7.ขายหน้า
หลังจากวิ่งมาได้สักพักหนึ่ง ฉันก็หาทางออกจากจวนท่านอ๋องอู๋ไม่เจอจ้า อะไรจะกว้างใหญ่ไพศาลขนาดนี้กันนะ!!!
ตำหนักน้อยใหญ่มีเป็นร้อยๆ หลัง คงจะเตรียมไว้ให้สนมเป็นแน่นอน แต่ละหลังตกแต่งด้วยความปรานีต สวยงาม แม้ยังไม่มีคนอยู่ แต่ก็ได้รับการดูแลทำความสะอาดเป็นอย่างดี บ่งบอกถึงการเอาใจใส่ของพ่อบ้านท่านอ๋องยิ่งนัก
จื่อเหว่ยวิ่งมาเรื่อยๆ ก็มาเจอสระน้ำ ด้านหลังเป็นป่าไผ่ที่สงบและร่มเย็น มีสตรีวัยกลางคนหน้าตายังคงความงดงาม เดินกวาดใบไม้อยู่เบื้องหน้า
“ท่านป้าเจ้าคะ ทางออกจากจวนท่านอ๋องอู๋ไปทางไหนงั้นหรือเจ้าคะ”
สตรีวัยกลางคนเงยหน้าขึ้นมามองเธอ พร้อมส่งยิ้มให้ด้วยท่าทีอ่อนโยน
“แม่นางท่านนี้วิ่งมาผิดทางแล้วจ้ะ ตรงเดินไปเรื่อยๆ ทางทิศตะวันออกก็จะเจอประตูทางออกด้านข้าง..."
ฉันเดินไปนั่งลงบนแคร่ไม้ไผ่
“ขอบคุณท่านป้ามากเจ้าค่ะ”
ถาดกาน้ำชาถูกยกมาวางบนโต๊ะ
“วิ่งมาเหนื่อยๆ ดื่มน้ำชาก่อนนะ"
ฉันส่งยิ้มให้สตรีตรงหน้าอย่างดีใจ ท่าทางของสตรีท่านนี้ดูอ่อนโยนยิ่งนัก ความงามที่ใบหน้านั้นอีก แม้บนศีรษะจะปรากฏร่องรอยของเส้นผมสีขาวแล้ว แต่ความงามและความอ่อนเยาว์บนใบหน้ายังคงอยู่
“ไม่ทราบว่าเจ้าวิ่งหนีสิ่งใดมางั้นหรือ?"
“เอ่อ...มีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยเจ้าค่ะ”
หญิงชราผู้นั้นหัวเราะชอบใจ
“เหลียงเออร์ไม่น่าจะใช่บุรุษที่ลักพาตัวสตรีมานะ”
เหลียงเออร์งั้นหรือ.....
เรียกสนิทสนมเช่นนี้..ต้องเป็นแม่ท่านอ๋องอู๋เป็นแน่
แม่ท่านอ๋อง = อดีตฮองเฮา
อดีตฮองเฮา...ต้องเรียกว่ายังไงกันวะเนี่ย!!
ราวกับว่าหญิงชรามองเห็นร่องรอยความประหม่าของเธอ
“ข้านั้นเป็นเพียงสตรีธรรมดา ไม่ต้องมีพิธีรีตองอันใดหรอกนะ"
“...เอ่อ หม่อมฉันเสียมารยาทแล้วเพคะ”
“ข้าบอกว่าให้เรียกท่านป้าเถอะ..หรือจะเรียกท่านแม่ก็ได้นะ”
“มิบังอาจเจ้าค่ะ ท่านป้า แหะๆ”
“เจ้าช่างเป็นสตรีที่แสดงทุกอย่างออกมาทางสีหน้าจริงๆ ข้าเห็นเจ้าแล้วอดนึกถึงตัวเองตอนเป็นอายุเท่าเจ้าไม่ได้”
การแก่งแย่งชิงดีกันในหมู่สตรีของฮ่องเต้ ไม่ว่าดูหนังหรือละครมากี่เรื่อง ต่างก็ดุเดือดทั้งนั้น สตรีทุกนางต่างก็อยากเป็นที่รักของสามี ต้องมองสตรีที่ใช้บุรุษร่วมกันแบบนั้น...เป็นใครก็คงจะทุกข์ใจมากทีเดียว
“ท่าทางเห็นอกเห็นใจข้าเช่นนั้น เจ้าทำให้ข้าไม่สบายใจนะ”
“หม่มอฉันมิได้มีเจตนาล่วงเกินนะเพคะ..”
“ข้ามีความสุขดีแล้ว...ที่ได้ออกมาจากวังวนเช่นนั้น ได้ใช้ชีวิตบั้นปลายที่สงบสุข จะมีความสุขกว่านี้ถ้าเหลียงเออร์ได้มีหวังเฟยเสียที”
หญิงชรามองมาที่ฉันด้วยท่าทางยิ้มกริ่ม ทำเอาฉันต้องส่งยิ้มแห้งๆ กลับไป
“ท่านอ๋องเพียบพร้อมในทุกด้านเช่นนี้ หม่อมฉันคิดว่าคงมีสตรีมากมายพร้อมแย่งชิงตำแหน่งหวังเฟยเป็นแน่เจ้าเพคะ"
"เหลียงเออร์มิเคยพาสตรีใดเข้าจวนมาก่อนเลยนะ..เจ้าคือคนแรก”
“เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันเจ้าเพคะ เข้าใจผิด....จริงๆ”
เธอส่งยิ้มแห้งๆ ให้กับหญิงชราอีกครั้ง
เรื่องเขาหล่อฉันไม่เถียง เรื่องบนเตียงอันนี้จำไม่ได้ แต่เรื่องที่เขาเป็นอ๋องนี่แหละ มันยุ่งยากเกินกว่าจะยอมได้ ฉันที่โหยหาอิสระ ต้องมาถูกขังในกรงทองด้วยกฎระเบียบต่างๆ .....ไม่ไหว ไม่ไหวแน่นอน
หญิงชราตรงหน้ายกมือขึ้นมาจับมือจื่อเหว่ยเอาไว้
“เจ้ายังไม่รู้จักเหลียงเออร์ดี...เขาไม่มีวันมีสนมหรืออนุเด็ดขาด ส่วนเรื่องกฎระเบียบในจวน เจ้าวางใจได้เลย ตระกูลจื่อเป็นเช่นใด จวนแห่งนี้ก็เป็นเช่นนั้น”
เธอมองไปที่ใบหน้างดงามของหญิงตรงหน้าอีกครั้ง การที่ฉันมาเจอแม่ของท่านอ๋องเช่นนี้คงจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญอีกแล้วละมั้ง...
“ข้าไม่อยากบังคับใจเจ้าหรอก แค่อยากให้เจ้าลองเปิดใจดู ซู่ซู่ไปส่งคุณหนูจื่อกลับจวนด้วย”
เธอลุกขึ้นคำนับสตรีเบื้องหน้าแล้วส่งยิ้มจางๆ เพื่อเป็นการขอบคุณ
กลับจวนไปคราวนี้...คงต้องศึกษาเกี่ยวกับจวนอ๋องต่างๆ ให้ดีเสียแล้ว เรื่องบังเอิญไม่ควรเกิดขึ้นเกินวันละหนึ่งเรื่อง
ไม่อย่างนั้นมันจะไม่เรียกว่าเรื่องบังเอิญ แต่จะเรียกว่าเป็น...แผนการ
“เสด็จแม่เหตุใดพระองค์ถึงต้องมาดักเจอนางด้วยเล่า...”
“วางใจเถอะเหลียงเออร์...หลังจากวันนี้ไป นางจะต้องหันมาสนใจเจ้าเป็นแน่”
“ข้าเกรงว่าท่านคงจะเข้าใจผิด ข้าเข้าหานางเพราะข้าสนใจนาง มิได้สนใจตระกูลจื่อ!!!”
“หึ!! เจ้าจะสนใจสิ่งใดก็อีกเรื่องแต่ผลพลอยได้คือได้ตระกูลจื่อมาเป็นพวกย่อมดียิ่ง”
“ข้ามิคิดจะร่วมแย่งชิงอำนาจหรอกนะขอรับเสด็จแม่...ไม่มีทาง”
“เจ้า!!!เหลียงเออร์เจ้าจะไม่ฟังแม่ใช่หรือไม่!!!”
ท่านอ๋องอู๋เลือกที่จะเดินออกมาดีกว่าจะอยู่เถียงกับพระมารดา
เขาเข้าใจเสด็จแม่เป็นอย่างดี เข้าใจสตรีที่สูงส่งที่สุดในวังหลวง แต่บุตรชายกลับมิได้ขึ้นครองราชย์ ผู้ที่ได้นั่งบัลลังก์มังกรกลับเป็นเพียงแค่บุตรของกุ้ยเฟย
ความอดสูทำให้พระมารดาเลือกจะเดินออกมาจากวังวนแห่งนั้น ความเจ็บแค้นทำให้พระมารดาต้องการให้เขาไปแย่งชิงอำนาจกับพี่น้อง ต้องการให้เขาทวงคืนความยุติธรรมให้ตัวเอง
หากแต่เขามิได้ต้องการ...อำนาจหรือบัลลังก์มังกรนั่น
เขาอยู่เช่นนี้ มันมีความสุขดีแล้ว
........
พอถึงเรือสำเภาเท่านั้นแหละ!!! อิงเถาก็บ่นไม่หยุดปาก...
สาวใช้ตัวอ้วนนั่น มีพลังบ่นที่เกินคาดมากๆ เลยทีเดียว!!!
“ข้ารู้แล้วๆ ต่อไปจะไม่ทำอีกแล้ว”
“คุณหนูรู้หรือไม่เจ้าคะ...บ่าวกลัวนายท่านจะรู้เรื่องยิ่งนัก ถ้านายท่านทราบบ่าวจะต้องโดนโบยจนตายเป็นแน่”
“ข้าบอกแล้วไงว่าข้าทำเอง ข้าจะยอมรับเอง ท่านพ่อจะโบยเจ้าได้เช่นไรกัน”
“บ่าวจะยอมให้คุณหนูกล่าวเช่นนั้นได้อย่างไรเจ้าคะ”
“เจ้านี่ช่างเอาใจยากยิ่ง...เหมือน...”
เหมือนบุรุษหน้าสวยผู้นั้น...อ่า...ไม่ควรจะมาคิดถึงเขาอีกเลยด้วยซ้ำ!!! ท่านอ๋องอู๋เหลียงน่ะ
“คิดสิ่งใดอยู่เพคะ”
“ไม่มี...ไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น”
อิงเถายื่นเเขนมาจับมือฉัน ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ
“โล่งอก...แต้มพรหมจรรย์ยังอยู่ เมื่อคืนคุณหนูปลอดภัยไร้รอยขีดข่วนใช่ไหมเจ้าคะ”
แต้มพรหมจรรย์ยังอยู่....เมื่อคืนเธอยัง...ไม่ได้โดนท่านอ๋องทำอะไรงั้นเรอะ!!!
แล้วที่ฉันพูดอะไรแปลกๆ ออกไปเขาจะคิดยังไงกันเนี่ย!!!!.....โอ๊ย!!!
น่าขายหน้าชะมัดเลย!!!