3 แก้ไขเหตุการณ์
ก่อนถึงบ้าน นางตัดสินใจทุบกำไลหยกม่วงชิ้นที่นางขโมยมาจนแตกละเอียด แล้วโปรยทิ้งลงในแม่น้ำ แทนการนำไปขายเหมือนชาติที่แล้ว จำได้ว่าเพราะนางนำมันไปขาย กำไลหยกม่วงล้ำค่าเป็นของหายาก กอปรกับมีข่าวว่ากำไลของคุณหนูอันรั่วหลันที่มีสีม่วงเหมือนกันหายไป สืบสาวไปมาก็มาถึงตัวนาง
จำได้ว่านางถูกทรมานให้รับสารภาพจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่กระนั้นนางก็ยังคงปิดปากแน่นสนิท ไม่ยอมพูดออกไปว่าเป็นผู้ขโมย เมื่อเค้นไปแล้วไม่ได้ความ อัครเสนาบดีอันคงกลัวว่านางจะตายในชายคาบ้าน จึงบอกให้อันรั่วหลันและเซียงถังซีเลิกแล้วต่อกันไป สัญญาว่าจะตัดชุดใหม่และซื้อกำไลวงใหม่ให้กับพวกนาง ทั้งสองคนจึงยุติการลงโทษนางในที่สุด
ส่วนชุดผ้าไหม แม้จะเสียดายอยู่ไม่น้อย แต่สุดท้ายนางก็ต้องตัดใจทำลายทิ้ง เมื่อกลับมาถึงจวนอัครเสนาบดี อันเนี่ยนฉีรีบไปห้องครัว โชคดีที่ยังไม่มีใครตื่นมาที่นี่ นางจึงจุดเตาฝืน นำชุดผ้าไหมพวกนั้นเผาจนไม่เหลือซาก คราวนี้นางตรวจตราให้ถี่ถ้วน เมื่อมั่นใจว่าไม่เหลือซากจึงทำท่าเหมือนกำลังต้มน้ำดื่มชา
ครั้งที่แล้วนางเสียดายไม่ยอมทำลายทิ้งเก็บเอาไว้ในเรือนของตน คิดจะเอามาดัดแปลงเก็บไว้ใส่ในงานวันหน้า แต่ก็ถูกจับได้อยู่ดี อันเนี่ยนฉีนั่งเขี่ยเศษขี้เถ้าในเตาไปมา เพื่อดูให้แน่ชัดว่าไม่เหลือร่องรอยอะไรแล้ว กระทั่งแม่ครัวประจำจวนอัครเสนาบดีเข้ามาเตรียมตัวทำอาหาร
“คุณหนูเก้า” แม่ครัวส่งเสียงทักทาย “ท่านมาทำอะไรแต่เช้าเจ้าคะ”
“คอแห้งน่ะ ข้าอยากดื่มน้ำอุ่น ๆ จึงมาจุดไฟตั้งเตา” เป็นเวลาที่กาน้ำเดือดพอดี อันเนี่ยนฉีจึงขอตัว นี่เป็นสิ่งที่นางทำเป็นประจำ อีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะไม่ได้สงสัยสิ่งใด นางจึงเดินกลับมาที่เรือนหลังของตนอย่างง่ายดาย
ตอนแรกก็ว่าจะใช้น้ำร้อนที่เพิ่งต้มเสร็จ ชงชาและดื่มแก้กระหาย แต่รู้สึกเหนียวตัวเหลือเกินจึงตัดใจนำมันผสมกับน้ำเย็น ใช้ชำระล้างร่างกาย มือเล็กสัมผัสริมฝีปากของตนเอง อดคิดถึงค่ำคืนที่ผ่านมาไม่ได้ ต้องยอมรับว่าเขาเป็นบุรุษที่ถนอมบุปผา ต่างจาก....
เมื่อคิดถึงความทรงจำเลวร้ายหลังจากถูกส่งตัวไปค้าเป็นทาสแล้ว หัวใจของอันเนี่ยนฉีพลันรู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมาเสียดื้อ ๆ นางถูกกระทำย่ำยีไม่ต่างอะไรจากสัตว์ ได้ย้อนเวลากลับมาครั้งนี้นับว่าสวรรค์ให้โอกาส แต่คงจะดีกว่านี้หากให้กลับมาก่อนที่นางจะลงมือวางยาหนานกงหว่านเฉียน
อันเนี่ยนฉีสำรวจร่างกายของตนเองผ่านกระจกทองเหลืองใบเก่า พบว่ามีร่องรอยที่เขาสร้างขึ้นอยู่เต็มไปหมด อีกสักพักหลังจากมื้ออาหารเช้าแม่ใหญ่และอันรั่วหลันจะเข้ามาหาเรื่องนาง เรื่องชุดและกำไลหยกม่วงที่หายไป จะให้พวกเขาสงสัยไม่ได้
นางมองไปรอบ ๆ ห้อง เริ่มทำลายกระดาษที่แปะเอาไว้ตามระแนงไม้ภายในห้อง ที่ด้านนอกก็จำได้ว่ามีรังมดเล็ก ๆ นางจึงคิดอะไรดี ๆ ออก อันเนี่ยนฉีรีบวิ่งไปขุดรังมดจากนั้นฝังกลบให้ดี ๆ จากนั้นจึงนำพวกมันมาโปรยเอาไว้ตรงช่องระแนงไม้ที่นางเพิ่งทำลายแล้วค่อยโรยโยงพวกมันมาถึงเตียงนอน เท่านี้ก็คงมีเหตุผลเพียงพอแล้วกระมัง
เพราะความเหนื่อยล้า นางจึงเดินมางีบหลับอยู่ที่เตียงนอนเล่น เมื่อคืนไม่ได้นอนตลอดทั้งคืนเพราะหนานกงหว่านเฉียนเอาแต่จับนางพลิกตัวไปมา คิดว่าจะตายเสียแล้ว ไม่รู้ว่าไอ้ของพรรค์นั้นมันสามารถสอดเข้าไปในตัวนางได้อย่างไร เพราะเคยถูกกระทำย่ำยีจากบุรุษมากหน้าหลายตามาก่อนในชาติที่แล้ว นางจึงพอรู้ขนาดมาตรฐานของบุรุษทั่วไปอยู่บ้าง แต่ของเขานั้นมันไม่ปกติ ถ้าเขาถูกตัดขาไปข้างหนึ่ง ก็สามารถใช้เจ้านั่นเดินแทนได้
หลับไปยังไม่ทันเท่าไหร่ประตูห้องนอนของนางก็ถูกเปิดออก
“เลยเวลาอาหารเช้าแล้วงั้นหรือ” อันเนี่ยนฉีพึมพำ
“น้องเก้า” เจ้าอยู่ไหน อันรั่วหลันเดินไปหานางที่เตียงนอน พลิกผ้าห่มไปมาไม่พบคนเจอแต่มดเต็มไปหมด
“พี่ใหญ่ ข้าอยู่นี่เจ้าค่ะ” อันเนี่ยนฉีเดินเข้าไปช้า ๆ ใบหน้าซีดเซียว
“นางตัวดี” ท่านแม่ใหญ่เมื่อเห็นหน้านางก็ปรี่เข้ามาตบสั่งสอน กลิ่นคาวโลหิตคละคลุ้งอยู่ในโพรงปาก เป็นเหตุการณ์ที่คิดเอาไว้อยู่แล้วว่าต้องเจอ
“ท่านแม่ใหญ่” นางคุกเข่าลงกับพื้น “เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ” น้ำตาคลอเต็มสองตา
“อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่องกำไลหยกม่วงกับชุดผ้าไหมที่ฮ่องเต้พระราชทานให้พี่สาวเจ้า เจ้าเป็นคนเอาไปใช่หรือไม่ ทำให้นางเกือบพลาดการไปร่วมงานเลี้ยงที่จวนท่านแม่ทัพ” เซียงถังซีเดินปรี่เข้ามาเอาเรื่องอันเนี่ยนฉี รวมถึงกระชากเส้นผมของนางลากไปกับพื้นห้อง
“ท่านแม่ใหญ่ ข้าไม่ได้เอาไปเจ้าค่ะ ข้าไม่รู้เรื่อง” นางรู้เรื่องและผู้ที่เข้าไปขโมยมาจากห้องของอันรั่วหลันก็คือนาง แต่ต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้ การทำร้ายร่างกายแค่นี้นับว่ายังน้อยกว่าที่นางเคยเผชิญมาในอดีต
“ท่านแม่ อย่าทำน้องเก้าเจ้าค่ะ” ปากก็บอกห้ามปราม แต่การกระทำนั้นตรงข้าม อันรั่วหลันเอาแต่ยืนเฉย ๆ มองมารดาลงไม้ลงมือกับตนเอง ในอดีตนางเคยคิดว่าพี่สาวผู้นี้เป็นคนจิตใจดี แต่หารู้ไม่ว่า ผู้ที่เป็นคนต้นคิดให้ส่งตัวนางให้กับขบวนค้าทาสก็คือนาง
“รั่วเอ๋อร์ เจ้าก็ใจดีกับนางเกิน” เซียงถังซีลากอันเนี่ยนฉีออกมาจากห้องนอน ส่วนบ่าวไพร่เข้าไปค้นหาสิ่งของที่หายไป
ค้นหาจนเรือนเล็กของนางที่สภาพย่ำแย่อยู่แล้วแย่ยิ่งกว่าเดิม
“ท่านแม่ใหญ่ ข้าไม่ได้เอาไปจริง ๆ นะเจ้าคะ ท่านแม่ใหญ่ต้องเชื่อข้านะเจ้าคะ” อันเนี่ยนฉีอ้อนวอน
“อย่ามาคิดแก้ตัว มีคนเห็นว่าเจ้าออกมาจากห้องนอนของรั่วเอ๋อร์ หน็อย!! ทั้งที่นางเป็นผู้เดียวในจวนอัครเสนาบดีที่ใจดีกับเจ้า แต่เจ้ากลับกินบนเรือนขี้รดบนหลังคา กล้าขโมยของของนางได้อย่างหน้าด้าน ๆ” เซียงถังซียังคงด่ากราดบริภาษ บุตรสาวนอกสายโลหิตของตนไม่หยุด
“พี่หญิง ข้ายืนยันจริง ๆ นะเจ้าคะ ว่าข้าไม่ได้ทำ” อันเนี่ยนฉีหันไปหาพี่สาวต่างมารดา พยายามอ้อนวอนนางอีกแรง และอีกครู่หนึ่ง จะมีแขกคนสำคัญเดินหลงทางผ่านมาทางนี้
ฉุดกระชากกันไปมาจนเสื้อผ้าของนางหลุดลุ่ยเซียงถังซีจึงเห็นว่าบนตัวของนางมีแต่รอยสีแดง นางอายุขนาดนี้ มีหรือจะไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร
“อย่าบอกนะว่าเจ้าไปมีสัมพันธ์กับบุรุษมา หน้าไม่อาย นางลูกชั่ว” ปากก็พูดไปมือกับตบตีลูกเลี้ยงเช่นอันเนี่ยนฉีอย่างไม่ยั้งมือ
“ท่านแม่ใหญ่ ไม่ใช่นะเจ้าคะ ไม่ใช่”