8.งานแข่งเรือ 1
ช่วงสายอิงเถาจับฉันแต่งองค์ทรงเครื่องอย่างงดงามพิถีพิถันมากกว่าทุกวัน อาภรณ์ที่สวมใส่เป็นอาภรณ์สีม่วงเข้ม บ่งบอกถึงความสง่างาม ความสูงส่ง ลวดลายนกยูงที่ปักบนชุด ปักด้วยดิ้นทองที่แสนจะประณีตและงดงามอ่อนช้อย เครื่องผมเป็นปิ่นที่ประดับด้วยอัญมณีสีแดงทั้งหมด แต่งหน้าเบาๆ ทำให้ดูอ่อนหวานขึ้น
และพอแต่งทุกสิ่งอย่างออกมารวมกัน ก็งามงดอย่างน่าประหลาด
อิงเถายืนมองคุณหนูของนางด้วยสายตาชื่นชมในผลงานของตัวเอง
“ต้องแต่งเต็มขนาดนี้เลยหรืออิงเถา”
“ใช่แล้วเพคะ...วันนี้ท่านอ๋องจวิ๋นเสด็จมาชมการแข่งเรือด้วยเจ้าค่ะ พระองค์พึ่งได้รับอภัยโทษปล่อยตัวออกจากอารามหลวงเมื่อวาน เพราะมีความดีความชอบช่วยเหลือเรื่องกลยุทธ์การศึกกับหัวเมืองเหนือ วันนี้คุณหนูของบ่าวจะต้องงดงามที่สุดเจ้าค่ะ”
ฉันมองหน้าอิงเถาที่แดงจัดด้วยความโกรธแล้วอดยิ้มไม่ได้ มิผิดหากสาวใช้ตัวอ้วนจะรู้สึกเจ็บแค้นแทนเจ้านาย
เพียงแตีพอนางพูดถึงชื่ออ๋องจวิ๋นขึ้นมา หัวใจของฉันก็บีบรัดอย่างน่าประหลาด คงจะเป็นความเจ็บปวดจากเจ้าของร่างคนเก่า วางใจเถอะ ฉันที่มาอยู่ในร่างนี้แล้วไม่มีทางใส่ใจกับอ๋องเช่นนั้นอีกแล้วล่ะ
“วันนี้ราชวงศ์จะเสด็จขึ้นแพเพื่อชมการแข่งเรือด้วยเจ้าค่ะ คุณหนูก็ต้องไปขึ้นแพนี้เช่นเดียวกัน นายท่านจัดการเตรียมที่นั่งไว้ให้เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”
จื่อเหว่ยพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ วันนี้เป็นรอบตัดสินหกทีมสุดท้าย ฮ่องเต้โปรดปรานการแข่งเรือสำเภายิ่งนัก ถึงกลับเสด็จมาทอดพระเนตรการแข่งขันด้วยองค์เอง ไหนจะขบวนพระสนมอีกมากมายก่ายกองนั่นอีก
เรือสำเภาของฉันแล่นจอดเทียบแพพระที่นั่ง อิงเถากระโดดข้ามไปวางไม้กระดานพาดกับแพ เพื่อให้คุณหนูของนางเดินได้สะดวก
เอาจริงๆ กระโดดข้ามไปก็ได้นะ แต่พอเธอทำท่าจะกระโดดอิงเถาก็ส่งสายตาดุมาให้ จื่อเหว่ยก็เลยจำยอมต้องค่อยๆ ก้าวขาเดินขึ้นแพไป
เป็นดังคาด พอฉันมาถึงทุกสายตาก็จับจ้องที่ฉันด้วยท่าทีดูถูกและเหยียดหยาม บรรยากาศเปลี่ยนไปในทันทีที่เธอปรากฏตัว สตรีที่อยู่ข้างบุรุษผู้หนึ่งยิ้มเยาะที่มุมปาก อย่างไม่ต้องเดา บุรุษหน้าหยกผู้นั้นคงจะเป็นท่านอ๋องจวิ๋นเป็นแน่ ดูรวมๆ ก็มีเสน่ห์ แต่ไม่เท่ากับท่านอ๋องอู๋แม้แต่น้อย ไม่ได้ครึ่งเลยด้วยซ้ำ
ใบหน้าขาวซีดนั้นมองมาที่เธออย่างเดาสายตาไม่ออก
จื่อเหว่ยเลือกที่จะโปรยยิ้มแล้วค่อยๆ ก้าวขาช้าๆ กรีดกรายไปยังที่นั่งที่ท่านพ่อเตรียมไว้ให้ กาน้ำชาและของว่างถูกยกมาวางด้านหน้าทันที ราชนิกุลจะนั่งเป็นคู่สามีภรรยา ส่วนเหล่าบัณฑิต ขุนนาง หรือสตรี จะนั่งแยกฝั่งชายหญิงกัน ดังนั้นตรงข้ามที่นั่งของจื่อเหว่ยนั่นคือบัณฑิตที่หล่อเหลาทั้งหลาย
‘อืม...วิวดี’
เธอส่งยิ้มให้บุรุษผู้หนึ่ง ซึ่งเขาก็ส่งยิ้มตอบกลับมาพร้อมยกแก้วน้ำชาขึ้น จื่อเหว่ยยิ้มตอบพร้อมกับยกแก้วน้ำชาขึ้นดื่มเหมือนกัน
บุรุษผู้นี้มีใบหน้าที่สมชายชาตรี ผิวสีทองแดงบ่งบอกว่าเขานั้นตากแดดอย่างหนัก ใบหน้ามีไรหนวดเขียวครึ้ม นิ้วมือหยาบกร้านเช่นนี้บ่งบอกว่าเขานั้นจับดาบจับธนูมานับไม่ถ้วน ดูจากที่นั่งด้านหน้าและเสื้อผ้าที่สวมใส่
บุรุษผู้นี้คงจะเป็นแม่ทัพหลวงเป็นแน่
ดิบเถื่อนเช่นนี้ก็ดูเร้าใจไม่น้อย
“คุณหนู...ท่านผู้นั้นคือแม่ทัพอวี่เซียวเจ้าค่ะ เป็นแม่ทัพตั้งแต่อายุย่างสิบแปด ยังไม่มีภรรยาเลยนะเจ้าคะ”
อิงเถาพอเห็นฉันมีท่าทีสนอกสนใจบุรุษผู้นั้นก็มาสาธยายรายละเอียดให้ฟัง ฉันพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้
ไม่นานนักการแข่งขันคู่แรกก็เริ่มขึ้น เธอจึงละสายตาไปชมการแข่งเรือเพื่อไม่ให้ดูน่าเกลียดจนเกินไป
ประมาณหนึ่งก้านธูป ความอดทนของฉันก็เริ่มหมด คือแข่งเรือสำเภาไม่ได้เมามันแบบแข่งเรือหางยาว ดูเอื่อยๆ เนือยๆ จนแทบหลับ
แต่จะมาทำท่าง่วงนอนตอนนี้ก็ใช่ที่ บุรุษมากมายอยู่เบื้องหน้า จะมาหาวนอนได้ที่ไหนกัน!!
แม่ทัพอวี่ส่งยิ้มแล้วเดินมาทางฉัน เขานั่งลงที่ว่างข้างๆ เธอ
“คุณหนูจื่อดูไม่ค่อยสนุกกับการแข่งเรือเลยนะขอรับ"
เธอยิ้มตอบเขาด้วยรอยยิ้มที่บรรจงปั้นแต่งขึ้นมาให้ไร้เดียงสาที่สุด
“ใบหน้าของข้า ดูเป็นเช่นนั้นหรือเจ้าคะท่านแม่ทัพ”
“ใบหน้าของคุณหนูถึงจะดูเบื่อหน่าย แต่ทว่าก็ยังคงงดงามยิ่งนัก”
อ่ะ...หยอดมาขนาดนี้จะไม่หยอดกลับก็ใช่ที่ ถ้าเป็นเจอกันในผับนี่ต้องมีแลกเบอร์ละนะ
“ท่านแม่ทัพออกศึกต่างเมืองต่างแคว้นมาก็มาก ท่านน่าจะพบเจอสตรีที่งามงดกว่าข้ามากมายเจ้าค่ะ”
"หามิได้...สตรีที่งดงามในสายตาข้ามีเพียงคุณหนูจื่อเพียงเท่านั้น”
ฉันมองท่านแม่ทัพอวี่ด้วยแววตาหยาดเยิ้ม ส่งยิ้มน้อยๆ ให้พร้อมทำท่าเอียงอายไร้เดียงสา
ท่านี้ใช้ตกผู้ชายในผับมานักต่อนัก ผู้ชายยุคโบราณเช่นนี้ จะไปไหนรอด
“มิทราบว่าหลังจบการแข่งเรือ คุณหนูจะพอมีเวลาว่างไปโรงเตี๊ยมหนิงซานกับข้าได้หรือไม่ ที่นั่นอาหารเลิศรสยิ่งนัก”
สารภาพบาปในใจ แอบกรี๊ดตอนนี้เขาพูดว่าชวนไปโรงเตี๊ยม แต่พอจบประโยคก็เข้าใจได้ว่าเขาชวนไปประมาณดินเนอร์แบบนั้น
ไม่ได้ชวนไปนอนด้วย!!
“ท่านแม่ทัพมาชวนข้าเช่นนี้ เป็นเกียรติของข้ายิ่งนักเจ้าค่ะ”
“คุณหนูจื่ออย่ากล่าวเช่นนั้นเลย เป็นโชคดีของข้ามากกว่า”
ฉันส่งยิ้มให้เขาอีกครั้ง
ผู้ชายคนนี้ไม่ได้หล่อเหลาอะไรมากมาย แต่ที่ดึงดูดให้ฉันสนใจเขา คงเป็นท่าทีสุขุม เยือกเย็น แววตาของเขาเเข็งกร้าว แต่ทว่ากลับอ่อนโยนเมื่อมองมาที่ฉัน
“ข้าคงจะต้องกลับไปนั่งที่ก่อน ขอรบกวนคุณหนูจื่อเพียงเท่านี้”
“เจ้าค่ะท่านแม่ทัพ”
เขากลับไปนั่งที่ตัวเองท่ามกลางสายตามากมาย สตรีจำนวนหนึ่งส่งสายตาริษยามาทางฉัน แน่นอนว่าคงมีสตรีไม่น้อยที่จ้องตำแหน่งภริยาท่านแม่ทัพเอาไว้สินะ
จื่อเหว่ยมองไปที่ขบวนเรือสำเภาแต่ก็ต้องสะดุดเมื่อเจอเรือสำเภาลำสีดำแดง มีแววตาไม่พอใจมองมาทางเธออย่างเอาเรื่อง ไอสังหารเบาๆ ถูกส่งมาทางสายตานั้น
ฉันหุบยิ้มแล้วยกมือขึ้นลูบต้นแขนเบาๆ รู้สึกได้ถึงขนหัวที่ลุกเกรียวเลย
นี่ท่านอ๋องอู๋กะจะฆ่าฉันท่ามกลางผู้คนมากมายเลยเหรอเนี่ย!! โหดร้ายยิ่งนัก!!
แม้จะอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย แต่ในสายตาของเขาก็มองเห็นเพียงแต่สตรีชุดม่วงใบหน้างดงามเท่านั้น การแต่งกายของนางในวันนี้ดูประณีตกว่าทุกวัน สีม่วงทำให้นางดูสง่างาม เกินกว่าจะละสายตาไปได้ เขายังคงยืนมองนานทุกอิริยาบถ ตั้งแต่นางก้าวขาเข้ามาในแพ จนถึงตอนที่นางนั่งลง นางอยู่ในสายตาเขามาตลอด
แม้กระทั่งในตอนที่นางส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มให้แม่ทัพอวี่ เขารู้สึกหงุดหงิด ไม่มีแม้แต่สมาธิในการลงแข่งเรือ ถึงแม้การเเข่งเรือในครานี้จะเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีของเขาก็ตาม
ในตอนนี้เขาอยากไปฉุดสตรีหน้าตายผู้นั้นไปขังไว้ในจวน ไม่ให้พบเจอแสงเดือนแสงตะวันอีกเลย!!!
นางกล้าจะทำท่าเอียงอายให้บุรุษผู้อื่น กล้าจะนั่งคุยกับแม่ทัพอวี่อย่างเปิดเผยในที่สาธารณชนเช่นนั้น ไม่รู้หรือว่าผู้อื่นจะเอาไปพูดเช่นไร
ยังจะเสด็จพี่จวิ๋นอีก สายตาของเขามองมาที่นางด้วยท่าทีที่แปลกไป จนเขาเองอดเป็นห่วงนางไม่ได้
ถ้าหากเสด็จพี่จวิ๋นคิดปันใจให้นาง นางจะกลับไปหาเสด็จพี่รึเปล่านะ
“เรือพร้อมแล้วขอรับท่านอ๋อง”
เขาพยักหน้าให้เซียวอี้ แล้วสลัดทิ้งทุกเรื่องในหัวทิ้งไป คนบนเรือ ทหารของเขาทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อการแข่งคราวนี้มากแค่ไหนเขารู้แก่ใจ
ไว้จบการแข่งขันคราวนี้เขาค่อยไปคิดบัญชีกับนางก็ยังไม่สาย!!!!