บท
ตั้งค่า

โชคชะตา 1

ณ ดินแดนต้าถัง

ภายในจวนหย่งผิงโหวสกุลสวีเกิดความวุ่นวายมาสองวันเต็มนับตั้งแต่บุตรีในฮูหยินเอกอย่างสวีอี้หลิงถูกวางยาจนหมดสติไป นอกจากนางยังไม่ฟื้น ก็ยังมิอาจจับมือผู้ใดดมได้อีก

ทำให้ประมุขของจวนร้อนใจนั่งก้นไม่ติดตั่งอยู่แทบจะตลอดเวลา ทั้งเร่งให้คนตามหาหมอฝีมือดีมารักษา ทั้งส่งคนสืบสาวราวเรื่องถึงยาพิษที่นำมาใช้กับสวีอี้หลิง บ่าวรับใช้ชายหญิงตลอดจนคนครัวหัวหน้าพ่อบ้านต่างถูกเรียนมาสอบสวนกันไม่มีเว้น

“เรียนท่านโหว ท่านหมอซูเดินทางมาถึงแล้วขอรับ” พ่อบ้านชราเดินเข้ามาแจ้งผู้เป็นนายด้วยท่าทางนอบน้อม

“เช่นนั้นเจ้าจะชักชักทำสิ่งใด เร่งพาท่านหมอไปตรวจอาการลูกสาวข้าสิ”

“ท่านพี่ ใจเย็นสักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ เสี่ยวหลิงของเราจะต้องหายอย่างแน่นอน ท่านหมอซูผู้นี้ได้ยินว่าเป็นถึงหมอเทวดาเชียวนะเจ้าคะ” หลี่เหวิน อนุภรรยาเพียงคนเดียวของสวีลู่เอ่ยขึ้นอย่างเอาใจ

“เจ้าจะให้ข้าใจเย็นได้อย่างไร ในเมื่อพิธีสมรสถูกจัดเตรียมเอาไว้หมดแล้วแบบนี้ หากเสี่ยวหลิงเป็นอะไรไป ข้าจะมีหน้าใดไปสู้พระพักตร์ฝ่าบาทได้เล่า”

“ท่านพี่ระงับโทสะก่อนนะเจ้าคะ หากถึงวันนั้นแล้วเกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวหลิงจริง พวกเรายังมีอ้ายหรงอยู่อีกทั้งคน” พูดจบหลี่เหวินก็หันไปมองทางบุตรสาวที่นั่งทำท่าเหนียมอายคล้ายเป็นเรื่องที่ตนไม่ต้องการ

สวีลู่ปรายตาไปมองทางด้านบุตรสาวอีกคนนิ่ง ๆ กระนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรออกมา ก่อนจะสะบัดชายแขนเสื้อแล้วเดินออกไปยังเรือนของสวีอี้หลิงทันที

“เป็นอย่างไรบ้างท่านหมอ บุตรสาวข้านางเป็นอย่างไรบ้าง” สวีลู่ เมื่อเห็นท่านหมอเดินออกมาจากห้องนอนของบุตรสาวก็เร่งรุดเข้าไปสอบถามอาการทันที

“เรียนท่านโหว อาการคุณหนูนั้นแปลกยิ่งนัก ข้าน้อยจับชีพจรไม่เจอ เอ่อ...”

“ท่านหมอกำลังหมายความถึงสิ่งใดกัน”

“เอ่อ เอ่อคือ เรียนท่านโหวตามตรง ยามนี้คุณหนูเหมือนจะไม่อยู่แล้วขอรับ”

ท่านหมอชราเอ่ยบอกออกไปอย่างลำบากใจ จงใจใช้คำว่า ‘เหมือน’ เพราะอาการของคุณหนูแซ่สวีผู้นั้นคล้ายอยู่ก็ไม่ใช่คล้ายตายก็ไม่ถูก เพราะผ่านมาถึงสองวัน แต่เนื้อตัวยังอุ่นดี ไม่ได้เย็นชืดแข็งเป็นหิมะเฉกเช่นที่คนตายจะเป็น หากแต่ก็จับไม่เจอสัญญาณชีพใด ๆ

“พ่อบ้านตู้ ส่งท่านหมอ แล้วประกาศหาหมอฝีมือดีคนใหม่ทันที”

สิ้นเสียงของสวีลู่ ทุกคนต่างโค้งกายให้ผู้เป็นประมุขของจวนก่อนจะแยกย้ายกันไปตามหน้าที่ทันที ราวกับว่าหากอยู่ต่อ อาจจะต้องกลายเป็นภาชนะรองรับทุกอารมณ์ของหย่งผิงโหวเป็นแน่

ด้านสวีอ้ายเหรินนั้นเดินกลับไปยังเรือนของตนเองด้วยอาการไม่พอใจ เพราะแม้นท่านหมอคนไหน ๆ ที่เข้ามารักษาต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสวีอี้หลิงไม่อยู่แล้ว แต่บิดาของนางก็ยังคงไม่ล้มเลิกที่จะรักษา

ฝ่ายฟางฟาง เมื่อเดินตามคุณหนูของนางเข้ามาข้างในก็เร่งปิดประตูห้องทันทีอย่างรู้หน้าที่ ก่อนจะรีบหลบหมอนอิงใบโตที่ลอยมาทางนางได้อย่างทันท่วงที เพราะเหตุการณ์เช่นนี้มักเกิดขึ้นบ่อยครั้งยามที่คุณหนูสามสวีอ้ายเหรินไม่พอใจ

“คุณหนู ระงับโทสะก่อนนะเจ้าคะ”

“อาฟางเจ้าเห็นหรือไม่ ท่านพ่อเอาแต่ห่วงหน้าตา เร่งหาท่านหมอมารักษาสวีอี้หลิง ทั้งที่นางก็ตายไปแล้ว เหตุใดท่านพ่อถึงไม่มองมาทางข้า แล้วจัดการส่งข้าเข้าพิธีสมรสกับท่านอ๋องแทนเล่า”

“คุณหนู เบาเสียงลงหน่อยเจ้าค่ะ ประตูหน้าต่างเรือนมีช่องมากมาย หากมีผู้ใดมาได้ยินเข้าจะไม่ดีนะเจ้าคะ” ฟางฟางเอ่ยเตือนคุณหนูของนางอย่างเข้าใจ ด้วยติดตามรับใช้มาตั้งแต่สวีอ้ายเหรินอายุได้เพียงสามหนาวเท่านั้น

สวีอ้ายเหรินทิ้งกายลงนั่งบนตั่งอย่างแรง มือเรียวกำขมวดกระโปรงผ้าไหมเนื้อดีจนน่ากลัวว่ามันจะขาดหลุดติดมือมาเสียให้ได้ นางอุตส่าห์ถึงขึ้นลงมือวางยาหวังกำจัดสวีอี้หลิงไป แล้วเมื่อถึงเวลานั้นนางสุดแสนจะเชื่อมั่นว่าอย่างไรบิดาก็ต้องส่งนางเข้าพิธีสมรสเป็นหวางเฟยในท่านอ๋องแปดเป็นแน่

นางรักอ๋องแปดฟ่านเฮยหลงมาหลายหนาว ทว่าจู่ ๆ กลายเป็นสวีอี้หลิงที่จะได้ขึ้นเกี้ยวแต่งเข้าไปเป็นหวางเฟยจวนอ๋องแปด เช่นนี้จะให้นางยอมได้อย่างไร เรื่องตำแหน่งในจวนสกุลสวีนางเป็นรองก็แล้วไปเถอะ ทว่าเรื่องบุรุษผู้เป็นที่รักมั่น นางมิมีวันยอมให้อย่างแน่นอน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel