2.พบพานเพียงครั้ง
เสียงกลองดันขึ้นเพื่อเป็นสัญญาณว่าการแข่งเรือสำเภาได้เริ่มต้นแล้ว แต่ละทีมแต่ละฝั่งก็นำเรือของตัวเองมาประจำที่
เรือสำเภาแต่ละลำก็ตกแต่ง แตกต่างกันไป ใบเรือวาดเป็นรูปต่างๆ บ้างก็เป็นสิงโต เสือ รูปพระอาทิตย์ หรือนี่อาจจะเป็นสัญลักษณ์ของแต่ละทีมก็เป็นได้
แต่เรือที่สะดุดตาที่สุดคงเป็นเรือที่แดง พร้อมบุรุษชุดแดงบนเรือ ที่แต่ละคนล้วนแล้วแต่หล่อเหลาทั้งสิ้น
อันที่จริงสมัยเธอเป็นถิงถิง เรื่องซื้อบริการผู้ชายเป็นเรื่องธรรมดามาก ยิ่งทำงานเครียดยิ่งต้องการปลดปล่อย เรื่องบนเตียงในมุมมองของเธอแล้วถือเป็นของหวานหลังอาหารเย็นก็ว่าได้ ไม่ต้องกินก็ได้ แต่ถ้ามีให้กินก็ดีไป
นิ้วมือเรียวยาวค่อยๆ ถกแขนเสื้อดู มีแต้มสีแดงแปร๊ดที่แขนยังคงเด่นชัด คุณหนูจื่อเหว่ยยังคงเป็นสาวพรหมจรรย์อย่างไม่ต้องเดา
เสียงตีกลองดังขึ้นจนทำเอาตัวเธอสะดุ้ง เรือสำเภาลำสีแดงมาจอดเทียบกับเรือสำเภาที่จื่อเหว่ยกำลังนั่งอยู่ บุรุษในชุดสีแดงขลิบดำ สวมหมวกปิดบังใบหน้ากระโดดมาขึ้นเรือ เขาเดินมาทางที่เธอนั่งอยู่ก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะข้างๆ มีบุรุษรับใช้เทน้ำชาให้เขาสองแก้ว เขายกแก้วหนึ่งขึ้นดื่ม อีกแก้วยื่นมาทางให้เธอ
ถึงไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่ดูจากการที่ทุกคนบนเรือนี้ก้มหน้าให้เขาอย่างนอบน้อม...แสดงว่าฐานะและยศศักดิ์ของเขาคงจะยิ่งใหญ่ไม่น้อย การปฏิเสธสัมพันธไมตรีที่เขาหยิบยื่นให้ นั่นถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่สู้ดีนัก
เธอเลือกที่จะปั้นรอยยิ้มที่แสนงดงามขึ้นมา แล้วยื่นมือไปรับอย่างอ่อนน้อม
“มิทราบว่าคุณหนูจื่อสวมชุดแดงมาเพื่อลงเดิมพันเรือของข้าใช้หรือไม่”
อ๋อไม่เลยจ้า...ไม่เลย บังเอิญล้วนๆ ตั้งใจไม่ให้ใส่ชุดมาซ้ำกับสตรี ดันมาใส่ชุดซ้ำกับบุรุษเสียนี่!!!
“เรือของท่านล้วนใช้ไม้ที่ดี แถมมีไม้พวกนั้นยังมีน้ำหนักเบา ใบเรือใช้หนังแทนผ้าธรรมดา ทำให้คล่องตัวและกำหนดทิศทางลมได้ง่าย ชัยชนะในครานี้ล้วนมิเกินมือท่านอย่างแน่นอน”
เขาวางแก้วน้ำชาลง แล้วยกมือขึ้นมาเชยคางของเธอให้เงยขึ้น แน่นอนว่าคนบนฝั่งไม่มีใครเห็นการกระทำที่ดูจะเกินเลยนี้ เพราะเรือสำเภาเขาจอดบังอยู่
“ท่านคงมิได้มาดื่มชากับข้า เพราะข้าสวมชุดแดงใช่ไหมเจ้าคะ?"
เขาส่งเสียงหึออกจากลำคอ แล้วปล่อยมือจากใบหน้าอันงดงามเย้ายวน
“คุณหนูจื่อมองเพียงครั้งเดียวกลับอ่านเรือข้าออกแบบทะลุปรุโปร่ง ข้าชักจะชอบคุณหนูแล้วละสิ"
คำกล่าวนั้นเจือปนไปด้วยเสียงหัวเราะของเขา นั่นทำให้จื่อเหว่ยสามารถรู้ได้เลยว่าบุรุษตรงหน้ากำลังล้อเล่นกับเธอ เธอส่งยิ้มให้เขาอีกครั้ง
"ทำไมหรือเจ้าคะ ท่านคิดว่าข้ามีดีเพียงความงามบนใบหน้า...เพียงอย่างเดียวงั้นหรือ?"
เขาหัวเราะออกมา ราวกับว่าคำกล่าวค่อนแคะของเธอ ถูกใจเขามากทีเดียว
“คุณหนูจื่อจับตามองการแข่งของข้าให้ดีเถิด ข้าจะนำชัยชนะ มาให้คุณหนูเอง”
เธอทำได้เพียงส่งยิ้มแห้งๆ ให้เขา ชัยชนะบ้าบออันใดกัน เธอมิได้อยากได้ หากเป็นบุรุษบนเรือของเขา สักสองสามคนก็ว่าไปอย่าง
ดวงตากลมโตของเธอมองสบตาเขา ถึงแม้จะเห็นแค่นัยน์ตาหงส์ผ่านหมวกคลุมใบหน้า บุรุษผู้นี้ก็ยังคงตรึงตาตรึงใจไม่น้อย ภายใต้ผ้าคลุมนั่นจะต้องเป็นคนหล่ออย่างแน่นอน!!!
“เขาคือใครอย่างนั้นอิงเถา”
"ท่านผู้นั้นคือท่านอ๋องอู๋เจ้าค่ะ”
“เขาหล่อ...เอ๊ย!!...รูปงามหรือไม่”
"มีคำกล่าวว่าสตรีนางใดที่ได้สบตากับท่านอ๋องอู๋ สตรีนางนั้นจะเป็นเช่นคนโดนมนต์สะกดเพคะ พบพานเพียงครั้งเดียว สลักจิตสลักใจ ใบหน้าที่ผู้ใดพบเห็นเป็นต้องตื่นตะลึง"
ขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ?
“เป็นความจริงเจ้าค่ะคุณหนู ท่านอ๋องก็เลยต้องใส่หมวกปิดบังใบหน้ามาตลอด”
"มิใช่ว่าเขาอัปลักษณ์จนต้องปิดบังใบหน้าที่แท้จริงเอาไว้งั้นหรือ?"
“ตายจริง..คุณหนูกล่าวเช่นนี้มิได้นะเพคะ เดี๋ยวใครได้ยินเข้า”
“พาข้าเข้าเรือเถิด ข้าร้อน”
ถึงใจอยากจะนั่งเฉิดฉายในหนุ่มๆ มองแต่การใส่ชุดที่ซ้ำกับทีมแข่งเรือทีมหนึ่งมันโจ่งแจ้งเกินไป เกิดทีมเขาแพ้ขึ้นมามิกลายเป็นว่าเธอต้องอับอายไปด้วยเหรอ
“แต่ว่าการแข่งจะเริ่มแล้วนะเจ้าคะ”
“เจ้าอยากดูก็นั่งดูไปเถิด ข้าจะไปนอนรอ ข้ารู้สึกเวียนหัวน่ะ”
“ปวดหัวหรือเจ้าคะ ให้อิงเถาไปเรียกหมอมา...”
“เจ้าอยู่ดูแข่งเรือไปเถอะน่า ข้าจะไปนอน!!!"
จื่อเหว่ยเดินเข้าไปในเรือ มีห้องอยู่สองห้อง เธอเลือกที่จะเข้าห้องที่มีใหญ่กว่า ด้านในห้องตกเเต่งด้วยความหรูหรา ฟูกที่นอนก็นิ่ม บ่งบอกว่าเป็นของชั้นดี หมอนกับผ้าแพรพวกนี้อีก ขนาดอยู่บนเรือสำเภานะ ของบางอย่าง ยังใช้ดีกว่าที่จวนเสนาบดีของเธอด้วยซ้ำ
เธอล้มตัวนอน ไม่นานนักจื่อเหว่ยก็เข้าสู่ห้วงนิทรา
.......
“จับตาดูคุณหนูตระกูลจื่อให้ดี”
“ขอรับท่านอ๋อง”
สตรีงดงามผู้นั้น แววตาที่มองมาที่เขาไม่เหมือนทุกคราที่นางมอง แววตาที่ว่างเปล่า อ่อนแอในครานั้น กลับกลายเป็นแววตาซุกซน ไม่เกรงกลัวต่อเขา นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่มีสตรีใดกล้าสบตาเขา
นานจนเขาเองดันไปใจเต้นกับสายตาที่นางมองมา
ครั้งล่าสุดที่ได้ยินข่าวคราวนาง คือราชโองการยกเลิกงานอภิเษกของนางกับพี่ชายเขา สตรีที่ไม่เคยเห็นใครในสายตานอกจากพี่ชายเขา นางจะชายตามองเขาบ้างรึเปล่านะ
เธอหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ รู้สึกตัวอีกทีอิงเถากำลังนำผ้าชุบน้ำอุ่นมาเช็ดตามใบหน้าและแขนให้
เดี๋ยวนะเช็ดใบหน้า!!
เธอรีบลุกขึ้นแล้วจับผ้าผืนนั้นไว้
“เจ้าทำอะไรอิงเถา..”
“บ่าวนำผ้ามาเช็ดหน้าให้คุณหนูเจ้าค่ะ ตื่นมาจะได้สดชื่น”
ฉันขมวดคิ้วแล้วยกมือขึ้นมาแตะหน้าผาก
“เจ้าเช็ดหน้าข้า เครื่องสำอางที่แต่งมาก็หลุดหมดสิอิงเถา..."
“อะ...เอ่อ..เครื่องสำอางคือสิ่งใดกันเจ้าคะ”
เธอมองไปที่อิงเถา แล้วรีบวิ่งไปที่หน้ากระจก
จื่อเหว่ยถอนหายใจอย่างโล่งอก เออ..ลืมไปว่าไม่ได้แต่งหน้าหนาเหมือนแต่ก่อน สมัยโบราณนิยมแต่งหน้าอ่อนๆ แบบใสๆ
“อืม..ขอบใจเจ้ามากนะอิงเถา”
“เจ้าค่ะ คุณหนูให้บ่าวเตรียมสำรับเย็นเลยไหมเจ้าคะ”
ฉันมองออกไปนอกหน้าต่าง ฟ้ามืดหมดแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าฉันจะหลับไปนานขนาดนี้
“อืม..เตรียมได้เลย”
“เจ้าค่ะคุณหนู อีกเรื่องหนึ่งคืนนี้มีประกาศให้ค้างที่นี่เลยนะเจ้าคะ พรุ่งนี้มีแข่งเรือในตอนเช้า อีกอย่าง ทางรถม้าดินถล่มมาทับทางเจ้าค่ะ มิสามารถสัญจรได้เลย”
ค้างที่นี่...บนเรือที่ไร้ซึ่งความปลอดภัยใดๆ เนี่ยนะ มีองครักษ์สองคนกับอิงเถาและเธอบนเรือลำมหึมา...
หนีเที่ยวดีไหมนะ...?