บทที่ 1 องค์หญิงผู้แสนดี
วันนี้ทั่วบริเวณคึกคักเป็นอย่างมาก ประชาชนใกล้ไกลในละแวกนี้ต่างพากันมาต้อนรับขบวนเสด็จขององค์หญิงที่ทรงเสด็จตรวจเยี่ยมทุกข์สุขของชาวเมืองด้วยพระองค์เอง เป็นที่ปลาบปลื้มของพสกนิกรเหลือเกิน สองข้างทางคลาคล่ำไปด้วยผู้คนทุกเพศทุกวัย
ความงดงามขององค์หญิงนั้นเป็นที่เลื่องลือว่างดงามราวเทพจุติ อีกทั้งยังเปี่ยมด้วยเมตตา จึงพาให้ชาวเมืองต่างก็อยากเห็นองค์หญิงของพวกเขาให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต
และแล้วเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง เมื่อขบวนเสด็จเคลื่อนเข้ามา ด้านหน้ามีทหารม้านำ ตามด้วยทหารอีกนับสิบ ทว่าที่ทำให้ชาวบ้านแปลกใจระคนตื่นเต้นก็คือ เห็นนางกำนัลเพียงสองคนอีกทั้งพวกนางยังขี่ม้ากันมาเอง แล้วพวกเขาก็ต้องตื่นเต้นกันยิ่งขึ้นอีก เมื่อกลางขบวนทุกสายตาจับจ้องไปยังร่างบอบบางบนหลังอาชาใหญ่สีดำสนิทตั้งแต่หัวจรดหาง
ร่างบอบบางในชุดเรียบง่าย ใบหน้างดงามปกปิดไว้ด้วยผ้าปิดหน้าผืนบาง แต่มันมิอาจปกปิดความงดงามสง่าของเจ้าตัวได้เลย ดวงตาคู่สวยยามมองมาทางชาวบ้าน เต็มไปด้วยความเอื้ออารี เมตตาที่ทุกคนสัมผัสได้
“ ทรงพระเจริญหมื่นปี ” ชาวบ้านผู้หนึ่งร้องตะโกนขึ้นด้วยความปลื้มปีติ พาให้ทุกคนร้องตะโกนตามกันกึกก้อง ชาวบ้านเริ่มเบียดเสียดกันเข้ามาใกล้มากขึ้นเพราะต่างก็อยากเห็นองค์หญิงของพวกเขาใกล้ ๆ
โดยไม่คาดคิด เด็กชายตัวน้อยคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ด้านหน้า เขาถูกเบียดจากด้านหลังจนเซถลาล้มลงมาหน้าขบวนเกือบถูกม้าเหยียบ โชคดีที่ทหารยั้งม้าไว้ได้ทัน
“ ฮือ ๆ ท่านแม่ ” เด็กน้อยเสียขวัญร้องให้ออกมา หันไปมามองหาท่านแม่ของเขา ทหารม้ารีบกระโดดลงมา
“ เจ้าหนู ออกมาขวางแบบนี้ไม่ได้นะ แม่ของเจ้าไปไหนเหตุใดถึงปล่อยเจ้ามาเช่นนี้ ”
“ ฮือ ๆๆ ท่านแม่ ” น้ำเสียงเข้มงวดของทหารยิ่งทำให้เด็กน้อยตกใจ ร้องไห้หนักยิ่งขึ้นร้องเรียกหาท่านแม่เป็นการใหญ่ ชาวบ้านเองก็ยิ่งหันมามุงมอง
และวินาทีนั้นในวินาทีที่ทุกคนต่างสนใจเหตุการณ์ตรงหน้า ใครผู้หนึ่งได้ลงจากม้าเดินเข้ามาสั่งให้ทหารม้าผู้นั้นถอยออกก่อน
“ หนูน้อยเจ้าเจ็บหรือไม่ ” น้ำเสียงหวานใสเอ่ยถามอย่างเอ็นดู เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมาเห็นว่าเป็นพี่สาวคนสวย แม้ปกปิดใบหน้าทว่าเด็กน้อยก็ยังรับรู้ได้ถึงความงดงาม
เด็กน้อยไม่ตอบ แต่พยักหน้าพร้อมกับหยาดน้ำตาอาบสองแก้ม
“ เข่าของเจ้ามีแผล ประเดี๋ยวพี่สาวทำแผลให้เจ้านะ ” กล่าวจบก็หยิบผ้าเช็ดหน้าของตนออกมา ก่อนบรรจงพันแผ่วเบาตรงหัวเข่าของเด็กชาย
“ เท่านี้ก็หายแล้ว ” นางกล่าวทั้งยังลูบศีรษะเด็กน้อยเพื่อปลอบขวัญ ทุกการกระทำล้วนอยู่ในสายตาเหล่าชาวบ้าน ทุกคนต่างพากันนิ่งเงียบมองเหตุการณ์เบื้องหน้าด้วยหัวใจฟูฟ่อง
องค์หญิงของพวกเขาช่างเปี่ยมล้นไปด้วยเมตตา ไม่ถือตัว ครานี้เสียงร้องตะโกนแซ่ซ้องดังขึ้นไม่หยุดหย่อนจวบจนขบวนเคลื่อนลับตาไป
หลายวันต่อมา
พ่อค้าแม่ขายต่างพากันตะโกนขายสินค้าเสียงอึกทึก หมู่บ้านที่ดูเงียบเชียบตลอดหลายวันที่ผ่านมา บัดนี้แสนคึกคัก ผู้คนมากมายจากหลายหมู่บ้านบ้างมาเปิดแผงขาย บ้างมาเลือกดูสินค้ามากมายหลายหลายอย่าง รวมถึงองค์หญิงหยางมี่ ที่ดูจะตื่นเต้นกว่าใคร ๆ เข้าร้านนั้นออกร้านนี้จนนางกำนัลคนสนิทที่ติดตามมาด้วยถึงขั้นเหนื่อยจนหอบ
“ องค์หญิงเพคะ พวกเราพักกันสักหน่อยเถิดเพคะ ” นางกำนัลชุนฟางกล่าวเสียงสั่น นางเหนื่อยจนแทบจะหมดแรง องค์หญิงหยางมี่รีบหันกลับมาใช้นิ้วแตะริมฝีปากเป็นสัญญาณให้เงียบเสียง
“ นี่ชุนฟาง ข้าบอกแล้วไงว่าอย่าเรียกองค์หญิง ” พร้อมกับชี้ชุดที่นางขอยืมชุนฟางมาใส่เพื่อปกปิดฐานะ แต่เมื่อเห็นใบหน้าอันแดงก่ำของชุนฟางก็ต้องตกใจ
“ เหตุใดเจ้าถึงหน้าแดงเช่นนี้ ”
“ ข้าวิ่งตามองค์หญิง เอ๊ย คุณหนูจนแทบจะหายใจไม่ท่านอยู่แล้วเจ้าค่ะ ”
“ เจ้าช่างไม่แข็งแกร่งเอาเสียเลย ” ผู้เป็นนายส่ายหัว ขืนถ้ายังไม่พักชุนฟางคงเป็นลมเป็นแน่
“ เช่นนั้นพวกเราหาที่พักกันก่อนเถิด ” พูดจบก็เป่าปากส่งสัญญาณ พลันชายผู้หนึ่งร่างกายสูงใหญ่พุ่งมายืนอยู่ด้านหน้าเพียงชั่วพริบตา
“ องครักษ์เซียว ท่านก็อีกคน ข้าปลอมตัวมาเที่ยวชมตลาด เหตุใดท่านต้องทำราวกับว่าจะมีใครมาลอบฆ่าข้าตลอดเวลาเช่นนี้ ”
“ เป็นหน้าที่ของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ ”
น้ำเสียงหนักแน่นดังออกมาจากชายร่างใหญ่หน้าตาท่าทางดูดุดัน จนเด็กน้อยคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลร้องไห้ด้วยตกใจกลัว พาให้องค์หญิงหยางมี่ต้องส่ายศีรษะกับองครักษ์ประจำตัว
“ ท่านทำให้เด็กน้อยผู้หนึ่งขวัญเสียจนร้องไห้แล้วรู้หรือไม่ แล้วบอกว่าห้ามเรียกข้าว่าองค์หญิง ให้พูดจาแบบคนธรรมดา เฮ้อ ! ” องค์หญิงถอนใจแล้วส่ายศีรษะอย่างระอา
คนหนึ่งหมดแรงอีกคนก็เคร่งขรึมจนเด็กกลัว คะเนจากสายตายังมีอีกหลายร้านตนยังไม่ทันได้เที่ยวชม ขืนเป็นเช่นนี้แผนท่องเที่ยวที่นางวางไว้คงพังไม่เป็นท่า นางอยากเดินตลาดอย่างอิสระ ขี่ม้าเลียบเลาะชายป่าที่มีทั้งดอกไม้งาม น้ำตกสวย สิงสาราสัตว์ต่าง ๆ ซึ่งพวกเขาไม่มีทางพานางไปอย่างแน่นอน
องค์หญิงหยางมี่หลับตาอย่างใช้ความคิด ครู่หนึ่งก็ลืมตาขึ้นมาได้
คิดได้แล้ว ต้องใช้แผนนี้ !