู้จักข่มให้กลัว อย่างน้อยนางจะได้ไม่ต้องโดนคนรังแกในจวนนี้ ถึงนางจะเป็นลูกอนุ แต่คำสั่งของคุณยายไทเฮาก็ทำให้จวนกั๋วกงจัดสินเดิมให้หยางจื่อเหยียนมาโดยไม่น้อยหน้า

"ขอรับ"

พ่อบ้านเอ่ยเสียงดัง

"เด็ก ๆ เปิดประตูต้อนรับพระชายา"

หยางจื่อเหยียนยกมุมปาก ร้องเย่ อยู่ในใจ เอาล่ะด่านแรกสำเร็จแล้ว ความจริงด่านนี้ฉันเลียนแบบในละครโทรทัศน์มาไม่คิดว่าจะได้ผลแฮะ องค์หญิงแสนซนกับคนของใจ ฮ่า ฮ่า ฮ่า แต่เอ๊ะ ตาอ๋องแปดนี่ต้องไม่ใช่คนของใจแล้วสมควรเป็นศัตรูคู่แค้นกันมากกว่า

แม่สื่อได้ยินดังนั้นรีบเข้ามาประคองหยางจื่อเหยียน และพานางเข้าไปในจวนพร้อมบ่าวรับใช้และคนแบกหามหีบสินเดิมของนางเข้ามาภายใน แต่ถึงจะเข้ามาแล้วก็ยังไร้เงาของเจ้าบ่าว

นอกจากพ่อบ้านผู้นี้กับคนรับใช้สองสามคนก็ไม่มีใครอีก เห็นได้ชัดแล้วว่าเขาไม่มีใจจะจัดงานแต่งกับงานกับนาง หยางจื่อเหยียนเองกลับคล้ายหัวเราะเสียงดังพร้อมกับเอ่ยขึ้น

เอาเถอะใครจะสนกันว่าจะต้องไหว้ฟ้าดินเป็นผัวเมียกัน แค่มีสิ่งนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้หัวของฉันไม่หลุดจากบ่าแล้ว

"ท่านผู้ว่าการ เตรียมเอกสารเอ๊ย เตรียมทะเบียนสมรส เอ๊ย เตรียมหนังสือสมรส"

วุ่นวายจริงจะเรียกแต่ละที กว่าคนคนนั้นจะเข้าใจ ไม่มีพิธีแล้วอย่างไร ขอเพียงมีสิ่งนี้ฉันก็รอดแล้ว

"ท่านเป็นใคร พ่อบ้านใช่หรือไม่"

ครานี้นางหันไปถามบุรุษชราผู้นั้น

"ทูลพระชายาข้าเป็นพ่อบ้าน นามพ่อบ้านหาวขอรับ"

"ดูแลจวนนี้ทั้งหมดหรือ"

"ขอรับ"

หยางจื่อเหยียนยิ้มแล้วพูดว่า

"ดี เช่นนั้นไปเตรียมพู่กันกับหมึกมาให้พร้อม ข้าต้องลงนามในหนังสือสมรส แล้วท่านอ๋องเล่ารีบไปทูลเชิญท่านอ๋องมานี่เร็ว ทำให้จบเรื่องแล้วแยกย้ายก่อนจะซวยกันหมดเพราะขัดราชโองการ"

พ่อบ้านทำท่าทางอึกอัก อย่างไรก็ไม่ยอมขยับเท้า หยางจื่อเหยียนจึงข่มขู่อีกครั้ง

"เจ้าอยากหัวขาดหรือไร ข้าคนหนึ่งล่ะไม่ บอกเขาว่ารีบลงนามแล้วจะไปที่ใดก็ไปข้าไม่สนใจแล้ว ในจวนนี้ก็ล้วนเป็นคนของเขามิใช่หรือ"

เมื่อเอ่ยถึงฝ่าบาทครานี้พ่อบ้านหาวลนลานแล้ว เขาปาดเหงื่อแล้วค้อมตัวลง

"ขอรับ"

หยางจื่อเหยียนฉีกยิ้มในผ้าคลุมสีแดง การที่ไม่มีคนเห็นหน้าดียิ่งจะแสดงสีหน้ายังไงก็ได้ เมื่อพ่อบ้านรับคำนางร้องอย่างยินดีอยู่ในใจ

ใช่ค่ะคุณพ่อบ้านสิ่งนี้แหละที่ฉันต้องการ

กระดาษหนังสือสมรสเตรียมพร้อม เป็นกระดาษหนาอย่างดีลงนามโดยผู้ว่าการแคว้นเป็นสักขีพยานและคนของทางการที่ฝ่าบาทเตรียมเอาไว้ให้นางอีกหลายคน

ที่แท้ฝ่าบาทก็คิดล่วงหน้าว่าท่านอ๋องแปดอาจบิดพลิ้ว จึงได้บอกนางว่าอย่างไรก็ให้เข้าจวนให้ได้อย่างอื่นไม่ต้องห่วงพระองค์จัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว

หยางจื่อเหยียนเขียนชื่อตัวเองลงไป ลายมือของนางไม่ได้สวยมากเพราะขี้เกียจคัดลายมือมาตั้งแต่เด็กพ่อบ้านมองนางแล้วหลบตาคงคิดว่าเพิ่งเห็นว่าลายมือของคุณหนูในห้องหอที่แท้ก็ย่ำแย่เพียงนี้

หยางจื่อเหยียนแม้จะรู้สึกอับอาย แต่คิดว่า

แต่เอาเถอะใครจะสนว่าลายมือจะสวยไม่สวยกัน ยังไงงานฉันก็ลุล่วงแล้ว

นางหันไปมองรอบ ๆ ถามย้ำพ่อบ้านอีกครั้ง

"ท่านอ๋องล่ะ มาหรือยัง ให้คนไปตามเร็วท่านผู้ว่าการยังมีงานต้องกลับไปทำให้คนอื่นรอนานได้อย่างไร"

พ่อบ้านอึกอัก ยกมือขึ้นประสาน กำลังจะอ้าปากพูดเสียงทุ้มของคนผู้หนึ่งพลันเอ่ยว่า

"เป็นผู้ใดกันกล้าเอะอะโวยวายที่จวนข้า คิดว่าตนเองมีกี่หัวกันแน่"

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel