บท
ตั้งค่า

สวีอี้หลิง 1

“ลูกฉันอยู่ที่ไหน ฉันอยากเจอลูกค่ะ”

“ลูก ลูกอันใดกันเจ้าคะคุณหนู” ตงชิงเอ่ยถามออกไปด้วยใบหน้าแสนจะงุนงงอยู่หลายส่วน คิดไปด้วยตนเองว่าหรือคุณหนูของนางจะละเมอคล้ายกึ่งอยู่ในห้วงฝัน

“เบบี๋ ลูก ลูกที่ออกมาจากตรงนี้”

ไม่พูดเปล่า หญิงสาวยกมือขึ้นจับบริเวณหน้าท้องซึ่งยามนี้มันแบนราบราวกับไม่ได้ลิ้มชิมเนื้อเลิศรสมาเป็นเวลานานก็ไม่ปาน อีกทั้งยังทำมือวาดออกมาคล้ายกับเป็นลักษณะของก้อนท้องโต ๆ ในอากาศ

แต่ไม่ว่าอย่างไร ดูเหมือนสตรีตรงหน้าก็ไม่เข้าใจสิ่งที่พูดออกไป กมลวรรณที่ยามนี้คือสวีอี้หลิงจึงหลับตาลงอีกครั้ง สูดลมหายใจเข้าออกลึก ๆ วนไปมาสองสามรอบเพื่อตั้งสติที่มันแตกกระเจิงราวกับแม่ผึ้งโดนไฟร้อนลนต้องบินออกจากรัง

“เอาใหม่ ถามเธอ ที่นี่คือที่ไหน” หญิงสาวหันไปถามสาวใช้นามผิงอีที่มีสีหน้าไม่ต่างจากตงชิงเท่าไรนัก

“ที่นี่ก็คือจวนหย่งผิงโหวสกุลสวีเจ้าค่ะคุณหนู คุณหนูจำมิได้หรือเจ้าคะ” ผิงอีถามไปก็ลอบหันมองตงชิงที่นั่งอยู่ข้างกัน

“สะ...สกุลสวี? จะ...จวน จวนหย่งผิงโหว? แล้วมันคือที่ไหนกัน”

ตงชิงค่อนข้างจะมั่นใจเกินเจ็ดส่วนดีแล้วว่ายามนี้คุณหนูของนางคงสูญเสียความทรงจำครั้งอดีตก่อนหน้าไปจนสิ้นแล้วเป็นแน่ นางจึงรุดเข้าไปใกล้แล้วฉวยคว้าเอามือเล็กของผู้เป็นนายมากอบกุมไว้ ไม่อยากให้เป็นอนาทรร้อนใจไปมากกว่านี้

“คุณหนู แผ่นดินนี้คือต้าถัง และที่นี่คือเมืองหลวง คุณหนูคือคุณรองสกุลสวี นามว่าสวีอี้หลิง เป็นบุตรีในฮูหยินเอกของนายท่าน คุณหนูจดจำสิ่งใดได้บ้างหรือไม่เจ้าคะ”

น้ำเสียงที่เอ่ยเล่าอธิบายความเป็นไปในเหตุการณ์ตอนนี้เต็มไปด้วยความใจเย็นระคนเป็นห่วงที่นางสัมผัสได้ แม้นจะไม่ได้ร่ำเรียนในทางด้านสายภาษามาเท่าไรนัก ทว่ามันก็ทำให้นางรู้ว่านางตายจากมาจากนรกบนดินแห่งนั้น

แต่อาจจะเป็นเพราะคะแนนความดีที่เป็นหมอช่วยชีวิตคนมามาก เลยทำให้วิญญาณของนางมันหลุดเข้ามายังที่แห่งนี้ มาอยู่ในร่างของสตรีที่มีใบหน้าเหมือนนางเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก พลางนึกไปถึงนิยายแนวทะลุมิติเดินทางข้ามเวลาที่นางเคยได้อ่านมา ก็พลันถอนหายใจยาวเหยียด

เพราะไม่เคยเชื่อว่าเรื่องพวกนี้มีอยู่จริง เป็นเพียงจินตนาการของนักเขียนที่ร้อยเรียงตัวอักษรอย่างตั้งใจเท่านั้น กระทั่งได้มาประสบพบเจอกับตัวเองแบบนี้

แต่...

‘ถ้าเป็นเหมือนนิยายที่ได้อ่าน เราต้องเข้ามาอยู่ในร่างที่มีสตอรีคล้ายคลึงกัน นั่นหมายความว่าร่างนี้ก็น่าจะต้องตั้งท้องเหมือนกัน จริงด้วย ก่อนหน้านี้เราก็ปวดท้องนี่นา ทำไมคิดไม่ได้นะยายเมย์’

หญิงสาวครุ่นคิดกับตัวเองอยู่ในใจก่อนจะตั้งใจกวาดสายตามองไปรอบ ๆ อีกครั้ง แล้วหันมาถามสตรีทั้งสองด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่จริงจังขึ้นอีกส่วน

“แล้วลูกล่ะ ตอนนี้ลูกอยู่ที่ไหน ปลอดภัยดีไหม”

“คุณหนู คุณหนูยังไม่ได้ตั้งครรภ์จะมีบุตรได้อย่างไรเจ้าคะ” คำตอบจากปากของผิงอีทำเอาหญิงสาวรู้สึกราวกับมีฆ้อนหนัก ๆ ทุบลงมาบนศีรษะนี้

“คุณหนูเพิ่งจะอายุเพียงสิบเจ็ดหนาว อีกทั้งยังมิได้เข้าพิธีอภิเษกสมรสกับท่านอ๋องแม้จะมีพระราชโองการมาแล้วก็ตาม แล้วเช่นนี้คุณหนูของผิงอีจะตั้งครรภ์ได้อย่างไรเล่าเจ้าคะ” ผิงอีอธิบายเพิ่มเติม

ข้อมูลใหม่ที่หญิงสาวได้รับทำให้นางถึงกับเบิกตาโพลงขึ้นมาอีกครั้ง เพราะนอกจากร่างนี้ไม่เคยตั้งครรภ์ ยังมีอายุเพียงสิบเจ็ดหนาว หากเป็นในยุคที่นางจากมาถือว่ายังเด็กมาก ๆ

แต่...

อะไรคืออภิเษกสมรส?

แต่งงานหรือ?

“เมื่อครู่เจ้าบอกว่า อะ...อภิเษกสมรส คืออะไรหรือ”

หญิงสาวพยายามปรับคำพูดให้คล้ายคลึงกับที่นี่ เพื่อที่สตรีทั้งสองเข้าใจในสิ่งที่นางต้องการถาม

“ก็พิธีอภิเษกสมรสกับท่านอ๋องแปดซึ่งได้รับพระราชทานจากฝ่าบาทอย่างไรเจ้าคะ เรื่องนี้คุณหนูก็หลงลืมเช่นกันหรือเจ้าคะ ไม่ดีแล้ว เช่นนี้ต้องเร่งไปตามท่านหมอมาตรวจ ผิงอี เจ้าไปดูทีว่าท่านหมอเดินทางมาถึงหรือยัง” ตงชิงหันไปจัดแจงทุกอย่างด้วยความคล่องแคล่ว

ทว่ายังไม่ทันมีผู้ใดได้ก้าวเท้าออกจากห้องหอนอน เสียงท่านพ่อบ้านตู้ก็ดังแจ้งเข้ามาว่า ท่านหมอเดินทางมาถึงแล้ว ผิงอีจึงเร่งไปเปิดประตูต้อนรับให้ท่านหมอได้เข้ามาตรวจ

หมอชราเดินเข้ามาภายในห้องด้วยท่าทางนอบน้อม ก่อนจะเริ่มตรวจชีพจรตรงบริเวณข้อมือ ทำเอาหมอสาวในยุคสองพันยี่สิบสี่นั่งมองด้วยความใคร่รู้ เพราะไม่มีอุปกรณ์อื่นใดมากมาย ทว่าการวินิจฉัยอาการค่อนข้างเฉียบขาด

“คุณหนูข้าเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะท่านหมอ”

“ชีพจรคุณหนูรองกลับมาเป็นปกติเกินเจ็ดส่วนแล้ว ที่หลงเหลือยามนี้มีเพียงความอ่อนเพลีย และอาการบาดเจ็บของกระเพาะที่ได้รับพิษเข้าไปเท่านั้น ดื่มยาบำรุงและนอนพักมากหน่อยก็จะดีขึ้น”

“ขอบคุณเจ้าค่ะ”

ตงชิงเข้ามาประคองคุณหนูของนางให้นอนลง ก่อนจะหันไปรับเทียบยาที่ท่านหมอยื่นมาให้ ซึ่งภายหลังเป็นพ่อบ้านตู้ที่ขันอาสาไปจัดซื้อตัวยากลับมาให้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel