บทที่ 2 เข้าจวน
ประตูจวนถูกปิดลงอีกครั้ง คราวนี้ไม่มีวี่แววว่าใครจะโผล่หัวออกมาอีกแล้ว หยางจื่อเหยียนได้แต่คิดในใจทั้งโกรธจนหัวแทบระเบิด
"นี่พิธีแต่งงานของฉันจบแล้วเหรอ ถึงฉันจะไม่อยากแต่งพวกคุณก็ไม่มีสิทธิ์มาทำให้ฉันอับอายแบบนี้"
เอาล่ะ ได้เวลาที่สาวออฟฟิศเดนตายแบบเธอต้องลงมือเองแล้ว
เดิมทีหยางจื่อเหยียนเป็นเด็กที่เรียนดีเพราะเรื่องเงินทอง เธอจึงเข้าเรียนมหาวิทยาลัยชั้นรองที่ค่าเทอมถูกหน่อยและทำงานพิเศษส่งเสียตัวเองเรียน
ใช่เธอคือสาวน้อยจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ที่ไร้พ่อแม่คอยส่งเสีย
เพราะอยากหลุดออกมาจากความทุกข์ยากที่ได้รับ หลังเข้าทำงานเธอทุ่มเทเต็มที่จากตำแหน่งเล็ก ๆ ทำทุกวิถีทางทั้งเลียหัวหน้า ตั้งใจทำงาน กระทั่งจัดการคนต่อหน้า หยางจื่อสาวออฟฟิศในตอนนั้นได้ทำมาหมดแล้ว
สุดท้ายเธอก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้จัดการแผนกบัญชีที่มีเงินเดือนสูงและยังมีลูกน้องหลายคนอยู่ใต้บังคับบัญชาได้ในที่สุด แต่ใครจะรู้ชีวิตการงานกำลังรุ่งโรจน์กลับเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ และเธอถูกตึกทับจนตายและยังไม่ตายเปล่าเกิดใหม่ทั้งทีดันย้อนเวลามาอยู่ในยุคที่ไร้ความสะดวกสบายอย่างสิ้นเชิง
ชีวิตบัดซบนักที่ตายแล้วยังต้องมาติดอยู่ในร่างนี้อีก
ตอนนี้ไม่มีใครกล้าเป่าเพลงแต่งงานแล้ว บรรยากาศมืดคลึ้มเหมือนฝนจะตก คนที่มามุงดูนั้นแต่เดิมนินทา แต่เมื่อเสียงปิดประตูดังปัง พวกเขากลับเงียบสงบ
จะว่าไปแล้วมันก็หาใช่ความผิดของเธอ การจัดงานแต่งก็ล้วนเป็นบิดามารดาที่กำหนด และนี่เป็นสมรสพระราชทานจากฝ่าบาทเชียวนะ อ๋องแปดยังไม่รับได้หรือ
แต่ถ้าเกี่ยวกับเขาแล้วจะมีผู้ใดกล้านินทาอีกเล่า
จู่ ๆ ม่านของเกี้ยวเจ้าสาวก็เปิดออก สตรีนางหนึ่งในชุดสีแดงสวมมงกุฎหงส์เต็มยศ กระโดดลงมาจากรถม้าโดยมิสนใจบ่าวที่สาละวนหาบันไดเล็กมาให้นางเหยียบด้วยซ้ำ
"คุณหนูลงมาทำไมเจ้าคะ"
อาหลัวบ่าวคนสนิทของนางที่ติดตามมาจากจวนกั๋วกงเอ่ยด้วยความตกใจ เรื่องผิดประเพณีเกิดขึ้นแล้ว
แม่สื่อเองก็ตกใจยิ่งที่เห็นว่าสตรีนางนี้ห้าวหาญไม่สนใจว่าตนเองเป็นเจ้าสาวกลับกระโดดลงมาท้าทายสายตาชาวบ้านเช่นนี้ นางเอ่ยห้ามเสียงดัง
"ไอ้หยา คุณหนูเจ้าคะเจ้าบ่าวยังมิทันได้เตะประตูเกี้ยวท่านมิอาจลงจากเกี้ยวได้ กลับไปเจ้าค่ะกลับไป"
หยางจื่อเหยียนไม่ได้สนใจแล้ว นางหันไปพูดเสียงเย็นกับแม่สื่อ
"ประตูคนของจวนอ๋องยังไม่เปิดให้ หากข้าไม่เดินเข้าไปเกรงว่าชาตินี้เจ้าบ่าวจะขัดราชโองการไม่ยอมเตะประตูเกี้ยวแล้วโดนฝ่าบาทลงโทษกันหมด หรือจะให้ข้ารอจนแห้งตายเหมือนท่านกัน"
แม่สื่อหน้าเสียที่ได้ยินวาจาร้ายกาจนั้น คุณหนูผู้นี้มิได้มีกิริยามารยาทดั่งเช่นคุณหนูในห้องหอแม้แต่น้อย ทั้งยังปากร้ายจนนางตกใจ แต่สถานการณ์เป็นเช่นนี้อาจจะทำให้คุณหนูตำใจจนเสียสติไปแล้วก็เป็นได้
หยางจื่อเหยียนปัดมือของอาหลัวออกเมื่ออาหลัวเข้ามาดึงนางไว้ แต่หยางจื่อเหยียนคิดว่าไหน ๆ ก็เสียหน้าแล้วนางก็ต้องจัดการให้จบ นางตะโกนเสียงดัง
"ปล่อยข้าอาหลัว"
อาหลัวมือสั่น นางมองไปรอบ ๆ เห็นคุณหนูเอาจริงแน่จึงถอยออกมา หยางจื่อเหยียนกล่าวจบนางพลันถกกระโปรงเดินอย่างองอาจไปหยุดอยู่หน้าประตูใหญ่ ลงมือใช้ห่วงเหล็กนั่นเคาะประตูจนเกิดเสียงดังสนั่น
"อ๋องแปดท่านกล้าขัดราชโองการหรือ ทำเช่นนี้เหมาะสมแล้วหรือที่เป็นอ๋องผู้เกรียงไกรจนชาวบ้านเลื่อมใส ยังกล้าลงมือกับสตรีตัวเล็ก ๆ ผอมบาง และสุดสวยแบบข้า ที่แท้ข่าวที่ว่าท่านเป็นสุภาพบุรุษนี่เป็นข่าวเท็จใช่หรือไม่ เอาเถิดข้าหยางจื่อเหยียนบุตรของหยางกั๋วกงถึงจะเป็นเพียงลูกอนุแต่ศักดิ์และศรีมีค้ำคอ วันนี้หากท่านไม่เปิดประตูข้าจะไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท กล่าวโทษท่านและหลังจากนั้นเราสองคนมาคอยดูว่าฝ่าบาทจะลงโทษผู้ที่ขัดพระราชโองการเช่นไร ข้าเองประกาศไว้ตรงนี้เลยว่าไม่ได้อยากแต่งให้ท่านแม้แต่น้อย แต่ข้ามีความรับผิดชอบพอ พ่อแม่สั่งสิ่งใดฝ่าบาทตรัสสิ่งใดล้วนไม่เนรคุณน้อมรับด้วยความเต็มใจ แต่ท่านไม่ใช่เช่นนั้น ฝ่าบาทเองชื่นชมท่านเพียงใด หลายปีมานี้ให้ท่านอยู่อย่างสุขสบาย แต่ครานี้ดูท่านสิ อ๋องแปดข้าพึ่งรู้กระจ่างวันนี้นี่เอง ว่าท่าน คือ...คน...ท่าน.."
ในใจของหยางจื่อเหยียนถึงจะไม่ได้ด่าเขาว่าคนเนรคุณ แต่ว่าในความเข้าใจของชาวบ้านนั้นกลายเป็นว่านางด่าเขาเรียบร้อยแล้ว ว่าแล้วหยางจื่อเหยียนพลันชี้มือมาที่คนหามเกี้ยวตัวโตทั้งหมด