บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 ซุกซน

“ นี่องครักษ์เซียว ท่านพาชุนฟางไปนั่งพักรอข้าที่โรงเตี๊ยมตรงนั้นก่อนสักครู่ ข้าเสร็จธุระจะรีบตามไป ” นางชี้นิ้วไปยังโรงเตี๊ยมที่อยู่ไม่ไกล

“ มิได้ขอรับ ” องครักษ์เซียวปฏิเสธแต่ก็ยังอุตส่าห์ใช้สรรพนามคำพูดแบบปุถุชนคนธรรมดา ชุนฟางเองก็ด้วย

“ คุณหนูจะทำธุระอะไรเจ้าคะ ชุนฟางไปด้วย ”

“ ข้าไปแค่ตรงนี้ ” องค์หญิงชี้ส่งเดชไปทางร้านขายผ้าสตรีที่อยู่ใกล้ ๆ

“ นั่งจากโรงเตี๊ยมก็มองเห็นได้สบาย เห็นไหมใกล้แค่นี้เอง เจ้าสองคนไปนั่งพักสั่งชา สั่งอาหารรอ ข้าจะรีบตามไป ”

ว่าพลางยื่นถุงเงินให้กับองครักษ์เซียว เขารับมาด้วยสีหน้ากังวล แต่เมื่อเห็นว่าร้านขายผ้าไม่ได้ไกลมากนัก อีกทั้งชุนฟางที่สีหน้าไม่สู้ดี ซีดเซียวจนเกรงว่าอาจจะเป็นลมได้ องครักษ์เซียวจึงยอมทำตาม

“ เช่นนั้นก็ได้ แต่ท่านต้องรีบตามไปนะขอรับ ”

องค์หญิงพยักหน้าก่อนเดินเข้าไปในร้านขายผ้า แสร้งทำเป็นเลือกดูผ้ารอจนคนทั้งคู่นั่งในร้านชา อาศัยจังหวะผู้คนขวักไขว่ไปมา เร้นกายแอบซ่อนหลังชายร่างใหญ่ผู้หนึ่งแล้วรีบวิ่งหนีมาจากจุดนั้น

“ ข้าขอโทษนะองครักษ์เซียว ชุนฟาง แล้วข้าจะรีบกลับมา ”

นางเอ่ยพึมพำต่อการกระทำของตนเอง ก่อนรีบตรงไปยังร้านเช่าม้า ขืนชักช้าองครักษ์เซียวอาจตามมาพบเสียก่อน

“ ท่านลุงข้าขอเช่าม้าหนึ่งตัว ”

“ ตัวไหนดีขอรับคุณหนู ม้าของเราล้วนฝีเท้าดี ส่วนราคาค่าเช่าเราคิดเป็น.. ” หยางมี่ไม่รอให้ลุงเจ้าของม้าพูดจบ นางกระโดดขึ้นหลังม้าตัวที่ใกล้ที่สุดพร้อมโยนถุงเงินให้ท่านลุงเจ้าของม้า

“ ข้าให้ท่านทั้งหมด ส่วนม้าตัวนี้ข้าขอซื้อเลยแล้วกัน ” ลุงเจ้าของม้าเปิดถุงเงินก็ต้องตาโต เพราะมันมากกว่าราคาม้าหลายเท่า ยังไม่ทันได้กล่าวหันมาอีกทีทั้งคนทั้งม้าก็ควบออกไปแล้ว

ด้านองครักษ์เซียวกับชุนฟางที่นั่งพักอยู่ในโรงเตี๊ยมและจัดการสั่งน้ำชามาเรียบร้อย ก่อนจะหันไปมองหาองค์หญิงที่ร้านผ้า หากมองอยู่นานก็ไม่พบ

“ ชุนฟาง ข้าไม่เห็นองค์หญิงเลย ” องครักษ์เซียวว่า

“ หืม จริงหรือท่านองครักษ์ เมื่อครู่ข้าว่าเห็นหลังองค์หญิงอยู่นะเจ้าคะ อาจจะเข้าไปด้านในร้านเพื่อเลือกผ้าผืนอื่นอยู่หรือเปล่า ”

“ เจ้าเห็นเช่นนั้นรึ ”

“ เห็นเจ้าค่ะ ” นั่นทำให้องครักษ์เซียววางใจไปเปลาะหนึ่ง

ไม่นานเสี่ยวเอ้อก็นำชาที่สั่งมาให้ ชุนฟางเมื่อได้ดื่มชาร้อน ๆ และน้ำก็รู้สึกสดชื่นขึ้น สีหน้าอันซีดเผือดเริ่มมีเลือดฝาดกลับมาดังเดิม

“ ข้ารู้สึกดีขึ้นบ้างแล้ว จะเดินไปดูองค์หญิงสักหน่อย ”

“ เจ้าแน่ใจนะ ”

“ แน่ใจเจ้าค่ะ ”

“ เช่นนั้นก็ไป ”

ชุนฟางสาวใช้เดินออกมาจากโรงเตี๊ยม ตรงไปยังร้านผ้าที่องค์หญิงหยางมี่เลือกซื้ออยู่

“ แม่นางคนสวย ต้องการผ้าแบบไหนมาเลือกได้ตามสบายเลย ” เถ้าแก่เนี้ยเจ้าของร้านเอ่ยต้อนรับ

“ ข้าไม่ได้มาซื้อเองหรอก มาหาองค์... เอ่อ มาหาคุณหนู เจ้านายของข้าน่ะเจ้าค่ะ ”

“ เช่นนั้นรึ คนไหนล่ะคุณหนูของเจ้า ” เถ้าแก่เนี้ยว่า ชุนฟางใช้สายตาสอดส่ายเข้าไปในร้านแล้วใจหายวาบ

ไม่มีแม้เงาขององค์หญิง !

กระนั้นนางก็ยังคิดไปในทางที่ดีว่าองค์หญิงคงไม่ได้ไปไหน จึงเอ่ยปากถาม

“ เถ้าแก่เนี้ย คุณหนูของข้างามมาก ผิวพรรณขาวผ่องราวหิมะ สวมชุดสีขาว ท่านเห็นหรือไม่ ”

“ อ๋อ แม่นางคนนั้นเอง ถึงว่าสิงามล่มเมืองทีเดียว ข้าเองยังแอบมองด้วยความอิจฉาเลย ลูกสาวเศรษฐีบ้านไหนกันเล่า ”

“ ท่านเห็นใช่หรือไม่ ” ชุนฟางไม่ได้ตอบคำถามแต่กลับย้อนถามแทน เถ้าแก่เนี้ยพยักหน้ากลมอ้วนหงึกหงัก

“ เห็น แต่ไปแล้ว ”

“ ไปทางไหน ”

“ ออกจากร้านข้าไปตอนไหนไม่รู้ นางเข้ามาแค่เพียงชั่วอึดใจก็ออกไปเลย ยังไม่ทันได้เลือกอะไรเลย ”

“ ไปทางไหนพอจะรู้ไหม ”

“ ใครจะไปรู้ ลูกค้าข้าเยอะ แถมตอนนั้นยังผู้คนขวักไขว่ ”

“ ขอบคุณเถ้าแก่เนี้ยเจ้าค่ะ ” ชุนฟางเอ่ยขอบคุณตามมารยาทแล้วรีบกลับไปบอกข่าวร้ายกับองครักษ์เซียว

ทั้งคู่ต่างแยกย้ายกันเดินหาองค์หญิงทุกร้าน ทุกซอกมุมทั่วตลาดก็หาไม่พบ

“ ท่านองครักษ์ พบองค์หญิงหรือไม่ ” ชุนฟางลืมอาการคล้ายจะเป็นลมของตนเองไปชั่วขณะ วิ่งไปทั่วตลาดอย่างลืมเหนื่อย เมื่อพบองครักษ์เซียวที่สวนทางกันพอดีก็รีบเอ่ยปากถาม

“ ไม่พบ ข้าคิดว่าองค์หญิงน่าจะออกจากที่นี่ไปแล้ว ”

“ แล้วองค์หญิงไปที่ใดกันเล่า”

นั่นสิ องค์หญิงหายไปที่ใด องครักษ์หนุ่มร้อนใจเหลือเกิน

และนี่เป็นเรื่องใหญ่มิใช่น้อย หากเกิดเรื่องร้ายกับองค์หญิง ทั้งเขาและชุนฟางคงมิพ้นโทษตาย

หนึ่งชั่วยามผ่านไป

องค์หญิงหยางมี่เพลิดเพลินกับการควบม้าชมทั่วเมืองจากนั้นก็ออกจากเมืองเลาะเลียบชมป่า แต่ในขณะเดียวกันแสงจัดจ้าของดวงตะวันก็ทวีคูณขึ้นด้วย

“ อากาศเริ่มร้อนแล้ว หิวน้ำก็หิว ” นางบ่นพึมพำ จุดนี้ห่างจากตัวเมืองมากพอควร เป็นเขตชายป่าจึงไม่มีโรงเตี๊ยมหรือแม้แต่บ้านคนที่พอจะขอน้ำกินได้บ้าง

เจ้าม้าเองก็ดูท่าทางใกล้หมดแรง สุดท้ายนางจึงตัดสินใจหยุดม้าพักร่มตรงชายป่า ตั้งใจว่าหายเหนื่อยค่อยควบม้ากลับ พลางกังวลอยู่ในใจ ป่านนี้องครักษ์เซียวกับชุนฟาง คงกระวนกระวายใจกันไม่น้อย แต่จะทำอย่างไรได้เล่า สองคนนั้นตามติดจนนางแทบกระดิกตัวไม่ได้ อยากทำอะไรตามใจบ้างก็ไม่ได้ทำ เห็นไหม นางก็สามารถไปไหนมาไหนผู้เดียวได้ โดยไม่มีอันตรายใด ๆ เลย พักเหนื่อยเสร็จแล้วนางก็จะควบม้ากลับไปหาสองคนนั้นที่ตลาดดังเดิม ไม่เห็นจะต้องกังวลอะไรให้มากความอย่างที่ผ่านมาเลย

นางคิดพลางปล่อยม้าให้พักหาเดินเล็มหญ้า ส่วนตัวเองแอบมานั่งหลบแดดอยู่โคนต้นไม้ใหญ่

“ เหตุใดแดดจึงแรงถึงเพียงนี้นะ ” บ่นพึมพำพลางคลายชุดให้หลวมเพื่อระบายความร้อน สายลมเย็นพอพัดผ่านมาบ้างพาให้คนที่กำลังเพลียเกิดอาการง่วงงุน สองตาหรี่ปรือ สุดท้ายนางก็มิอาจทานทนต่อความง่วงไหวเคลิ้มหลับไปโดยไม่รู้ตัว

เวลาผ่านไปจนล่วงเข้ายามเย็น ขณะที่องค์หญิงกำลังหลับใหลกลับต้องถูกปลุกขึ้นจากเสียงฝีเท้าม้าจำนวนมาก เมื่อลืมตาขึ้นก็พบว่าแสงอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า หรี่ตามองเสียงอึกทึกนั่นเห็นกลุ่มคนหลายสิบกำลังควบม้าตรงมายังจุดที่นางอยู่ บังเกิดลางสังหรณ์ไม่ค่อยดีพลันนึกถึงม้าขึ้นมาได้ พยายามมองหาไปโดยรอบแต่ก็ไม่พบ

“ เจ้าม้าบ้า แอบทิ้งข้าไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ! ”

นางสบถ ที่ทำได้ยามนี้คือแอบหลบซ่อนหลังต้นไม้ หวังว่าพวกนั้นจะมองไม่เห็นนาง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel