3
“คุณเพลิน ต่อไปผมขอสั่งให้คุณเรียกแทนตัวเองด้วยชื่อเล่น”
“โหย... นี่เป็นการบังคับกันเลยนะคะ” เธอพูดขึ้นก่อนจะตาโตใส่เขา
“คุณต้องทำงานกับผมอีกนาน เราก็ควรที่จะสนิทกันเอาไว้ ไม่ใช่เหรอ” ท้ายประโยคเขาเอ่ยถามเธอ
เธอฟังแล้วคิดตามเขา เธอเองก็ต้องทำงานอยู่กับเขาอีกนาน จนกว่าจะหางานใหม่ได้ ซึ่งงานใหม่หายากยิ่งกว่าอะไรในยุคข้าวยากหมากแพงและคนตกงานมากมายเช่นนี้ เธอได้งานทำที่นี่ก็ถือว่าโชคดีมาก ที่พักอยู่ใกล้ที่ทำงาน เดินเอาเหนื่อยหน่อยแต่ก็ถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ ไม่ต้องเสียค่ารถค่าเรือเหมือนอยู่กรุงเทพฯ ที่สำคัญก็คือเงินเดือนที่นี่ทำให้เธอมีเงินจ่ายค่าห้อง ค่ากินและเหลือเก็บอีกก้อนเล็กๆ หญิงสาวคิดถึงเงินเดือนและสวัสดิการที่จะได้รับเธอก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีมาก
“ค่ะ ฉันจะทำงานกับคุณอีกนาน”
“อะไร”
“อะไรคืออะไรคะ”
“นั่งคิดแล้วตอบว่าจะทำงานกับผมอีกนาน ตอนแรกคิดว่าจะไม่ทำงานกับผมหรือไง”
“เปล่าค่ะ ท่านประธานน่ะชอบจับผิด ขี้ระแวง”
“อ้าว... ผมเป็นแบบนั้นเหรอ”
“นั่นน่ะสิถึงยังหาเมียไม่ได้” ท้ายประโยคเธอต่อว่าต่อขานเขาเบาๆ แต่เขาก็ยังหูดีแอบได้ยิน
“ใครบอกว่าผมหาเมียไม่ได้ ผมเลือกเยอะต่างหากล่ะ”
“ท่านประธานนี่โคตรหลงตัวเองเลยนะคะ” เธอย่นจมูกใส่เขาเหมือนที่ชอบทำ
“คุณก็อย่าหลงผมแล้วกัน” เขาจ้องตาเธอ เธอพาใบหน้าถอยหนี เกิดความขัดเขินอย่างไม่ทันตั้งตัว ก็พอดีกับที่พนักงานของร้านนำเมนูมาวางให้กับลูกค้า
“ขออภัยด้วยนะคะที่ล่าช้า วันนี้ลูกค้าเต็มร้าน พนักงานของเราเลยไม่พอค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ” นิรันดร์ตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ ยิ้มให้พนักงานเสิร์ฟสาวอย่างอ่อนโยน ทำให้เพลินตาแอบย่นจมูกในการโปรยเสน่ห์ของเขา
“รันคะ ดีใจจังเลยที่ได้พบคุณ” มีหญิงสาวสวยนางหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างดีใจที่ได้เจอกับนิรันดร์
“สวัสดีครับโรส มารับประทานอาหารเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ” โรสมาวัลย์ตอบด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ เพลินตาเห็นท่าทีของคนทั้งสองก็ถึงกับตาโต แอบยิ้มให้กันหวานหยด แสดงว่าไม่ใช่เพื่อนหรือคนรู้จักธรรมดาแน่ๆ อีตาท่านประธานของเธอต้องแอบชอบผู้หญิงที่ชื่อโรสแน่ๆ
“เสียดายจังเลยนะคะที่โรสจองโต๊ะเอาไว้แล้ว ไม่อย่างนั้นจะมาขอนั่งกับรันด้วย” คนพูดโอดอ่อยทอดสายตาให้นิรันดร์อย่างโจ่งแจ้ง เพลินตาถึงกับบอกตัวเองว่าเธอเดาผิด ผู้หญิงที่ชื่อโรสหล่อนอ่อยเจ้านายของเธอ และดูเหมือนกับว่าท่านประธานของเธอจะเล่นตัว
ชิ! หล่อเลือกได้
“งั้นโรสขอตัวก่อนนะคะ”
“ตามสบายครับ”
“เอาไว้เจอกันนะคะ”
“ครับ” เขายิ้มบางๆ ให้เธอ
“เธออ่อยท่านประธานนะคะ” เพลินตาปากไว เธอพูดตามที่เห็น ก่อนจะรีบปิดปากทำสีหน้าแหยๆ เมื่อเห็นว่าเขาหันมาเลิกคิ้วมอง
ทำไมเพลินตาเห็นหน้าของเขาแล้วถึงได้ใจสั่นระทึกขนาดนี้ แค่เลิกคิ้วยังหล่อขนาดนี้ เอาแล้วสิ มองดีๆ ถ้าไม่คิดว่าเคยมีเรื่องกันมาก่อน แล้วต้องจับพลัดจับผลูมาทำงานด้วยกัน คนตรงหน้าของเธอหล่อเหลาหาตัวจับยาก
เขาเป็นคนผิวดี นิรันดร์เป็นคนผิวขาวเหลือง ใบหน้าเรียวคมสัน จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากกว้าง คางผ่า ดวงตาสีเข้มดูทรงพลัง ตอนยิ้มดันมีลักยิ้มตรงมุมปากให้เขาน่ามองปนน่ารักเข้าไปอีก แค่อยู่เฉยๆ ตาเขาก็เหมือนคนยิ้มอยู่ตลอดเวลา
“เป็นอะไร”
“อุ๊ย!” เธออุทานพาใบหน้าถอยหนีเมื่อเขาขยับใบหน้าเข้ามาใกล้
“เป็นอะไรครับคุณเลขา จ้องผมไม่หยุด ตกหลุมรักผมหรือไง”
“แค่กๆๆ” คนที่เสไปยกน้ำขึ้นมาดื่มเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเขาถึงกับสำลักหูตาแดงไปหมด
“ดื่มดีๆ สิคุณ สำลักใหญ่แล้ว” เขายังมีน้ำใจลุกจากเก้าอี้มาลูบหลังลูบไหล่ให้เธอ เพลินตาโบกไม้โบกมือไปมา บอกว่าไม่เป็นอะไร
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรค่ะ”
“คุณจ้องผมทำไม”
“เปล่าค่ะ”
“ผู้ร้ายปากแข็ง ผมเห็นว่าคุณจ้องผมอยู่”
“ฉันแค่คิดว่าคุณเป็นเกย์หรือเปล่า” เธอเบี่ยงเบนประเด็น ใครจะไปบอกเขากันล่ะว่า เธอรู้สึกว่าเขาหล่อลากไส้เสียเหลือเกิน
“แค่กๆๆ” คราวนี้คนที่สำลักคือนิรันดร์ เขาสำลักจนหูตาแดงไปหมด
เธอยิ้มแหยๆ ให้เขา นิรันดร์ทำตาดุใส่ ก่อนจะจ้องตาเธอจนเธอต้องพาใบหน้าถอยหนีอีกรอบ
“คุณจะพิสูจน์ไหมคุณเลขา”
“ไม่ค่ะ ฉันไม่อยากพิสูจน์” เธอรีบบอกเขาเสียงระรัว รู้สึกมีใครมองมาที่เธอ พอหันไปมองก็เจอเข้ากับสายตาของผู้หญิงที่ชื่อโรสกำลังจ้องเธออยู่ ทำเอาเพลินรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมาในทันที ถ้าผู้หญิงคนนั้นลากเธอไปตบกลางสี่แยกไฟแดงได้คงทำไปแล้ว
“เอาจริงๆ นะคะท่านประธาน ถ้าฉันโดนลากไปตบกลางสี่แยกไฟแดงได้คงโดนทำแบบนั้นไปแล้ว” คนปากไวพูดขึ้นอีก ก็พอดีกับพนักงานมารับออร์เดอร์
“ขออภัยด้วยนะคะที่ล่าช้า”
“ไม่เป็นครับ” นิรันดร์ตอบดังเดิม เขาใจเย็นมาก ผิดกับมาดกวนๆ ที่เธอเจอเขาในครั้งแรก
นิรันดร์เริ่มสั่งอาหาร ในขณะที่เพลินตาแทบไม่ได้สนใจเมนู เธอเลยมองหน้าเขาสลับกับมองหน้าพนักงาน เพราะไม่รู้จะสั่งอะไรดี
“คุณไม่สั่งอาหารเหรอครับคุณเพลิน”
“ฉันกินอะไรก็ได้ที่ท่านประธานสั่งค่ะ” กินฟรีแบบนี้ เธอจะเรื่องมากได้อย่างไรกัน
“งั้นผมสั่งให้แล้วกัน คุณชอบกินอะไรล่ะ” เขาถามอย่างเอื้อเฟื้อ
“ฉันกินได้ทุกอย่างค่ะ” ในเวลานี้เธอต้องกินได้ทุกอย่างเพราะว่ามันกินฟรี ไม่อยากเรียกร้องอะไรมาก เธอมีเงินอยู่ไม่ถึงพันด้วยซ้ำ ทุกวันนี้ต้องซื้อมาม่ามากักตุนเอาไว้เพื่อให้อยู่รอดจนถึงปลายเดือน ไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องเกาะงานนี้เอาไว้ให้แน่นๆ จะให้โดนไล่ออกไม่ได้เด็ดขาด
นิรันดร์ฟังแล้วสั่งอาหารให้หญิงสาวตรงหน้า คิดว่าเธอคงอยากกินอะไรที่ย่อยง่ายเพราะเย็นมากแล้ว จึงสั่งสลัดผักผลไม้และสเต็กปลาให้เธอ
เพลินตาคิดว่าเขาใส่ใจกับเธอพอสมควร เพราะเธอไม่อยากอ้วนกินอาหารหนักท้องในช่วงเย็น
หญิงสาวนั่งรออาหารอย่างใจจดจ่อ จะมีพลังงานอำมหิตจิกกัดมาจากโต๊ะไหนเธอก็ไม่สน หญิงสาวหัวเราะในใจอย่างชั่วร้าย ท่านประธานสุดหล่อนั่งอยู่กับเธอ คนอื่นได้แค่มอง คิดได้ดังนั้นเธอก็เชิดหน้ายิ้มยั่วกลับไป ไม่ได้อยากมีศัตรูหรอกนะ แต่ผู้หญิงที่ชื่อโรสนั่น กำลังมองเธอยังกับจะกินเลือดกินเนื้อ ทำยังกับว่าเธอไปขโมยของอะไรของเจ้าหล่อนอย่างนั้นแหละ ทั้งๆ ที่เธอนั่งของเธออยู่ดีๆ
เพลินตารู้สึกว่าการหนีมาต่างจังหวัดเช่นนี้ มันทำให้เธอกลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง ที่นี่ไม่มีใครรู้ว่าตอนอยู่กรุงเทพฯ เธอเสียความเป็นตัวเองแค่ไหน ทั้งที่ทำงาน ทั้งกับผู้ชายที่เธอรัก เธอต้องวิ่งตามจนเหนื่อยแถมยังถูกหลอกอีก
สงสัยยั่วผู้ชายแล้วผู้ชายไม่เอา เพื่อนๆ ในก๊วนเดียวกันก็กระซิบกระซาบยุแยงตะแคงรั่วกันใหญ่ เธอเคยเจอผู้หญิงประเภทนี้ ก็เพื่อนร่วมงานของเธอที่กรุงเทพฯ ไง เธอไม่สนใจและไม่คิดจะเสวนาด้วย ถึงแม้ว่าจะไม่มีกลุ่มก้อนพรรคพวกก็ดีกว่าต้องทนใส่หน้ากากคบกับคนนิสัยเสีย
“เคยมีผู้หญิงตบกันแย่งท่านประธานไหมคะ” ประโยคคำถามของเธอทำให้เขาสำลักอีกรอบ เพลินตาอยากจะตบปากตัวเองนัก คิดว่าตัวเองไม่ควรถามเขาออกไปเช่นนั้น จึงรีบเอ่ยขอโทษออกไปเบาๆ
“ขอโทษค่ะ เพลินนี่ไม่รู้จักกาลเทศะจริงๆ เลย” เธอตบปากตัวเองด้วยใบหน้าแหยๆ
“ก็มีนะ”
“นั่นปะไร” คราวนี้เธอไม่ได้คิดว่าเขาหลงตัวเองหรอก แต่เขาหน้าตาดีออกขนาดนี้ ยิ้มทีสาวๆ คงใจละลาย น่าจะมีเรื่องตบตีของผู้หญิงอยากแย่งเขามาเป็นสามี
“แต่ตบกันแย่งผมหรือเปล่าไม่รู้ แถวนั้นมีแมวอ้วนหน้าตาน่ารักอยู่ด้วย บางทีพวกหล่อนอาจจะแย่งแมวอ้วนตัวนั้นอยู่ก็ได้” คนฟังแทบตกเก้าอี้เมื่อฟังประโยคถัดมา ตอนแรกเข้าใจว่าตัวเองคิดถูก ที่ไหนได้???