บท
ตั้งค่า

โชคชะตา 2

กระทั่งวันเวลาล่วงเข้าสู่ช่วงปลายยามเหม่า ประตูเรือนของสวีอี้หลิงก็ถูกเปิดออกพร้อมที่ตงชิงเร่งวิ่งออกไปแจ้งข่าวดีแก่นายท่านด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม

“นายท่าน คุณหนูรองฟื้นแล้วเจ้าค่ะ”

แม้ทั้งจวนหย่งผิงโหวสกุลสวีจะเต็มไปด้วยความยินดีที่คุณหนูรองสวีอี้หลิงฟื้น หากแต่ไม่ใช่กับสวีอ้ายเหรินแม้แต่น้อย ยิ่งได้ยินว่ามารหัวใจฟื้นจากความตายมาได้ นางก็ยิ่งไม่พอใจ พยายามคิดหาหนทางที่จะกำจัดสวีอี้หลิงอีกครั้ง ด้วยว่าอีกเพียงไม่ถึงสิบห้าวันก็จะถึงวันที่สวีอี้หลิงต้องเข้าพิธีสมรสแล้วนั่นเอง

“เหรินเหริน ข่มใจเอาไว้สักหน่อย หากเจ้าคิดจะทำอะไรสวีอี้หลิงยามนี้ ท่านพ่อเจ้าได้ระแคะระคายเป็นแน่ ถึงตอนนั้นต่อให้มีสิบแม่เจ้า ก็ไม่อาจช่วยอะไรเจ้าได้” หลี่เหวินเองเมื่อได้ยินว่าสวีอี้หลิงฟื้นแล้ว สิ่งแรกที่นางทำคือเร่งมาหาลูกสาว

“แต่ท่านแม่ ข้ายอมให้สวีอี้หลิงแต่งกับท่านอ๋องไม่ได้นะเจ้าคะ”

หลี่เหวินเดินเข้าไปนั่งข้างกายลูกสาวก่อนจะยกมือขึ้นลูบเรือนผมสีดำขลับคล้ายเส้นไหม นางรู้สึกเห็นใจบุตรสาวไม่น้อย ทว่าหากพูดกันตามความเป็นจริงแล้ว ด้วยสถานะของสวีอ้ายเหรินที่เป็นเพียงลูกอนุ ไหนเลยจะได้ขึ้นเป็นหวางเฟย

“เหรินเหริน ฟังแม่สักคำเถิด เรื่องสวีอี้หลิงเป็นพระราชโองการยากจะขัดได้ อีกทั้งแม่เป็นเพียงอนุต่ำต้อย ถึงเจ้าจะได้แต่งเข้าจวนอ๋อง หากแต่ตำแหน่งพระชายาเอกยังดูห่างไกลยิ่งนัก อย่างไรเอาไว้แม่จะลองพูดกับท่านพ่อให้เจ้าได้แต่งเข้าไปเป็นชายารองดีหรือไม่”

“ท่านแม่ ท่านเป็นมารดาเช่นใดกัน ถึงได้หวังเพียงเท่านี้ แทนที่จะสนับสนุนข้าที่เป็นลูกสาวให้เหนือกว่าใคร ๆ”

“เหรินเหริน สิ่งแรกที่เจ้าต้องจดจำไว้ให้ได้คือสถานะตน อย่างต่อมาคือต้องไม่ขาดสติ มิเช่นนั้นต่อให้เจ้าวางแผนแยบยลเช่นไร เจ้าก็จะล้มเหลวทุกครั้งไป ระหว่างนี้อย่าได้คิดทำอะไรสวีอี้หลิงเด็ดขาด หากเจ้ายังอยากได้ชื่อว่าเป็นบุตรสาวหย่งผิวโหวอยู่”

สวีอ้ายเหรินทำได้เพียงยอมข่มใจเอาไว้ตามที่มารดาบอก เพราะแน่นอนว่าคงไม่มีใครยอมให้สวีอี้หลิงคลาดสายตาได้เหมือนครั้งก่อนเป็นแน่ แต่หากนางมีโอกาส แน่นอนว่านางจะไม่ยอมให้มันหลุดมือไปเป็นแน่

“อาฟาง แต่งตัวให้ข้า”

“คุณหนูจะไปที่ใดเจ้าคะ” ฟางฟางเอ่ยถามออกไป เพราะปกติแล้วคุณหนูของนางจะรับมื้อเช้าที่เรือน ไม่ได้ไปร่วมโต๊ะกับนายท่านและอนุหลี่ที่โถงด้านหน้า

“พี่สาวข้าฟื้นจากความตายทั้งที่ ข้าเป็นน้องจะไม่ไปเยี่ยมมันดูแล้งน้ำใจไปหน่อย หรือเจ้าเห็นว่าอย่างไร”

“แต่คุณหนู เมื่อครูอนุหลี่ก็แจ้งแก่คุณหนูแล้วว่า...”

“ข้าแค่จะไปเยี่ยมพี่สาว หรือเจ้าเห็นว่าข้าจะไปทำอย่างอื่น”

ฟางฟางซึ่งเผลอสบกับสายตาเรียวดุก็เร่งหลุบสายตาลงมองพื้น ด้วยรู้ดีว่าหากคุณหนูของนางต้องการสิ่งใดแล้ว ย่อมต้องได้ดั่งที่ใจปรารถนาทุกอย่างนั่นเอง สุดท้ายนางก็ทำได้เพียงเร่งช่วยแต่งตัวให้สวีอ้ายเหรินไปก็เท่านั้น

แสงแดดอ่อน ๆ ของยามเช้า ส่องลอดผ่านหน้าต่างที่ถูกเปิดออกเข้ามากระทบเปลือกตาบาง ทว่าก็ใช้เวลานานเป็นครู่กว่าที่เปลือกตาคู่นั้นจะค่อย ๆ ขยับและเปิดขึ้น

กมลวรรณลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะลืมตาค้างนิ่ง ๆ คิดทบทวนว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น ก่อนที่ความทรงจำก่อนหน้านี้พลันผุดเข้ามาทำให้เธอจำได้ว่าเธอเกิดภาวะตกเลือดหลังจากกินขนมที่ลิลลารีย์เอามาให้

ภายในใจของเธอก็เกิดเป็นความโกรธ เธอทั้งโกรธทั้งแค้นตัวเธอและภาสกร ผู้ชายที่เธอเรียกว่าสามี เธอโกรธแค้นตัวเองที่โง่จนหลงไปเชื่อคำพูดหลอกลวงของชายโฉดหญิงชั่วคู่นั้น เธอโกรธแค้นภาสกรที่ปากก็บอกว่ารักเธอกับลูก

ทว่าสุดท้ายกลับมาทำร้ายกันได้อย่างโหดเหี้ยมแบบนี้ หญิงสาวหลับตาลงช้า ๆ ก่อนจะปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาทางหางตา เก็บทุกความรัก ทุกความแค้น และทุกความเจ็บปวดให้มันสลักลึกลงจิตใจไว้ย้ำเตือนตัวเองว่า อย่าไปหลงเชื่อคำคนที่ไหนอีก

กมลวรรณจำได้ว่าตัวเองหมดลมหายใจไปแล้ว แต่ก็แอบคิดไปว่าการที่เธอฟื้นขึ้นมาอาจจะเป็นเพราะมีคนช่วยเธอเอาไว้ได้ทัน เธอลืมตาขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะมองเพดานที่อยู่ในครรลองสายตานิ่ง ๆ

เพราะมันดูเหมือนจะไม่ใช่หลังคาของโรงพยาบาลตามความเข้าใจของเธอ ไม่มีฝ้าเพดานสีขาว ไม่มีหลอดไฟให้ความสว่าง ก่อนที่ในโสตประสาทหูของเธอจะได้ยินเสียงคล้ายคนคุยกัน และเสียงคุยนั้นก็ดังเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นเรื่อย ๆ

“คุณหนู คุณหนูเจ้าคะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel