ตอนที่ 5 เงื่อนไขสามข้อ
“หม่อมฉันมีเงื่อนไขอยู่สามข้อเพคะ หากว่าพระองค์รับปาก”
“ข้ารับปาก”
“หม่อมฉันยังไม่ทันได้พูดเลย”
“ว่ามาสิ”
“หม่อมฉันต้องการห้องส่วนตัว พระชายากับท่านอ๋องคงไม่จำเป็นจะต้อง…พักห้องเดียวกันหรอกกระมังเพคะ”
“นั่น…ก็ใช่ ย่อมเป็นเช่นนั้นข้าไม่มีปัญหา จัดการให้เจ้าได้เลย”
"เรื่องที่สอง หม่อมฉันอยากมีอิสระ สามารถออกมาจากจวนท่านอ๋องบ้างเป็นบางเวลา ระหว่างที่อยู่ที่จวนอ๋อง"
“อะไรนะ…เรื่องนี้….”
“หม่อมฉันเคยชินกับการอยู่อย่างอิสระมานาน แต่เรื่องภายในจวนอ๋องจะไม่ให้ขาดตกบกพร่องหวังว่าท่านอ๋องคงมิขัดข้อง”
“ก็ได้ ข้ารับปาก แล้วเรื่องสุดท้าย…”
“เรื่องที่สาม ห้ามล่วงเกินหม่อมฉันหากหม่อมฉันมิได้ยินยอม”
“เช่นนี้ก็ได้หรือ แล้วหากว่าข้าทำไปโดยมิได้ตั้งใจเล่า แล้วถ้า….”
“แต่พระองค์รับปากแล้วนี่เพคะ”
“เช่นนั้นข้าจะขอตั้งเงื่อนไขกลับสักเล็กน้อยเพื่อป้องกันเอาไว้หน่อยได้หรือไม่”
“อย่างไรหรือเพคะ”
“ห้ามเจ้าขอยกเลิกสัญญาก่อนจะถึงเวลา”
“ได้เพคะ”
“เมื่อเข้าจวนอ๋องแล้วต้องทำตามคำขอร้องของข้าห้ามขัดด้วยเหตุผลนี้โดยเด็ดขาดแต่ข้าจะไม่เอาเปรียบเจ้า ข้าเขียนรายละเอียดทุกอย่างที่เจ้าต้องทำเอาไว้แล้ว”
ท่านอ๋องดึงซองสีน้ำตาลออกมาให้อันเฟยเปิดอ่านดู นางอ่านละเอียดคร่าว ๆ ถึงกับนึกแปลกใจ
“คอยกันพวกแมลงน่ารำคาญในจวนให้พระองค์ อะไรคือแมลงน่ารำคาญ”
“เมื่อไปที่จวนเจ้าก็จะรู้เอง”
“คอยแสดงละครตบตาผู้คนเช่นราชวงศ์ในวังหลวง ร่วมงานในวังหลวงตามเสด็จท่านอ๋องเข้าวังในฐานะพระชายาและห้ามหลุดพิรุธให้ผู้ใดจับได้”
“อันนี้ไม่มีปัญหา หม่อมฉันว่าเรื่องนี้ไม่มีใครเก่งเกินหม่อมฉันเป็นแน่”
“ห้ามหาเรื่องกับเชื้อพระวงศ์เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง เอ๊ะ เหตุใดจึงต้อง…”
“เจ้า…ทำได้หรือไม่”
“แล้วถ้าหากว่าหม่อมฉันถูกหาเรื่องก่อนเล่าเพคะ หม่อมฉัน…ไม่มีสิทธิ์สู้เลยหรือเพคะ”
“ข้า…มีหน้าที่ปกป้องเจ้าอย่างสุดความสามารถในฐานะสามี เจ้าจะไม่ได้รับอันตรายหากอยู่กับข้า เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่ออกนอกจวน ข้ากับเจ้าจะดุจเงา ห้ามห่างกายข้าเป็นอันขาดเพื่อป้องกันเรื่องวุ่นวายที่อาจจะเกิดขึ้น”
“หม่อมฉันไม่เข้าใจ พระองค์คงมิได้มีเรื่องกับคนในวังหลวง หรือว่าพี่น้องทะเลาะกันเองหรอกนะเพคะ”
ท่านอ๋องวางจอกชาลง สีหน้าของเขาอันเฟยดูไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าคิดอะไรอยู่ แม้ว่าเขาจะรูปงามดุจเซียนบนสวรรค์แต่ตั้งแต่เดินเข้ามาในห้องนี้และนั่งคุยกับนาง เขาไม่ได้แสดงสีหน้าอื่นเลย นี่เขาเป็นก้อนน้ำแข็งหรืออย่างไรกันนะ
“เรื่องนั้นเอาไว้เจ้า….จะเข้าใจเองข้าอธิบายไปก็ไม่มีประโยชน์ ตกลงว่าเจ้ามีเงื่อนไขอื่นหรือต้องการสิ่งใดเพิ่มอีกหรือไม่”
“ไม่เพคะ หม่อมฉันต้องการทราบลำดับและขั้นตอนหลังจากนี้ว่าจะต้องทำเช่นไรต่อเพคะ”
“อีกสองวันจะมีคนในจวนแม่ทัพฮั่วมารับตัวเจ้า ต่อไปเจ้าจะเป็นคุณหนูสี่สกุลฮั่วและข้าจะทำเรื่องสู่ขอเจ้า”
“สกุลฮั่ว แม่ทัพอันดับหนึ่งของฉินโจว ฮั่วตูผู้นั้น!!”
ท่านอ๋องหันมามองนางด้วยความประหลาดใจเมื่อนางรู้ว่านางจะถูกส่งไปที่ใด
“เจ้ารู้จักแม่ทัพฮั่วด้วยหรือ”
“ตอนที่ข้าเรียนที่สำนักเทียนซูก็ได้ยินชื่อของแม่ทัพผู้นี้แล้ว เขาเป็นอาจารย์ของ…. คนที่ข้ารู้จักเพคะ”
“ไม่แปลกเพราะแม่ทัพฮั่วก็คืออาจารย์ของข้าเช่นกัน เขาได้รับเชิญไปที่สำนักอันดับหนึ่งนั่นบ่อย ๆ ว่าแต่เมื่อครู่เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นศิษย์ของสำนักเทียนซูงั้นหรือ”
อันเฟยหลับตานิ่ง เพราะความตื่นเต้นแท้ ๆ ที่ทำให้นางหลุดปากออกไป เช่นนี้ก็คงปิดบังไม่ได้แล้วแต่ถึงอย่างไรเขาก็ต้องรู้เข้าสักวันเพราะนางใช้วิชาของเทียนซู หากว่าท่านอ๋องเป็นศิษย์ของฮั่วตูจริง ๆ มีหรือที่เขาจะมองไม่ออก
“เพคะ เป็นศิษย์ที่ไม่ได้เรื่องเท่าใดก็เลยลงจากเขามาก่อน”
“ไม่ได้เรื่องงั้นหรือ แต่วรยุทธ์ของเจ้าเมื่อวันก่อนข้ากลับคิดว่า…ดีทีเดียว”
“ท่านอ๋องเพคะ เช่นนั้นหากตกลงกันเรียบร้อยแล้วหม่อมฉันคิดว่าเราร่างสัญญาเถิดเพคะ”
“แต่หากทำสัญญาแล้ว มีคนพบเข้าอาจจะทำให้เจ้าเสียหายได้ นี่เป็นโทษหลอกลวงเบื้องสูงเชียวนะเจ้ากล้าเสี่ยงหรือเอ่อ….อันเฟย ข้าเรียกเจ้าเช่นนี้ได้ใช่หรือไม่”
“ได้เพคะ หม่อมฉันอนุญาต แล้ว…หม่อมฉันต้องเรียกพระองค์ว่าอย่างไรเพคะ”
“ก็เรียกท่านอ๋องเช่นเดิมก็ได้ หรือไม่ก็เรียกชื่อข้า เซียวฟู่เฉิน”
“เซียว…."ฟู่" ท่านก็คือหนึ่งในผู้จ้างวานของหอต้าหรง"
“ใช่ เจ้ามีปัญหาใดงั้นหรือ”
“เปล่าเพคะ ไม่มี ๆ แค่ตกใจเท่านั้น”
“ดี เช่นนั้นอีกสองวันเราจะส่งคนมารับเจ้า”
“แล้วสัญญาไม่ต้องเขียนหรือเพคะ พระองค์ไม่กลัวว่าหม่อมฉันจะหนีหรือเพคะ”
“ไม่กลัวหรอก”
“เพราะเหตุใดเพคะ”
“เพราะหากว่าเจ้ากล้าหนี ข้าก็จะฆ่าเจ้าเสีย”
"อะไรนะ!!"
“ข้าไม่อยากเสียเวลา คุยจบแล้วเอาเป็นว่าเรื่องที่เจ้าต้องจำเอาไว้มีเพียงสองอย่าง เมื่อรับปากแล้วก็ทำให้ได้ และ เมื่อคิดจะผิดสัญญาก็อย่าหวังว่าจะมีชีวิตรอด ข้าไปก่อนล่ะ”
“เดี๋ยวก่อนสิ ไม่ได้คุยกันแบบนี้นี่ นี่ข้อตกลงอะไรกันข้า…ยกเลิกสัญญาไม่ได้งั้นหรือ ถึงกับจะฆ่ากันตายเชียวหรือ”
“หากเจ้าไม่ได้ทำผิด ก็ไม่มีผู้ใดอยากได้ชีวิตเจ้าหรอกนะ”
“แต่เช่นนี้ข้าจะมั่นใจได้อย่างไรว่าวันดีคืนดีพระองค์นึกไม่อยากให้หม่อมฉันเล่นบทพระชายาจำเป็นนี่แล้วพระองค์จะไม่ฆ่าหม่อมฉันเล่าเพคะ”
เขาหันมามองหน้าของนางที่กำลังวิตกกังวลอย่างหนักเมื่อคิดว่าอาจจะถูกเขาฆ่าเมื่อใดก็ได้ขึ้นมา
“ไม่ล่ะ ๆ ท่านอ๋อง เช่นนั้นหม่อมฉันขอล้มโต๊ะก็แล้วกันถือว่าพวกเรา….ไม่ได้คุยกันเรื่องนี้ก็แล้วกันนะเพคะ”
หมิงอันเฟยเดินไปที่ประตูอย่างรวดเร็วแต่นางก็ไม่เร็วมากไปกว่าเขา ท่านอ๋องดันประตูเอาไว้ได้ก่อนพร้อมกับคว้ารอบเอวบางของนางได้และให้หันมา เขาจับมือนางเอาไว้ได้ กลิ่นกายและกลิ่นจากเรือนผมนางลอยแตะจมูกเขาอีกครั้ง
“ท่านอ๋อง ปล่อยนะเพคะ”
“เจ้ารับปากแล้ว ฟังเงื่อนไขจนหมดสุดท้ายมาบอกว่าจะไม่ทำ เช่นนี้ก็เพียงพอที่จะปลิดชีพเจ้าแล้วหมิงอันเฟย”
“แต่ว่าพระองค์มิได้บอกว่าจะฆ่าหม่อมฉันนี่เพคะ มิน่าเล่าถึงได้จ่ายค่าจ้างเสียแพงแต่นี่….ปล่อยนะ”
“ไม่ได้ เจ้ารับปากแล้วก็ต้องทำตามเงื่อนไขเดิม ข้าไม่ได้บอกว่าจะฆ่าเจ้าเสียหน่อย เพียงแค่เจ้าเล่นละครครบหกเดือนข้าก็จะคืนอิสรภาพให้กับเจ้า รับรองว่าจะไม่แตะต้องชีวิตเจ้าอย่างแน่นอน”
“แต่ว่า..อ๊ะ อย่านะจะทำอะไร”
ท่านอ๋องยื่นพระพักตร์เข้ามาใกล้นางจนจมูกของเขาเกือบจะชนแก้มของอันเฟย นางตกใจจึงได้หลับตาและเบือนหน้าหนี ตั้งแต่โตเป็นสาวพ้นวัยปักปิ่นมา นางก็ไม่เคยใกล้ชิดบุรุษใดใกล้เพียงนี้มาก่อน
ท่านอ๋องมองคนที่ยืนสั่นตรงหน้าอย่างนึกขำแต่สีหน้าเขายังคงไม่เปลี่ยนไปจากเดิม เขาเอื้อมไปปลดป้ายหยกของนางมาและปล่อยนางในที่สุด
“ท่านอ๋องนั่นพระองค์จะทำสิ่งใด คืนป้ายหยกของหม่อมฉันมานะ!!”
“เจ้าทำตามสัญญาข้าจบเมื่อใด ป้ายหยกนี้ข้าก็จะให้เจ้าคืนเมื่อนั้น”
“ไม่ได้นะ ป้ายหยกนั่น!!….”