บทที่ 2
อลิสารู้สึกดีกับข้อความที่ส่งตอบกลับมาจนแอบน้ำตาคลอ พลอยพิมพ์เป็นเพื่อนที่เธอไม่เคยเห็นหน้า นอกจากรูปภาพในเอ็ม เอส เอ็น หากแต่เธอก็รับรู้ได้ถึงมิตรภาพที่พลอยพิมพ์มีให้ และอยากจะช่วยเธอให้ได้ไปบนทางฝันนี้อย่างจริงจัง
เสียงสนทนาที่ดังเข้ามาในออฟฟิศ ทำให้อลิสาต้องรีบปิดโปรแกรมที่กำลังสนทนากับเพื่อนอยู่ แล้วเปิดอย่างอื่นขึ้นมาดูแทน เธอยังไม่อยากให้ใครรู้นักเรื่องความฝันที่เธอไล่คว้าอยู่ อลิสารู้สึกอายน้อยๆ และกลัวคนจะหาว่าเธอหวังสูงเกินไป ที่อยากจะเป็นนักประพันธ์
“ไม่ไปกินข้าวเหรอแป้ง”
ดนยา เพื่อนร่วมงานที่นั่งโต๊ะติดกัน ถามอลิสาอย่างเป็นห่วง พลางส่งถุงขนมปังที่เธอซื้อมาเก็บแอบไว้เป็นของว่างในยามบ่ายให้กับอลิสา
“เอ้า! เราให้”
“เก็บไว้กินเถอะ ดิว”
อลิสายิ้มให้พลางส่ายหน้าปฏิเสธ ดนยามองสภาพร่างผอมบางของอลิสาแล้วก็ถอนใจ เธอมองใบหน้าเรียวเล็กที่มีเครื่องหน้าจิ้มลิ้มเข้ากันของเพื่อนร่วมงานอย่างชื่นชม อลิสามีหน้าตาน่ารักเหมือนตุ๊กตา หากแต่เจ้าตัวชอบทำหน้ายุ่ง เหมือนครุ่นคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา แถมไม่ค่อยจะสนใจแต่งตัวนัก ผมยาวก็เพียงแต่รวบไว้ง่ายๆ เท่านั้นเอง ชุดแบบฟอร์มก็ตัวใหญ่ไปกว่าร่างบางเล็กน้อย ทำให้เจ้าตัวเหมือนเด็กกะโปโล มากกว่าหญิงสาวอายุ 26 ปี อย่างที่เป็นอยู่
“เอาไว้เถอะ ข้าวเที่ยงก็ไม่ยอมไปกิน พี่ยาใจให้งานมาอีกแล้วเหรอ?”
ประโยคหลังเจ้าตัวลดลงเป็นเสียงกระซิบให้ได้ยินกันสองคน แล้วแอบมองไปยังโต๊ะของหัวหน้าแผนกที่อยู่หน้าสุด ยาใจหญิงโสดวัยกลางคนเคร่งระเบียบที่ดูท่าทางจะไม่ค่อยชอบอลิสานัก บางทีก็มักจะทำเหมือนแกล้งลูกน้องสาวเสียดื้อๆ โดยการให้งานที่หนักกว่าคนอื่น
“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก เราไม่หิว แต่เก็บไว้ก็ได้ ดีจังได้กินของฟรี ประหยัดไปอีกมื้อ”
อลิสายิ้มจนตาหยีให้กับดนยา เธอกับดนยาอยู่หอพักเดียวกัน ไปกลับด้วยกันทุกวันและค่อนข้างจะสนิทกันในระดับหนึ่ง ดนยาอยู่กับแฟนหนุ่มที่เป็นพนักงานขาย ออกต่างจังหวัดบ่อยๆ จึงฝากฝังดนยาไว้กับอลิสาให้ช่วยดูแลกันยามที่เขาไม่อยู่
“แหม...งกอีกแล้ว มีปัญหาเรื่องเงินอีกหรือเปล่าน่ะแป้ง บอกเราได้นะ เราพอมีจะได้ช่วยๆ กันได้ นี่ก็เกือบจะสิ้นเดือนแล้ว”
ดนยาว่า เธอรู้ว่าอลิสาค่อนข้างจะขี้เกรงใจ เงินเดือนของหญิงสาวบางทีก็ไม่ค่อยจะพอใช้ เพราะเจ้าตัวมักจะส่งไปช่วยทางบ้านบ่อยครั้งจนตัวเองไม่มีเงินเก็บ แม้กระทั่งบางทีก็แทบจะไม่มีเงินใช้ให้ครบเดือน
“เปล่า เดือนนี้พอจ้ะ เหลืออีกพันกว่าๆ”
อลิสาหัวเราะกิ๊ก อดนึกถอนใจไม่ได้กับความยากจนของตัวเอง แต่อย่างไรชีวิตยังไม่สิ้น มันก็ต้องดิ้นกันให้ถึงที่สุด คงจะมีสักวันที่เธอจะได้ลืมตาอ้าปากกับเขาได้บ้าง
“ไม่พอบอกนะแป้ง ไอ้มาอดข้าวจนเป็นลมเหมือนเดือนก่อน ไม่เอาแล้วนะ”
ดนยาว่าดักคอ อลิสาจึงอมยิ้ม เธอเลื่อนเก้าอี้ไปข้างๆ ที่นั่งของดนยา แล้วกอดแขนเพื่อนรักไว้อย่างประจบ พลางพูดเสียงหวานว่า
“จ้า ไม่เอาแล้ว ดิวด่าเราตั้งสองวันติดหูชาไปหมดเลย เข็ดแล้วจ้า แถมหิวข้าวจนแสบท้อง เกือบต้องไปหาหมออีก”
“จะบ่ายโมงแล้วนะ เริ่มทำงานกันได้แล้ว อลิสา เอกสารของคุณเคียวที่พี่ให้ทำน่ะ คุณทำเสร็จแล้วหรือยัง”
เสียงเข้มแกมดุดังมาจากโต๊ะของหัวหน้าแผนก ทำเอาสองสาวถึงกับเงียบกริบกันเลยทีเดียว อลิสาแอบย่นจมูกให้กับดนยา แล้วตอบกลับไปเสียงหวาน
“ค่ะ เรียบร้อยแล้วค่ะ คุณยาใจ”
“เอาไปซีร็อก แล้วก็เอาไปให้ที่ห้องคุณเคียวด้วยนะจ๊ะ คุณเคียวจะประชุมบ่ายสอง”
ยาใจว่า อลิสาจึงลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานของเธอเพื่อไปทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย เธอเดินไปที่มุมถ่ายเอกสาร ใจอดเต้นไม่ได้เมื่อนึกถึง ‘คุณเคียว’ ของยาใจ
คณิน หรือคุณเคียวที่พนักงานพากันเรียกขาน เป็นบุตรชายคนโตของตระกูลสาระประสิทธิ์ ที่มานั่งบริหารในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ คณินเป็นเจ้านายที่ขึ้นชื่อว่าดุมาก สายตาคมกริบของเขาราวกับใบมีดโกน วาจาของเขาก็เชือดหัวใจได้ไม่แพ้สายตา คิดถึงกิตติศัพท์แล้วอลิสาก็ขาสั่น เธอเคยเห็นรูปเขาตรงบอร์ดผู้บริหาร ใบหน้าคมสัน นัยน์ตาคมดุ ริมฝีปากบางเฉียบ ดูโดยรวมแล้วเขาเป็นคนหน้าตาดีมาก หากแต่เรื่องที่เล่ากันเกี่ยวกับเขาแล้ว มันทำให้ไม่มีใครกล้าจะไปยุ่งเกี่ยวกับเขาเลยแม้สักคนเดียว สาวๆ ในบริษัทเพียงแค่ได้แอบมองคุณเคียวเท่านั้นเอง ไม่มีใครกล้ายุ่งกับเขาเลย
“อย่าติดสิ อ้าวๆ”
อลิสาย่นหัวคิ้ว เมื่อเครื่องถ่ายเอกสารติดขัดเอาดื้อๆ เธอเปิดเครื่องและพยายามดึงกระดาษออกอย่างทุลักทุเล มันติดเข้าไปค่อนข้างจะลึกทำให้หญิงสาวต้องออกทั้งแรง และพยายามแงะให้กระดาษออกมาจนมือเธอเลอะไปด้วยหมึกเต็มไปหมด อลิสาถอนใจเมื่อในที่สุดกระดาษเจ้าปัญหาก็หลุดออกมา เธออยากทำงานให้เสร็จเร็วๆ ตอนนี้เธอกำลังเขียนนิยายเรื่องใหม่ และพอจะมีเวลาว่างบ้าง จะได้แอบพิมพ์สักหน้าสองหน้าก็ยังดี
“ดึงเบาๆ สิคุณ เดี๋ยวเครื่องก็พังหรอก”
เสียงห้าวแกมดุที่ดังมาจากเบื้องหลัง ทำให้อลิสาที่ชักกะเย่อกับเครื่องถ่ายเอกสารจนเป็นฝ่ายชนะมันถึงกับสะดุ้งสุดตัว
เมื่อหันไปทางต้นเสียง อลิสาถึงกับอ้าปากค้าง ชายหนุ่มรูปร่างสูง ไหล่กว้าง ในชุดสูทสีดำสนิทที่ยืนอยู่ตรงหน้า ดูดีกว่าในรูปภาพเกือบสิบเท่ากระมัง จะว่าไปในภาพเขาทำหน้าเฉย แต่ตอนนี้เขากำลังทำหน้าบึ้ง ใบหน้าคมสันนั้นดูงดงามราวกับภาพวาด ทั้งรูปหน้า คิ้ว นัยน์ตาคม จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางเฉียบที่กำลังเม้มอยู่อย่างไม่พอใจ นี่สินะ ‘คุณเคียว’
คณินเองก็มองกวาดใบหน้าจิ้มลิ้ม ที่เต็มไปด้วยคราบหมึกของแม่สาวตรงหน้าเขม็ง เขาได้ยินเสียงบ่น แล้วเสียงปิดเปิดอะไรแรงๆ สองสามทีในมุมถ่ายเอกสารเลยแวะดู ปรากฏว่าเป็นพนักงานของเขากำลังวุ่นวายกับกระดาษที่ติดขัดอยู่ในเครื่อง คณินเป็นคนนิสัยเจ้าระเบียบและค่อนข้างจะรักข้าวของทุกชิ้น เขาจึงไม่ใคร่ชอบใจนักที่พนักงานของเขาทำกับสิ่งของ ของบริษัทอย่างไม่ทะนุถนอมแบบนี้ เขาเอ็ดเธอตามความเคยชินของคนที่มีอำนาจเสียงเข้มว่า
“ทำอะไรเบาๆ หน่อยสิ เดี๋ยวของพังขึ้นมา ผมจะหักเงินเดือน อยู่แผนกอะไร”
“ผะ แผนก บะ บัญ ชะ ชีค่ะ”
อลิสาหายตกใจได้แล้ว จึงตอบเสียงตะกุกตะกัก ตายแล้ว! เจ้านายหนุ่มคนนี้น่ากลัวกว่าที่เขาอ้างสรรพคุณกันมากมายนัก โห...ดูทั้งสายตาทั้งน้ำเสียงสิ นี่เธอแค่ปิดเครื่องถ่ายแรงไปนิดเดียว เขาทำเหมือนเธอทำความผิดใหญ่หลวง ลอบเผาบริษัทเขาอย่างไรอย่างนั้นแหละ
“ชื่ออะไร?”
เสียงดุดันนั่นถามมาอีก อลิสาแทบจะหัวใจวายตาย เขาอยากรู้ชื่อเธอไปแบบนี้ จะเอาไปทำทัณฑ์บนไว้หรือเปล่าหนอ คนอะไรดุเป็นบ้า หล่อแต่น่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก กรรมเวรอะไรของเธอกันนะ เจอเรื่องร้ายๆ ติดกันสองเรื่องในวันเดียว ไหนจะผลพิจารณาไม่ผ่าน ไหนจะเผลอปิดเครื่องถ่ายแรงไปหน่อยเดียวจนโดนเจ้าของบริษัทเอ็ดเอาจนตัวลีบตัวเล็กแบบนี้
“อะ อลิสา พิพัฒน์ค่ะ”
“โอเค คุณอลิสา วันหลังก็กรุณาช่วยรักษาข้าวของ ของบริษัทด้วยนะครับ”
คณินว่าก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้น อลิสาแทบไม่กล้าเงยหน้ามองว่าเขาออกไปหรือยัง ได้แต่ยืนก้มหน้าอยู่แบบนั้น จนเมื่อเสียงฝีเท้าดังจากไปแล้ว อลิสาจึงกล้าเงยหน้ามองว่าคนหน้าตาหล่อคม ชวนมอง แต่ไม่ชวนเข้าใกล้คนนั้นไปหรือยัง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครแล้ว เธอจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก มือจับอกด้านซ้ายที่หัวใจเต้นรัวเร็วไว้ก่อนจะบ่นพึมพำ
“ใจจ๋า เต้นช้าๆ หน่อยเดี๋ยวจะวายเอา คนอะไรน่ากลัวเป็นที่สุด สมแล้วที่ชื่อเคียว ท่าทางจะคมน่าดู ตาดุสุดๆ โอย...ตอนเอางานไปวางให้ ขอให้ลูกอย่างเจอกับเขาเล้ย สาธุ!”
แต่เหมือนคำขอพรของอลิสาไม่ได้ผล เมื่อเธอขึ้นลิฟต์ไปยังแผนกบริหารที่อยู่ด้านบน เลขานุการของคณินไม่อยู่ อลิสาจึงเม้มริมฝีปากอย่างลังเล ใจหนึ่งบอกว่าวางไว้แล้วรีบวิ่งกลับแผนกดีกว่า หากแต่อีกใจหนึ่ง บอกว่าขืนเธอทำแบบนั้น เธออาจจะซวยสองชั้น เกิดเอกสารหาย เธอต้องโดนเล่นงานจากทั้งยาใจ และคณินด้วยแน่ๆ คนแรกชักจะน่ากลัวน้อยไปเสียแล้ว เมื่อเปรียบเทียบกับคนหลังที่เธอเพิ่งเจอมากับตัวเมื่อครู่
“เชิญครับ”
เสียงห้าวๆ แกมดุนั้น ทำเอาอลิสาแทบจะสะดุดขาตัวเอง ขณะที่คนที่กำลังก้มหน้ากับงานบนโต๊ะเองก็เงยมองหน้าเธอแล้วก็ย่นคิ้ว นี่มันแม่พนักงานหน้ามอมเหมือนลูกแมว ในห้องถ่ายเอกสารนี่นา
“เอ่อ อะ เอา เอกสารมาให้ค่ะ จะ จากคุณยาใจ”
อลิสาว่าเสียงติดอ่าง ท่าทางของเธอที่หวาดกลัวเขามากจนเสียงสั่น หน้าซีด ก็ทำเอาคณินต้องกลั้นหัวเราะไว้เต็มที่กับหน้าตาตลกๆ ของเจ้าตัว เขาพยักหน้าให้เธอ แล้วกระแอม เมื่ออลิสาขอตัวจะออกไปจากห้องทำงานของเขา
“เดี๋ยวก่อนสิ คุณอลิสา”
“คะ ค่ะ”
จำชื่อเราได้ด้วย อลิสานึกในใจ ก่อนจะหันมายิ้มแหยๆ ให้กับเจ้านายหนุ่มที่ตอนนี้มีใบหน้าครึ่งยิ้มครึ่งบึ้งพิกล เพราะเจ้าตัวกลั้นขำไว้ เขาส่งกระดาษเช็ดหน้าให้กับเธอพลางพูดเสียงทุ้ม
“อ้าว เอาไปเช็ดหน้าเช็ดตาเสีย หน้าตามอมอย่างกับแมว”
“ขอบคุณค่ะ”
อลิสารับกระดาษชำระจากเขา ใบหน้าเธอแดงเรื่อ คณินแอบมองสำรวจใบหน้ามอมๆ ของหญิงสาว เจ้าหล่อนมีหน้าตาเหมือนตุ๊กตา ปากนิด จมูกหน่อย ตาโตหวานเชียว หากแต่ผอมไปสักนิด แล้วก็ตัวเล็กมาก แต่งตัวเหมือนยืมเสื้อของพี่สาวมาใส่ เพราะมันค่อนข้างจะหลวมมาก ชายหนุ่มหรี่ตาเลิกให้ความสนใจอลิสาพลางโบกมือไล่พนักงานสาว
“ไปได้แล้ว ขอบใจมากนะที่เอาเอกสารมาให้ผม”
อลิสาแทบจะวิ่งออกมาแทบไม่ทัน เมื่อออกมาได้แล้ว เธอก็ถอนหายใจอีกเฮือก อดบ่นกับตัวเองอีกรอบไม่ได้
“คนอะไรน่ากลัวจริงๆ เฮ้อ...บรื๋อ หวังว่าคงไม่เจอกับตาคุณเคียวนี่บ่อยๆ นะ ขืนเจอบ่อยๆ อันตรายต่อสุขภาพของหัวใจเรามาก ใจจะวายเอาสักวัน คนอะไรตาดุ เสียงดุ แถมเจ้าระเบียบสุดๆ”