บทที่ 3
“ได้จ้ะพ่อ ไว้ยังไงแป้งจะส่งเงินไปให้นะพ่อ”
อลิสาพูดเสียงหวานกับปลายสาย เพราะเจ้าของน้ำเสียงที่โทรศัพท์มาฟังดูเกรงใจเธอไม่ใช่น้อย
“พอดีน้องเรา เจ้าป่านมันไม่ค่อยสบาย เป็นไข้หวัดใหญ่ แม่เราเองก็พลอยติดไข้ไปด้วย”
“แล้วแม่กับน้องเป็นอะไรมากหรือเปล่าพ่อ แป้งอยากกลับไปเยี่ยมจังเลย”
อลิสาว่าเสียงร้อนรน อำนาจผู้เป็นบิดาจึงรีบพูดทันทีด้วยน้ำเสียงแจ่มใส เพราะไม่อยากให้ลูกสาวคนโตของเขาเป็นกังวล
“ไม่เป็นไรมากหรอกแป้งไม่ต้องเป็นห่วง พ่อต้องหยุดงานน่ะลูก เดือนนี้เลยเดือดร้อนกันนิดหน่อย เจ้าป่านต้องเอาเงินไปลงทะเบียนด้วย ไม่อย่างนั้นก็คงไม่กวนแป้ง”
“ยังไงแป้งจะหาเงินไปให้นะพ่อ แป้งมีบัตรเครดิตอยู่เดี๋ยวจะไปจัดการให้นะจ๊ะ พ่อมีอะไรเดือดร้อนบอกนะ แป้งจะจัดการให้”
“ขอบใจมากนะลูก”
อำนาจพูดด้วยน้ำเสียงตื้นตัน อลิสาเป็นลูกที่ดีและกตัญญูมาก แม้จะเกรงใจลูกสาว แต่เมื่อเข้าตาจนเขาก็ต้องลองขอร้องเธอดู และก็ไม่เคยผิดหวังเพราะอลิสาจะทำตามที่เขาขอร้องได้ทุกอย่าง สมรเองก็ภูมิใจในตัวอลิสามาก ที่บุตรสาวส่งเสียครอบครัวทุกเดือนไม่ขาด และอภิชัยเองก็ยึดพี่สาวเป็นแบบอย่างในการประพฤติตัว ทุกคนในครอบครัวจึงรักและเกรงใจอลิสามาก
“ไม่เป็นไรค่ะพ่อ มีอะไรอีกก็บอกแป้งนะ แป้งจะได้จัดการให้”
เธอบอกย้ำอีกรอบเพราะรู้ดีว่าบิดาไม่อยากจะรบกวนเธอเรื่องเงินนัก เมื่อวางสายจากท่านแล้ว อลิสาก็หยิบกระเป๋าเงินขึ้นมาล้วงเอาบัตรเครดิตที่เธอเคยทำไว้เมื่อมีพนักงานมาทำให้ถึงบริษัท ดนยาบอกว่าทำไว้เผื่อฉุกเฉิน ตอนแรกเธอไม่อยากใช้มันนักเพราะกลัวว่าจะเป็นหนี้กันไม่จบ เงินเธอจะหมุนใช้ไม่ทัน แต่ตอนนี้ทางบ้านเดือดร้อน เธอก็คงต้องใช้มันเสียแล้ว
“เฮ้อ...”
อลิสาถอนใจ ขณะที่โยนบัตรไว้บนที่นอนขนาดสามฟุตกลางเก่ากลางใหม่ของตัวเอง ที่ดนยาขนมาให้เธอใช้แทนที่นอนปิกนิกอันเดิม เธอนอนแผ่ตามลงไปก่อนจะเอามือก่ายหน้าผาก ไอ้ความยากจนนี่ช่างน่าโมโหนัก แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อเธอมีติดตัวมาเพียงแค่ความรู้ พ่อแม่ท่านให้เธอได้เพียงการศึกษา เธอก็ต้องใช้มันตอบแทนท่านและหาเลี้ยงตัวเองต่อไป
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกรอบ ทำให้อลิสาเอื้อมมือไปรับ เมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์โทรศัพท์ของใคร เธอก็หรี่ตา ก่อนจะกรอกเสียงลงไปทักทายปลายสาย
“ว่าไงจ๊ะพลอย”
“เรื่องของแป้ง ถึงพี่บก.แล้วนะ เรารู้ว่าแป้งไม่ออนตอนเย็น เลยโทรศัพท์มาบอก ผลการพิจารณาไม่น่าจะนานนะแป้ง”
“ขอบใจมากนะพลอย อุตส่าห์โทรมาบอก”
อลิสาถึงกับน้ำตาซึม ในใจนึกว่าถ้าเกิดงานเธอผ่านการพิจารณาขึ้นมา หรือมีโอกาสให้เธอสักน้อยนิด เธอจะได้ใช้เงินตรงส่วนนี้มาจุนเจือตัวเองและครอบครัวได้บ้าง
“ไม่เป็นไร คนมีความฝันเหมือนกัน ช่วยกันได้ก็ช่วยกันไปนะแป้ง เราอยากให้แป้งได้ เพราะที่นี่เงินดี ไว้ยังไงเราจะช่วยตามให้อีกทางหนึ่งนะแป้ง เออ...เอาเบอร์โทรของพี่บก.ไปด้วยไหม เผื่อแป้งจะโทรถาม เราบอกไว้แล้วว่าแป้งเป็นเพื่อนเรา”
“ไม่ดีกว่า เกรงใจเขา”
อลิสารีบพูด เธอรู้สึกเหมือนตัวเองใช้เส้นสายอย่างไรพิกล หากแต่ปลายสายก็พูดขัดขึ้นมาทันที
“เอาไปเถอะ เผื่อยังไงโทรถามเขาได้เลย พี่เขางานยุ่ง เรากลัวพี่เขาจะลืมด้วย ถ้าเราติดตามบางทีพี่เขาก็อาจจะเห็นใจ แบบแอบลัดคิวอ่านให้ก่อน เพราะเห็นว่าเรากระตือรือร้นไงแป้ง เอ้า จดนะ เบอร์......”
“ไว้ยังไงถ้าเรื่องเราผ่าน เราคงไม่มีวันลืมบุญคุณของพลอยเลย” อลิสาว่าปลายสายหัวเราะกิ๊ก
“ทำยังกับหนังจีน จะไม่ลืมทดแทนบุญคุณ ไม่เป็นไรหรอกแป้ง ช่วยๆ กัน อืม...เราไปปั่นนิยายต่อก่อนนะ ขอให้แป้งโชคดี ถ้ายังไงอาทิตย์หน้าผลยังไม่มา แป้งโทรถามเลยนะ เพราะพี่เขาบอกกับเราว่าอาทิตย์หน้าจะจัดการให้”
อลิสาถึงกับยิ้มออกมาได้บ้าง เมื่อวางสายจากเพื่อนออนไลน์ของเธอแล้ว พลอยพิมพ์เป็นคนน่ารักมากและอยากช่วยเธอจริงๆ เธอกำลังคิดลังเลอยู่ว่าตัวเองจะกล้าโทรศัพท์ไปที่บรรณาธิการไหม ถ้ายังไม่ได้รับอีเมลหรือโทรศัพท์จากทางสำนักพิมพ์ แต่แล้วความลำบากที่รุมเร้าก็ทำให้อลิสาตกลงกับตัวเองอย่างแน่วแน่แล้วว่า อย่างไรเธอก็จะลองโทรศัพท์ไปถามทางสำนักพิมพ์ดู ด้านได้อายอดกันละแป้งเอ๋ย เธอร้องบอกกับตัวเองในใจ...เผื่อว่าผ่านขึ้นมา ชีวิตเธออาจจะดีกว่าที่เป็นอยู่ก็เป็นได้
.................................................................................................................................................................
“เฮ้อ”
อลิสาถอนใจออกมาดังๆ จนดนยาที่นั่งข้างๆ ถึงกับหันมามองเพื่อนสนิทแล้วก็ย่นหัวคิ้ว ท่าทางของอลิสาเครียดมาก
“เป็นอะไรน่ะแป้ง”
เธอถามเพื่อนเป็นเสียงกระซิบ อลิสาส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะฝืนยิ้มให้กับดนยา
“เปล่า ตัวเลขไม่ลงตัวนิดหน่อยน่ะ ไม่มีอะไรหรอก”
“งั้นก็แล้วไป เราเห็นแป้งทำหน้าเครียดมาทั้งอาทิตย์เลย เหมือนกำลังกลุ้มใจอะไรอยู่ กลุ้มใจเรื่องที่ไปกู้เงินบัตรเครดิตหรือไง”
“เปล่า เรื่องนั้นไม่เครียดหรอก เราพอจะจัดการเงินของเราได้ เฮ้อ...”
อลิสาเผลอถอนใจอีกรอบ เธอกำลังกลุ้มใจเรื่องอื่นอยู่ต่างหาก นั่นก็คือผลตอบรับจากสำนักพิมพ์ซึ่งมันไม่มีมาเสียที เธอให้เวลาตัวเองจนครบอาทิตย์หนึ่งก็แล้ว พลอยพิมพ์เองก็บอกให้เธอลองโทรศัพท์ไปสอบถามทางบรรณาธิการได้เลย แต่อลิสาก็ยังไม่กล้า ถ่วงเวลามาจนเกือบอาทิตย์ที่สอง จนเธอเริ่มลังเลว่าจะโทรศัพท์ไปดีไหม
“จดหมายมาแนะแป้ง”
เพื่อนร่วมงานอีกคนเดินมาวางจดหมายไว้บนโต๊ะของเธอ อลิสาพึมพำขอบคุณ เมื่อเห็นซองจดหมายที่เป็นชื่อของบริษัทที่เธอไปทำสินเชื่อแล้ว อลิสาก็กัดริมฝีปาก เธอไปกู้เงินมาหนึ่งหมื่นห้าพันบาท ผ่อนเดือนล่ะพันกว่าบาทมันก็มากโขสำหรับเธอที่ใช้เงินเดือนชนเดือน แสงปลายอุโมงค์ที่เห็นเพียงแค่แสงเดียวก็คืองานจากความฝันของเธอ ถ้ามันผ่าน ระยะเวลาทำรูปเล่มสามสี่เดือนแล้วเธอก็จะได้เงินมาปลดแอกตัวเองเสียที คิดแบบนี้แล้วอลิสาก็ตัดสินใจเด็ดขาด เธอลุกขึ้นทำทีไปห้องน้ำ แต่ติดโทรศัพท์มือถือของเธอไปด้วย ในใจคิดว่าเอาไงก็เอากันล่ะงานนี้
มือที่กดหาเบอร์โทรศัพท์ของบรรณาธิการที่พลอยพิมพ์ให้ไว้ค่อนข้างสั่นเล็กน้อย เมื่อทางโน้นรับสายด้วยน้ำเสียงงัวเงีย อลิสาก็แทบจะกลั้นใจที่จะคุยกับปลายสาย
“สวัสดีค่ะ พี่โอ”
“ใครน่ะ” เสียงห้าวๆ ดังขึ้นเหมือนไม่ค่อยเต็มใจนัก ทำเอาอลิสายิ่งใจฝ่อ
“คือว่า หนูชื่ออลิสา เอ่อ...ที่ส่งเรื่องไปให้พิจารณาน่ะค่ะ พลอยให้หนูลองโทรมาสอบถามพี่เกี่ยวกับผลการพิจารณาน่ะค่ะ”
“พลอยไหนกันน่ะ”
ทางนั้นนิ่งไปเล็กน้อย อลิสาเลยรีบพูดต่อทันที ในใจอดนึกตกใจที่บรรณาธิการจำพลอยพิมพ์ไม่ได้ หรือนักเขียนในสังกัดของเขาจะเยอะมากกันนะ
“พลอยพิมพ์ เจ้าของนามปากกา พชรอรน่ะค่ะ”
“อ๋อ...เด็กยายพลอย น้องเป็นคนที่เขียนเรื่องสายธารรักใช่ไหม ที่เนื้อเรื่องเป็นรักสามเส้าออกแนวญี่ปุ่นโบราณหรือเปล่า เราน่ะ”
“ค่ะ หนูใช้นามปากกาว่า อลิส”
อลิสาใจมาขึ้นอีกมาก เมื่อทางโน้นพูดชื่อเรื่องของเธอถูกต้อง เขาคงจะอ่านนิยายของเธอแล้วสินะแบบนี้
“คือว่า...”