3.ถูกใจ
หลังจากได้พูดคุยกับเจ้าของเรือสำเภานี้ก็ได้ความว่า ในเมืองหลวงนี้ มีหอคิมหันต์สำหรับบุรุษที่ไปหาความสำราญกับสตรีงาม แล้วยังมีหอวสันต์ที่มีชายงามไว้บริการสตรี
แค่คิด...หัวใจก็กระชุ่มกระชวยแปลกๆ แล้วแฮะ
“คุณหนู...ถ้านายท่านรู้ เอ่อ..บ่าวต้องโดนโบยแน่ๆ เจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นเจ้ารออยู่ที่นี่ข้าจะไปคนเดียวเอง”
“แบบนั้นยิ่งไม่ได้ใหญ่เลยคุณหนู บ่าวจะให้คุณหนูไปคนเดียวได้อย่างไรเจ้าคะ”
จื่อเหว่ยมองใบหน้าตัวเองในกระจกอีกครั้ง เพื่อตรวจความเรียบร้อย วันนี้เธอชุดในชุดเรียบๆ สีน้ำเงินเข้มดูให้ความรู้สึกสง่าและน่าเกรงขามไม่น้อย เธอหยิบชาดขึ้นมาทาที่แก้มแล้วยกปิ่นหยกขึ้นมาปักบนมวยผม
“อิงเถา..วางใจเถอะน่า ถึงท่านพ่อจะทราบก็มิกล้าโบยเจ้าหรอก เรื่องนี้ข้าจะออกหน้ารับแทนเจ้าเอง”
“แต่ว่า...คุณหนู สถานที่เช่นนั้นไม่เหมาะกับคุณหนูผู้สูงส่งของอิงเถาหรอกเจ้าคะ คุณหนูคิดอีกทีเถิดนะเจ้าคะ”
“นานๆ ข้าจะได้ออกจากจวน ไปเที่ยวชมเพียงครู่คงมิเสียหายอะไรหรอก”
สาวใช้ร่างท้วมมีความลังเลเล็กน้อย
“ครู่เดียวนะเจ้าคะ”
จื่อเหว่ยยกยิ้มขึ้นมา
“อืม..ครู่เดียวเท่านั้น..”
เธอยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ให้อิงเถา นางมองมาที่จื่อเหว่ยด้วยสายตาที่ไม่ไว้วางใจ จนเธออดขำในท่าทางนางไม่ได้ ถึงนางจะขี้บ่นไปหน่อยแต่แววตาที่นางมองมาที่เธอ มันเต็มไปด้วยความรักและความเป็นห่วง อิงเถาคนนี้คงจะรักคุณหนูจื่อคนเก่ามากเลยสินะ
“คุณหนูรอบ่าวบนรถม้านะเจ้าคะ บ่าวไปหยิบตั๋วเงินก่อน”
“ได้สิ..เอาไปเยอะๆนะ ข้าอยากได้ของหลายสิ่งอยู่”
อิงเถายิ้มรับ พร้อมกับเดินไปหยิบตั๋วเงิน
สองข้างทางประดับประดาด้วยโคมไฟหลากหลายสี ดวงจันทร์ลอยเด่นบนท้องนภาจนมองไม่เห็นดาวสักดวง ฉันเปิดหน้าต่างรถม้าก็พบกับบุรุษและสตรีมากมายควงคู่กันเดินเลือกซื้อของ ทิวทัศน์ที่งดงามเช่นนี้หากมากับบุรุษรูปงามสักคนคงจะดีไม่น้อย เบื้องหน้าคือหอคิมหันต์ สตรีใส่ชุดหลากสีมายืนหน้าร้านเรียกบุรุษที่เดินผ่านไปมากันอย่างสนุกสนาน
“อิงเถาบอกให้รถม้าจอดตรงนี้เถิด”
“เจ้าค่ะคุณหนู"
เธฮเดินลงจากรถม้า หน้าหอคิมหันต์สตรีที่เรียกแขกอยู่ต่างทำหน้าไม่พึงพอใจ บุรุษที่เดินผ่านไปมาต่างจับจ้องที่ดวงหน้างามของจื่อเหว่ยอย่างหลงใหล
ความงามที่เรียกได้ว่ามีทั้งความอ่อนหวานและความเย้ายวนใจในเวลาเดียวกัน ดวงตากลมโตดั่งอัญมณีน้ำงาม จมูกโด่งเป็นสัน แก้มทั้งสองข้างเปล่งปลั่งขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อ ริมฝีปากเชิดรั้นขึ้นมารับกับจมูกได้เป็นอย่างดี ผิวกายขาวนวลราวกับหยกมันแพะ
สตรีผู้นี้...เรียกได้ว่างดงามจับสายตาจริงๆ
จื่อเหว่ยคนโง่ ใบหน้าเช่นเจ้าหาบุรุษรูปงามหรือร่ำรวยกว่าอ๋องจวิ๋นได้มากโข เห็นใดจึงคิดกินยาพิษกัน แต่ไม่เป็นไร ข้าคนนี้จะใช้ความงามนี้ให้คุ้มค่าเอง
“อิงเถาเจ้าเดินไปซื้อปิ่นปักผมให้ข้าซักสิบอัน อย่าให้แบบซ้ำกันนะ”
“ได้เจ้าค่ะคุณหนู คุณหนูจะไปรอบ่าวที่ใดเพคะ”
“หอวสันต์...”
“คุณหนู!!..”
เธอมองหน้าอิงเถาแล้วเดินไปด้านหน้าถัดจากหอคิมหันต์ไปนั่นก็คือหอวสันต์ บรรยากาศไม่ต่างจากหอคิมหันต์สักเท่าไหร่ บุรุษหน้าตาหล่อเหลา ใส่เสื้อเปลือยอกด้านหน้า มายืนต้อนรับ เพียงแค่เธอเดินเข้าไปบุรุษมากมายเหล่านั้นก็รีบวิ่งมาต้อนรับ
“ท่านหญิงเชิญด้านในก่อนขอรับ ให้โอกาสข้าน้อยได้รับใช้ปรนนิบัติท่านเถิด”
จื่อเหว่ยส่งยิ้มให้บุรุษคนแรก ถึงจะหล่อแต่หน้าเถื่อนดิบเช่นนี้ก็ไม่ใช่แนวที่เธอชอบเลย
“ใครเป็นเจ้าของที่นี่ ไปเรียกเขามาพบข้าสิ”
“ขอรับท่านหญิง”
บุรุษอีกคนพาเธอขึ้นมาบนห้องชั้นสอง ที่สามารถมองลงไปเห็นเวทีเล็กด้านล่างได้อย่งชัดเจน
“ห้องนี้ถือเป็นห้องที่ดีที่สุดของหอวสันต์ของเราแล้วครับท่านหญิง อีกสักครู่จะมีการบรรเลงกู่เจิง และผีผา ส่วนนี่เป็นสุราผลไม้ที่หมักกับน้ำค้าง ขอให้ท่านหญิงมีค่ำคืนที่งดงามในหอวสันต์นะครับ”
ฉันยกเหล้าผลไม้ขึ้นดื่ม เพียงอึกเดียวที่กลืนลงไปให้รสหวานชุ่มคอ กลิ่นหอมอ่อนๆ ของเหล้านี้ยังคงติดอยู่ปลายจมูก
“เลิศรสยิ่ง!!”
“หากถูกปากท่านหญิงข้าน้อยจะไปนำมาให้อีกนะขอรับ”
เธอพยักหน้าให้หนุ่มน้อยที่มีใบหน้าดุอ่อนโยน เขารีบออกไปเอาไหสุรามาให้เธอ จู่ๆ ด้านล่างก็มีเสียงตบมือก็ดังขึ้นมาเพื่อเรียกความสนใจของเธอ
มีบุรุษรูปงามเดินขึ้นไปบนเวที คนหนึ่งบรรเลงผีผา อีกคนฟ้อนกระบี่
มันราวกับว่าสายตาของเธอถูกชายผู้นั้นตรึงเอาไว้ เธอวางจอกเหล้าในมือลงบนโต๊ะ พร้อมกับขยับไปที่ระเบียงเพื่อจะได้มองเขาให้จัดเจนยิ่งขึ้นกว่านี้...
งดงาม ใบหน้าของบุรุษที่ฟ้องกระบี่นั้นงดงามยิ่งนัก!!
ทุกท่วงท่าที่เขาชี้กระบี่ออกไป ราวกับกระชากวิญญาณของผู้รับชมออกไปด้วย ดวงหน้าที่งามล้ำเลิศยิ่งกว่าสตรี ริมฝีปากได้รูปนั้นกำลังยกยิ้ม ดวงตาที่คมราวกับพญาเหยี่ยวกำลังจ้องมาที่เธอ
ชั่วขณะหนึ่งดวงตาของเรามองสบตากัน หัวใจพลันแตงแรงอย่างห้ามไม่ได้
เธอหรี่ตาลงเล็กน้อย พร้อมกับส่งยิ้มที่แสนหวานล้ำกลับไปให้เขา
“มาแล้วขอรับนายหญิง”
จื่อเหว่ยละสายตาจากบุรุษรูปงาม แล้วมองไปที่หนุ่มน้อยที่ยกสุรามาอีกหลายไห
“ไปตามเขามาให้ข้า”
เธอชี้นิ้วไปที่บุรุษที่กำลังฟ้อนกระบี่พร้อมกับยกไหสุราขึ้นมากรอกปาก....ตอนนี้ลืมเรื่องมารยาทไปได้เลย...อันที่จริงเธอละทิ้งคำว่าการเป็นคุณหนูไปตั้งแต่เดินเข้ามาที่นี่แล้ว
“ข้าน้อยไปตามให้ได้ แต่มิกล้ารับปากว่าเขาจะมาหรือไม่ขอรับ”
“ถ้าเป็นเรื่องค่าตัวของเขา ข้ายินดีจ่ายให้ไม่อั้น”
“มิใช่เรื่องนั้นขอรับ แต่เป็นเพราะว่าชายผู้นี้มิเคยรับแขกเลย เขามาเพื่อโชว์ขายศิลป์มิได้ขายเรือนร่าง”
ดูการแต่งตัวเสื้อผ้าที่เขาใส่ ก็เป็นผ้าไหมชั้นเลิศ ผิวกายขาวดั่งหยกและมือที่เรียวยาวนั้น บ่งบอกได้ว่าบุรุษผู้นี้มิได้ทำงานที่ลำบากตรากตรำเลย
หากมีบุญวาสนาต่อกัน หวังว่าเขาจะยอมมาหาข้านะ
“คุณหนู ข้ามาแล้วเจ้าค่ะ”
เสียงประตูเปิดพร้อมสาวใช้ร่างท้วม นางหอบห่อกระดาษมากมายในอ้อมอก คงจะเป็นปิ่นที่ใช้ให้ไปซื้อสินะ
“เรากลับกันได้หรือยังเจ้าคะ..นี่คุณหนูดื่มสุราด้วยหรือเจ้าคะ!!!”
จื่อเหว่ยหัวเราะแล้วส่งยิ้มให้อิงเถา ก่อนจะยกไปสุราขึ้นดื่มอีกครั้ง
“ตายแล้วคุณหนู!!!”
อิงเถาทำหน้าราวจะเป็นลมเสียให้ได้ เหตุใดคุณหนูจื่อวันนี้ถึงไม่เหมือนคุณหนูที่นางรู้จัก
จื่อเหว่ยคุณหนูของนางเป็นสตรีที่เพียบพร้อมทั้งใบหน้าและกริยาทั้งแปดประการ
แต่ว่าคุณหนูของนางในวันนี้กลับ....เอ่อ...หรือจะเป็นเพราะยาพิษที่คุณหนูกินเข้าไป
เสียงประตูถูกเปิดออกขัดขวางความคิดของอิงเถา บุรุษรูปงามเดินเข้ามาด้านในห้องด้วยรอยยิ้ม
คุณหนูของนางวางไหสุราลง แล้วส่งยิ้มให้กับบุรุษที่เดินเข้ามาใหม่
ส่วนชายนั้นเดินเข้าไปจับมือคุณหนูแล้วจุมพิตหลังฝ่ามือเบาๆ
รูปงาม...งามจนแทบลืมหายใจ ใบหน้าของบุรุษผู้นี้ทำให้สตรีเช่นนางอับอายยิ่งนัก!!!
จื่อเหว่ยมองตาของบุรุษรูปงามตรงหน้าเขายังคงจับมือเธอไว้ไม่ปล่อย
“ข้านึกว่าเจ้า...จะมิยอมมาเสียอีก”
“...หากเป็นสตรีผู้อื่นข้าย่อมไม่มีทางมา”
“เจ้ากล่าวเช่นนี้กับสตรีทุกนางหรือเลยรึเปล่า”
เขายกยิ้มแล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามกับเธอ
“เจ้ารูปงามเช่นนี้..เพียงแค่สบตาสตรีก็คงจักยินยอมเจ้ามิขาด..บุรุษในหอวสันต์แห่งนี้คงจักมีวิธีรับแขกที่แตกต่างกันตามแบบของตัวเองสินะ”
เขายังคงส่งยิ้มให้เธอ เป็นรอยยิ้มที่ราวกับว่าเขากำลังพบเจอเรื่องสนุก