บท
ตั้งค่า

สวีอี้หลิง 2

หลังจากท่านหมอกลับออกไปแล้ว เพราะอยากครุ่นคิดเรื่องราวที่เกิดขึ้นเพียงลำพัง หญิงสาวในร่างสวีอี้หลิงก็ทำทีเป็นบอกว่า จะพักผ่อน และเพียงเท่านั้นก็มิมีผู้ใดอยู่รบกวนภายในห้องนอนนี้อีก เมื่อแน่ใจแล้วว่าได้อยู่เพียงลำพัง หญิงสาวก็ลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง

“ตอนนี้เราคือสวีอี้หลิงสินะ เอาน่าเมย์ อย่างน้อย ๆ ก็ได้ใช้ชีวิตต่อ”

เธอพูดคุยกับตัวเองอยู่เป็นนานสองนาน ก่อนจะลุกแล้วเดินไปตรงบริเวณหน้าต่างที่เปิดกว้างรับลมเย็น ๆ ต้นฤดูใบไม้ผลิเข้ามา ความเย็นจากธรรมชาติบวกกับกลิ่นดอกไม้หอมอ่อน ๆ ที่ลอยมาตามลม ทำให้หญิงสาวคล้ายจะรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก

“เอาละ หลังจากนี้จะมีแค่สวีอี้หลิง ไม่มีแล้วกมลวรรณที่โง่และอ่อนแอคนนั้น จะใช้ชีวิตครั้งนี้ให้มีความสุขที่สุดละนะ”

สวีอี้หลิงกลับมานั่งลงตรงหน้ากระจก แล้วมองตัวเองที่นึกย้อนไปแล้วใบหน้านี้เหมือนกับตอนนางอายุสิบเจ็ดในยุคที่นางจากมาไม่มีผิด ที่แตกต่างคงเป็นสีผิวที่มันขาวผ่องราวกับเนื้อหยวกอ่อน ๆ กับเรียวแขนที่รู้สึกว่าเล็กลงไปมาก หรือหากจะพูดให้ถูกต้องคือ นางในร่างนี้ดูเหมือนจะกะทัดรัดไปทุกสัดส่วน

นัยน์ตาสีน้ำผึ้งคู่สวยหลุบมองฝ่ามือนิ่ง ๆ ถามตัวเองซ้ำ ๆ ว่ามือนี้จะยังสร้างประโยชน์ให้ผู้คนได้อีกหรือไม่ เพราะเท่าที่นางเข้าใจในยุคโบราณเช่นนี้ ผู้ที่จะร่ำเรียนศาสตร์ด้านการแพทย์หรือการรักษาได้มักจะเป็นบุรุษเสียเป็นส่วนใหญ่

สวีอี้หลิงนึกถึงคำพูดท่านหมอที่บอกว่ากระเพาะของนางบาดเจ็บจากการถูกพิษ เลยอาจจะมีอาการปวดท้องหลงเหลืออยู่บ้าง นางได้แต่ยกยิ้มเยาะเพียงมุมปาก เพราะดูเหมือนไม่ว่ายุคไหนสมัยใด ชีวิตนางก็หนีไม่พ้นจากการถูกยาพิษแบบนี้เลย ก้อนความเจ็บแค้นอัดแน่นจนกลั่นออกมาเป็นน้ำตา

ชีวิตก่อนที่จากมานางรู้ว่านางถูกวางยา ทว่าในชีวิตนี้ ร่างนี้นางไม่รู้ว่าสาเหตุที่ได้รับพิษนั้นมาจากอะไร เป็นเพราะตัวของนางเองที่ประมาทพลาดพลั้งไป หรือมีผู้ใดจงใจทำให้นางกลายเป็นแบบนี้ ที่นางคิดแบบนี้เพราะบางทีพิษที่หมอชราผู้นั้นบอกอาจจะไม่ได้หมายถึงยา แต่อาจจะเป็นบางส่วนของอาหารหรือขนมที่ร่างกายนี้ไม่ถูกชะตาก็เป็นไปได้

กระทั่งผ่านไปครู่ใหญ่ ผิงอีก็เดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมกับถ้วยยากลิ่นฉุนที่มีควันจาง ๆ ลอยกรุ่นบ่งบอกว่าเพิ่งจะต้มเสร็จ

“ยาเจ้าค่ะคุณหนู”

“เอ่อ ไม่มีแบบอัดเม็ดหรือ แบบนี้มันดูทานยากนะ” เพียงแค่เห็นสีของยาที่ดำคล้ำ กับกลิ่นที่ไม่ชวนกลืนผ่านคอ ใบหน้าสวยก็บิดเบ้ออกมาให้เห็นเสียแล้ว

“คุณหนู อาจจะดูดื่มยากสักหน่อย แต่ผิงอีมีน้ำตาลปั้นไว้ให้ล้างรสขมนะเจ้าคะ”

เมื่อดูแล้วไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องกินยาในถ้วยนี้ สุดท้ายหญิงสาวก็คว้าเอาถ้วยยามาถือไว้แล้วกระดกดื่มรวดเดียว จากนั้นก็หยิบน้ำตาปั้นตามเข้าไป แม้จะช่วยบรรเทาอาการขม หากแต่ก็ไม่ทั้งหมดเสียทีเดียว

ด้านสวีลู่นั้นทำเพียงยืนรออยู่หน้าเรือนของบุตรสาว ตั้งแต่ที่ท่านหมอเข้าไปตรวจอาการ จนกระทั่งท่านหมอชราเดินออกมา

“ท่านหมอ อี้หลิงเป็นอย่างไรบ้าง”

“เรียนท่านโหว อาการคุณหนูยามนี้ดีขึ้นมากแล้วขอรับ อาจจะต้องพักผ่อนสักหลายวันหน่อย อาการก็จะเป็นปลิดทิ้งขอรับ ข้าน้อยจัดเทียบยาให้แล้ว ท่านโหวอย่าได้ร้อนใจไป”

สวีลู่ได้ยินเช่นนั้นก็ได้แต่กดข่มความหงุดหงิดเอาไว้ในใจ ก็จะไม่ให้เขาร้อนใจได้อย่างไร อีกเพียงเจ็ดวันพิธีอภิเษกสมรสก็จะมาถึงแล้ว หากสวีอี้หลิงไม่อาจเข้าร่วมพิธีได้ มันมิใช่ว่าสกุลสวีของเขาทำการขัดพระบรมราชโองการหรอกหรือ

หลังส่งท่านหมอแล้วก็หมายจะเข้าไปหาบุตรสาว ทว่าสาวใช้คนสนิทของสวีอี้หลิงกลับห้ามเอาไว้เสียก่อน

“ขออภัยนายท่านเจ้าค่ะ ยามนี้คุณหนูหลับไปอีกครั้งแล้ว อีกทั้งยังบอกมิให้ผู้ใดรบกวนด้วยเจ้าค่ะ” ตงชิงละล่ำละลักพูดออกมา ด้วยรู้ดีว่าบุรุษตรงหน้าเป็นถึงประมุขของจวน หากเขาจะเข้าไปข้างใน นางที่เป็นผู้น้อยจะมีหน้าใดไปทัดทานขัดขวางได้

“เช่นนั้นก็ให้อี้หลิงพักผ่อนก่อนเถิดเจ้าค่ะ ท่านพี่ยังต้องเข้าไปประชุมขุนนางอีกนะเจ้าคะ ทางนี้ข้าจะดูแลให้” หลี่เหวินตรงเข้ามาพูด

ใจของนางอยากให้สามีประกาศเปลี่ยนตัวเจ้าสาวเสียเดี๋ยวนี้ด้วยเพราะสงสารลูกสาวที่ต้องระทมทุกข์ที่ไม่สมหวังในรัก กระนั้นก็ไม่อาจทำสิ่งใดประเจิดประเจ้อไปได้ มีเพียงต้องใจเย็นเข้าสู้เท่านั้น

“ได้ เช่นนั้นก็รบกวนเจ้าแล้ว”

สวีลู่ตวัดสายตามองไปทางตงชิง ก่อนที่เสียงเข้มจะเอ่ยกำชับไปอีกคำรบหนึ่ง “เจ้าดูแลคุณหนูให้ดี เรื่องยาห้ามละเลยเด็ดขาด และต้องทำให้คุณหนูของเจ้าหายในเจ็ดวันนี้ให้ได้ เข้าใจหรือไม่”

“ขะ...เข้าใจ เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”

กายสูงใหญ่ของบุรุษที่วัยก็ล่วงเข้าสู่เลขสี่ตอนปลายทำเพียงสะบัดชายแขนเสื้อแล้วเดินออกไป แม้อยากจะพูดคุยกับบุตรสาวมากเพียงใด แต่การประชุมก็มิอาจขาดได้เช่นกัน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel