บทที่ 7 งานเลี้ยงล่าสัตว์
บทที่ 7
งานเลี้ยงล่าสัตว์
งานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ ฮ่องเต้หนานเฟยฉีกับฮองเฮาเว่ยลี่หลินเสด็จมาประทับยังที่นั่งที่ถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว งานเลี้ยงจึงได้เริ่มขึ้น
นางรำกว่า 10 ชีวิตสวมใส่อาภรณ์ผ้าโปร่งบางหลากสีสัน เยื้องย่างเข้ามายังลานหน้าพระที่นั่ง แล้วร่ายรำเปิดงานเลี้ยงล่าสัตว์ในค่ำคืนนี้ นางรำใส่กระพรวนที่ข้อเท้าทำให้เกิดเสียงกรุ๊งกริ๊ง ดังกังวานเข้ากับเครื่องดนตรี ที่นักดนตรีหลวงบรรเลง
ฮ่องเต้หนานเฟยฉีทรงทอดพระเนตรดูนางรำด้วยความสำราญพระทัย ขณะที่คอยคีบเนื้อสัตว์ใส่ในถ้วยของฮองเฮาเว่ยลี่หลิน ช่างเป็นภาพที่ทุกผู้คนในแคว้นหนานเห็นจนชินตา กับความรักใคร่ที่พระองค์มีต่อฮองเฮาผู้เป็นสตรีที่รักยิ่ง
หลังจากการแสดงของนางรำจบลง ขันทีได้เข้ามากล่าวลำดับการแสดงถัดไป ซึ่งเป็นการแสดงความสามารถของคุณหนูคุณชายที่เดินทางมาร่วมงานเลี้ยงล่าสัตว์ในครั้งนี้ด้วย
การแสดงส่วนมากเป็นการร่ายรำที่งดงามอ่อนช้อย เล่นเครื่องดนตรีต่างๆ โดยเฉพาะพิณ และกู่เจิง คุณหนูบางคนก็แสดงการวาดรูป การแต่งกาพย์กลอน ซึ่งการแสดงทั้งหมดจะได้รับรางวัลจากฮ่องเต้ทุกคน จะมีเพียงการแสดงบางอย่างที่ฮองเฮาเป็นผู้ชื่นชอบ พระนางก็จะทรงมอบรางวัลให้ด้วยพระองค์เอง
นับตั้งแต่เวลาล่วงเลยผ่านไป หลี่หนิงอ้ายที่เป็นคนที่ต้องขึ้นทำการแสดงในลำดับสุดท้าย นางเลือกการร่ายรำเพลงดาบ โดยมีหลี่หมิงเฟยเป็นผู้ดีดพิณให้นางร่ายรำ
ทั้งสองก้าวเข้ามายังลานการแสดงพร้อมกัน คุณหนูคุณชายต่างรอดูการแสดงของทั้งสองคนด้วยความตั้งใจ เพราะเมื่อครั้งงานพระราชสมภพของฮองเฮา ทั้งสองเคยร่วมกันแสดงวาดรูปประกอบการเล่นดนตรี โดยมีหลี่หนิงอ้ายดีดกู่เจิง และหลี่หมิงเฟยเป็นผู้วาดรูป
การแสดงในครั้งนั้นสร้างความประทับใจให้ผู้คนเป็นอย่างมาก ครั้งนี้ทุกคนจึงคาดหวังการแสดงของทั้งคู่ แล้วยังเป็นการแสดงความสามารถให้ต่างแคว้นได้รับรู้ว่าแคว้นหนานนั้น หาได้มีผู้อ่อนด้อยไม่
“กระหม่อมหลี่หมิงเฟย ถวายพระพรฝ่าบาทและฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ ขอทั้งสองพระองค์ทรงพระเกษมสำราญพ่ะย่ะค่ะ”
“หม่อมฉันหลี่หนิงอ้าย ถวายพระพรฝ่าบาทและฮองเฮาเพคะ ขอทั้งสองพระองค์ทรงพระเกษมสำราญเพคะ”
ทั้งสองคนยอบกายคารวะผู้เป็นใหญ่ทั้งสองอย่างเต็มพิธีการ
“วันนี้พวกเจ้าสองคนพี่น้อง จะแสดงอะไรเล่า” พระสุรเสียงที่มีอำนาจเอ่ยออกมาจากร่างสูงของบุรุษผู้สูงศักดิ์ในแคว้นหนาน
“ฝ่าบาทต้องทรงทอดพระเนตรด้วยองค์เองเพคะ การแสดงของหม่อมฉันกับท่านพี่นั้นจะต้องสร้างความประหลาดใจให้ฝ่าบาทกับฮองเฮาอย่างแน่นอนเพคะ” หลี่หนิงอ้ายคลี่ยิ้มอ่อนหวาน เอ่ยตอบน้ำเสียงกังวานใส
หากเป็นผู้อื่นกล่าววาจาเช่นนี้ อาจจะมีโทษฐานล่วงเกินเบื้องสูง แต่เพราะหลี่หนิงอ้ายได้รับความเอื้อเอ็นดูจากฝ่าบาทกับฮองเฮามาตั้งแต่เยาว์วัย นางจึงกล้าเอ่ยวาจาเช่นนี้ได้
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจิ้นจะรอดู หากการแสดงของพวกเจ้าสองคนพี่น้องทำได้ดี เจิ้นจะให้เจ้าทั้งสองขอสิ่งใดก็ได้มาคนละหนึ่งอย่าง แต่ต้องเป็นสิ่งที่เจิ้นสามารถทำให้ได้ด้วย” หนานเฟยฉีเอ่ยอย่างอารมณ์ดี
ทั่วทั้งลานต่างพากันรู้สึกอิจฉาริษยาในวาสนาของทั้งสอง ขนาดยังไม่เริ่มการแสดงฮ่องเต้ยังทรงเอ่ยให้รางวัลล่วงหน้าถึงเพียงนี้ ช่างดูลำเอียงอย่างออกนอกหน้ายิ่งนัก แต่ใครเล่าจะกล้าเอ่ยตำหนิฮ่องเต้ได้กัน
ฝั่งที่นั่งขององค์หญิงองค์ชายต่างแคว้นนั้น ก็ลอบมองทั้งสองคนพี่น้องอย่างพิจารณายิ่งขึ้นกว่าเดิม ดูท่าว่าทั้งสองคนนี้จะมีน้ำหนักในพระทัยของฮ่องเต้และฮองเฮาไม่น้อย เช่นนี้ขณะอยู่ในแคว้นหนานก็ต้องพยายามผูกมิตรกับทั้งสองเอาไว้ เผื่อจะเกิดประโยชน์ในภายภาคหน้า
ซ่งจางหย่งยิ่งรู้สึกอยากจะได้หลี่หนิงอ้ายมาครอบครองมากยิ่งขึ้นไปอีก ในหัวของเขาคิดแผนการต่างๆ ไว้มากมาย….
‘รอก่อนเถิด ข้าจะต้องเอาเจ้ามาเป็นชายาให้จงได้’
หลี่หนิงอ้ายหยิบกระบี่คู่ขึ้นมาถือเอาไว้เพื่อเตรียมพร้อม ด้านข้างนั้นมีหลี่หมิงเฟยนั่งประจำที่ ด้านหน้าของเขามีกู่เจิง ที่มีสาย 13 สายตั้งไว้อยู่ด้านหน้า
ปลายนิ้วเรียวยาวของหลี่หมิงเฟยบรรจงดีดกู่เจิง เป็นท่วงทำนองหนักแน่นมั่งคง จากนั้นเริ่มเปลี่ยนเป็นทำนองฮึกเหิมปลุกเร้า
หลี่หนิงอ้ายขยับเท้าร่ายรำกระบี่คู่ขึ้นตามทำนองเพลง นางขยับตัวตวัดกระบี่ไปมาตามจังหวะดนตรีได้อย่างราบรื่น สะกดทุกสายตาให้จับจ้องเพียงแต่นาง
ผ่านไปกว่าหนึ่งก้านธูปในจังหวะสุดท้ายก่อนที่เพลงจะบรรเลงจบลง หลี่หนิงอ้ายได้ตวัดกระบี่เล่มบางในมือขยับก้าวไปหาหน้าที่ประทับ แล้วเขวี้ยง กระบี่ออกไปหยุดลงตรงหน้าหลี่หมิงเฟย สร้างความตกตะลึงปนหวาดเสียวให้ทุกคน
เมื่อเพลงบรรเลงจบลงหลี่หนิงอ้ายก็ก้าวเดินไปยืนตรงกลางลานการแสดงพร้อมกับหลี่หมิงเฟย ทั้งสองยอบกายคารวะผู้เป็นใหญ่ จากนั้นเสียงปรบมือดังขึ้นสนั่นไปทั่วป่า เสียงอื้ออึงด้วยความประทับใจการแสดงชุดนี้ดังไปทั่วลานการแสดง
“เยี่ยม ยอดเยี่ยมมาก พวกเจ้าทั้งสองไม่ทำให้เจิ้นผิดหวังจริงๆ ตกรางวัลทองคำ 1 หีบ และผ้าไหมจากเมืองหนาว 2 ผืน”
พระสุรเสียงกังวานของหนานเฟยฉีดังกลบเสียงปรบมือ เขาชมชอบการแสดงชุดนี้เป็นอย่างมาก
“คำขอคนละหนึ่งประการ เจ้าต้องการสิ่งใด” หนานเฟยฉีเอ่ยถามทั้งสองคน
“กระหม่อมขอบังอาจทูลขอพระราชโองการเลือกคู่ครองเองให้แก่น้องสาวของกระหม่อมได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
หลี่หมิงเฟยเอ่ยคำขอของตนทันที สร้างความประหลาดใจให้กับผู้คนยิ่งนัก
เขาสามารถขอสิ่งใดจากฮ่องเต้ก็ได้ แต่กลับขอให้กับน้องสาวของตนเอง ข่าวลือที่ว่าคุณหนูสามหลี่หนิงอ้ายเปรียบดั่งศูนย์รวมของคนตระกูลหลี่ ดูท่าจะเป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน
“แล้วเจ้าเล่าหลี่หนิงอ้าย”
“หม่อมฉันขอบังอาจทูลขอม้าเหงื่อโลหิตหนึ่งคู่เพคะ”
หลี่หนิงอ้ายซาบซึ้งในความรักของพี่รองยิ่งนัก นางเองก็จะขอม้าเหงื่อโลหิตเพื่อมอบให้พี่ชายใหญ่ และพี่ชายรองเช่นกัน ม้าเหงี่อโลหิตนั้นทั่วทั้งแคว้นหนานมีเพียง 5 คู่เท่านั้น ซึ่งเป็นของที่ล้ำค่ามาก และสำหรับบุรุษแห่งอาชาไนยย่อมต้องอยากได้มาครอบครอง
“ช่างเป็นพี่น้องที่รักใคร่ยิ่งนัก แต่ว่าหมิงเฟยคำขอของเจ้าเจิ้นคงไม่อาจจะมอบให้ได้”
หนานเฟยฉีปฏิเสธเสียงเรียบ ด้วยเมื่อตอนก่อนที่เขาจะมาร่วมงานเลี้ยงนั้น ได้มีองค์ชายแคว้นเว่ยและแคว้นซ่งเข้ามากราบทูลว่า ประสงค์จะแต่งหลี่หนิงอ้ายไปเป็นพระชายาเอก
ตัวเขาเองก็กำลังหาทางลงให้กับหลานสาว แต่ก็จนปัญญาด้วยเขาไม่อาจจะเอ่ยปฏิเสธฝ่ายนั้นได้ มีเพียงแค่ยื้อเวลาหรือหาบุรุษที่คู่ควรมาแอบอ้างเป็นคู่หมั้นของหลี่หนิงอ้าย นางถึงจะรอดพ้นจากอำนาจของสองแคว้นไปได้
หมากตานี้ของหลี่หมิงเฟย ก้าวช้าไปเพียงก้าวเดียวเท่านั้น ช่างน่าเสียดายนัก
สองพี่น้องลอบส่งสายตาความนัยให้แก่กัน หลี่หนิงอ้ายรู้สึกอยากจะดึงทึ้งผมของตนเองยิ่งนัก นางยังไม่อยากแต่งงาน จึงหวังใช้งานเลี้ยงค่ำคืนนี้ เพื่อให้พี่รองทูลขอราชโองการเลือกคู่ครองเอง แต่นึกไม่ถึงว่าจะมีผู้ที่ก้าวเร็วกว่าพวกนางเสียอีก
“คุณหนูหลี่ เปิ่นกงจื่อนั้นมีใจปฏิพัทธ์ต่อคุณหนูหลี่ยิ่งนัก หวังว่าคุณหนูหลี่จะไม่รังเกียจเปิ่นกงจื่อ”
ซ่งจางหย่งลุกขึ้นยืนแล้วหันไปเอ่ยกับหลี่หนิงอ้าย เพื่อหวังแสดงความจริงใจว่าเขานั้นรักใคร่ในตัวนางอย่างแท้จริง
“เปิ่นไท่จื่อเองก็หมายปองคุณหนูหลี่เช่นกัน หากคุณหนูหลี่แต่งให้เปิ่นไท่จื่อ เจ้าจะได้ขึ้นเป็นฮองเฮาแห่งแคว้นเว่ยอย่างแน่นอน”
รัชทายาทเว่ยตงหยางลุกขึ้นยืนบอกความประสงค์ของเขา ให้สาวงามได้รับรู้ เขานั้นพึงใจนางตั้งแต่แรกเห็น ดังนั้นจึงไม่คิดจะปล่อยให้นางหลุดลอยไป
จากงานเลี้ยงรื่นเริงกลับกลายเป็นงานที่บุรุษผู้สูงศักดิ์ทั้งสองหันมาเผชิญหน้ากัน ด้วยทั้งสองนั้นหมายปองสตรีคนเดียวกัน
เหล่าสตรีที่ยังไม่ออกเรือนต่างนึกริษยาในวาสนาของหลี่หนิงอ้ายยิ่งนัก ที่มีบุรุษถึงสองคนอยากจะแต่งนางไปเป็นพระชายาเอก
องค์ชายซ่งจางหย่งแม้จะดูว่าเป็นบุรุษที่ดูเจ้าชู้เสเพล แต่รูปลักษณ์ที่ดูหล่อเหลาสง่างามของเขา ก็สามารถล่อลวงให้สตรีเข้าไปตกหลุมพรางของเขาได้ในทันที
องค์รัชทายาทเว่ยตงหยางก็เป็นบุรุษผู้มีอนาคตไกลเป็นถึงว่าที่ฮ่องเต้คนต่อไป และเขายังเป็นบุรุษที่ได้ขึ้นชื่อว่าเก่งกาจด้านการวางกลยุทธ์ และการปกครองเป็นที่สุด เช่นนี้แล้วจะเลือกทางไหน ก็ล้วนดีทั้งสิ้น
“หม่อมฉันขอบังอาจคัดค้านเพคะ”
หนานเฟยฮวามารดาของหลี่หนิงอ้ายลุกขึ้นมายืนเคียงข้างบุตรสาวของตนเอง บุรุษพวกนี้ช่างหน้าไม่อายยิ่งนัก พูดจาเช่นนี้หวังจะกดดันให้อ้ายเอ๋อร์ของนางต้องเลือกอย่างนั้นหรือ
หากเลือกองค์ชายซ่งจางหย่ง ก็จะเป็นการผิดใจกับแคว้นเว่ย แต่หากเลือกองค์รัชทายาทเว่ยตงหยาง ก็จะเป็นการผิดใจกับแคว้นซ่งเช่นกัน เช่นนี้แล้วไม่ว่าจะเลือกทางใดล้วนแต่ไม่ดีทั้งสิ้น