4.แผนการ 1
“แล้วในสายตาของคุณหนูจื่อ ข้าเป็นบุรุษเช่นใดรือ”
ใบหน้าที่งดงามยกยิ้มขึ้นมาพร้อมกับเปล่งเสียงหึในลำคอ แพขนตายาวของนางจ้องมองใบยังใบหน้าที่ถูกใจของบุรุษเบื้องหน้าอีกครั้ง
“เจ้าช่าง...เป็นบุรุษที่งดงามยิ่ง”
ความงามลึกล้ำที่ไม่อาจหาได้จากบุรุษผู้ใดในใต้หล้า
จื่อเหว่ยยกมือขึ้นไปจับบนคางมน ใบหน้าของบุรุษผู้นี้มิมีตรงไหนที่เป็นจุดบกพร่องเลยแม้แต่น้อย งดงามจนสตรีต้องกระดากอาย ดวงตาหงส์คู่นั้นดูเย้ายวน ชวนให้ต้องหยุดมอง ริมฝีปากแดงนั่นอีกช่างน่าจับกดจูบยิ่ง!!!
พอพูดจบจื่อเหว่ยก็ยกสุราผลไม้ขึ้นดื่มอีกครั้ง อึกแล้วอึกเล่าที่ความหวานของสุราไหลลงไปในคอ
“หอวสันต์นี่คิดค่าไถ่ตัวเจ้าเท่าไหร่งั้นหรือ พี่สาวจะพาเจ้าออกไปเอง”
เขาระเบิดหัวเราะออกมา แล้วมองมาทางนาง ก่อนจะหัวเราะอีกรอบ
“อิงเถาไปตามเจ้าของหอวสันต์มา!!”
“คุณหนู..คือ....”
“รีบไปอิงเถาก่อนที่ข้าจะโมโห”
น้ำเสียงของจื่อเหว่ยนั้นต่ำลง อารมณ์คุกรุ่นได้เกิดขึ้นมาในใจเมื่อสาวใช้ตัวน้อยทำท่าว่าจะไม่กระทำตามที่นางต้องการ
และถึงแม้ในใจอยากจะกล่าวห้ามมากแค่ไหนแต่สาวใช้ตัวอ้วนก็มิกล้าขัดใจคุณหนูจื่อแม้แต่น้อย
หลังจากที่อิงเถาออกไปตามเจ้าของร้าน บุรุษตรงหน้าก็ลุกขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ตัวเดียวกับจื่อเหว่ย เขายื่นมือมาจับดวงหน้าอันเย้ายวนของนาง ก่อนจะส่งยิ้มให้
“แล้วในสายตาของเจ้า ข้าเป็นสตรีเช่นใด..”
นางเอ่ยถามให้ขณะที่บุรุษตรงหน้าถือวิสาสะดึงตัวของเธอเข้าไปกอด
“เป็นสตรีที่มิมีสิ่งใดนำมาเปรียบเทียบกับความงามของท่านได้”
“เช่นนั้นเจ้าจะกลับไปกับข้าไหม”
เขาก้มหน้าลงจุมพิตที่หน้าของเธออย่างแผ่วเบา
“หากคุณหนูจื่ออนุญาต ข้าย่อมยินดีจะตามไป”
“เช่นนั้นท่านจูบข้าได้หรือไม่....”
“ย่อมได...”
“ท่านอ๋องอู๋!!!!! กระหม่อมสมควรตาย”
เจ้าของร้านรีบวิ่งกระวีกระวาดมาคุกเข่าต่อหน้าบุรุษรูปงามผู้นั้น
“ว่าไงท่านอี้หลง ค่าตัวเขาคนนี้....”
ตุบ!!
คุณหนูจื่อกล่าวยังไม่ทันจบร่างนางก็ล้มลง ดีที่บุรุษรูปงามรับนางไว้ทัน
“เรื่องวันนี้อย่าคิดแพร่งพราย..”
“ขอรับท่านอ๋อง”
“ออกไป!!”
อี้หลงเจ้าของหอวสันต์กิ่งเดินกิ่งวิ่งออกจากห้องไป เขารู้สึกดีใจไม่น้อยที่คอของเขายังอยู่บนบ่า การจะรับมือบุรุษสูงศักดิ์ผู้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
“เอ่อ...ทะ..ท่านอ๋องอย่าถือสาหาความคุณหนูเลยนะเพคะ คุณหนูดื่มเหล้าหมักผลไม้ไปทำให้ เอ่อ..ทำให้..ละ..ละ..ล่วง”
“พรุ่งนี้ข้าจะส่งนางกลับจวนเองไปรายงานท่านเสนาบดีเถิด”
ท่านอ๋องอู๋กล่าวจบก็อุ้มคุณหนูจื่อเดินไปขึ้นรถม้าที่หลังร้านหอวสันต์
“กล่าวสิ่งใดไว้..ก็รับผิดชอบคำพูดด้วยนะคุณหนูจื่อ..”
..........
ดวงตาหงส์มองไปยังเรือสำเภาลำที่จวนเขาจองไว้ ไม่รู้เป็นเพราะความบังเอิญหรือเพราะสิ่งใด ถึงได้มีสตรีใบหน้างามงดนั่งจิบชาบนเรือลำเภาลำนั้น ใช่ว่าเขาจะมิเคยเห็นใบหน้านาง เรื่องความงดงามเขานั้นยอมรับตามคำร่ำลือว่าสตรีนางงดงามมากจริงๆ
เพียงแต่วันนี้นางช่างดูแปลกตา
วันนี้นางมิได้ดูอ่อนหวานและน่าทะนุถนอมเช่นเคย แต่นางกลับดูงดงามดุจนางพญาเหยี่ยว นิ้วมือเรียวยาวนั้นถูกยกขึ้นมาเท้าคางคล้ายเบื่อหน่ายกับเรื่องตรงหน้าเต็มทน
อาภรณ์สีแดงที่นางใส่มา ดันบังเอิญตรงกับสีทีมของเขา
เขามิกล้าแม้แต่จะคิด ว่านางจะมาเพราะว่าพิศวาสใดๆ ในตัวเขา เพราะธรรมเนียมของงานเเข่งเรือ สตรีเมื่อจะเลือกข้างลงเดิมพันทีมใด ก็จะใส่อาภรณ์สีเดียวกับใบเรือทีมนั้นๆ
สตรีส่วนใหญ่จึงสวมใส่แต่อาภรณ์เพียงสองสี คือสีชมพูทีมของเสนาบดีฝั่งซ้าย และสีฟ้าทีมแม่ทัพซั่งกวน เขายังมิเห็นสตรีใด ใส่อาภรณ์สีแดงมาในงานแข่งเรือมาก่อนเลย
นางคือสตรีนางแรก! และเมื่อมองใบหน้านางเขาก็ยกยิ้มและเลือกที่จะเข้าไปพูดคุยกับนาง
ในวันแรกๆ การคัดเลือกผู้เข้ารอบมิได้ทำให้เขาเหน็ดเหนื่อยสักเท่าไหร่ จากเรือห้าสิบลำ คัดเหลือเรือยี่สิบลำ เพื่อไปลงแข่งขันในวันพรุ่งนี้
องครักษ์เงามารายงานเรื่องหินถล่ม ดูเช่นใดก็ไม่มีทางเป็นเรื่องบังเอิญแน่นอน ภูเขาหินนั้นเป็นไปได้ยากยิ่งที่อยู่ๆ จะถล่มลงมาเองโดยที่ไม่มีฝนตก จะต้องมีคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้อย่างแน่นอน
“ส่งองครักษ์เงาส่วนหนึ่งไปคุ้มครองคุณหนูจื่อด้วย”
“ขอรับท่านอ๋อง”
“เซียวอี้จับตาดูเสนาบดีจางด้วย จางหย่งผู้นี้อันตรายยิ่งนัก”
การแย่งชิงอำนาจในวังหลวงเป็นสิ่งที่เขารู้ดี..รู้ดีกว่าใคร ตำแหน่งองค์รัชทายาทยังว่าง ท่านพี่หวงตี้ยังมิมีพระราชโอรสสักพระองค์ เป็นเรื่องธรรมดาที่บรรดาพี่น้องของเขาจะทำสงครามประสาทแย่งชิงอำนาจกัน
เขาเป็นเพียงคนเดียวที่มิต้องการสิ่งที่ทุกคนกำลังไขว่คว้า ชื่อของอ๋องอู๋เหลียงรักสันโดษมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เขาไม่ยุ่งวุ่นวายกับใคร แต่ใครอย่ามาหาเรื่องเขาก่อนแล้วกัน
เขามองไปนอกหน้าต่างของโรงเตี๊ยม ที่ต้องมาพักที่นี่เพราะเขามิต้องการให้ชื่อเสียงของคุณหนูจื่อเสียหาย เพียงนางใส่อาภรณ์สีแดง แค่นั้นผู้คนก็คงเอานางไปพูดกันสนุกปากมากพอแล้ว
ถึงนั่นจะทำให้คุณหนูจื่อดูไม่ดีในสายตาผู้อื่นแต่กลับทำให้เขาอารมณ์ดียิ่งนัก
เขายกยิ้มที่มุมปาก แล้วหยิบหมวกปิดบังใบหน้าขึ้นมาใส่ เขาน่าจะแอบไปดูนางเสียหน่อย..
เมื่อแอบลักลอบขึ้นเรือสำเภา อันที่จริงจะเรียกลักลอบก็เรียกไม่เต็มปากนัก เพราะคนที่เฝ้าอยู่ล้วนเป็นคนของเขาทั้งสิ้น เขาเดินไปยังหน้าต่างของห้องนอนของนาง ในความคิดนางจะต้องนั่งปักผ้า หรือเย็บถุงหอมอยู่เป็นแน่
แต่สิ่งที่เขาได้ยินกลับทำให้เขายืนค้างอยู่ตรงนั้นถึงหนึ่งก้านธูป
สตรีนางนั้น สตรีหน้าตายผู้นั้น นางกำลังจะไปที่หอวสันต์!!!