2
เธอยังได้ยินเสียงขำของคนในห้อง อย่าบอกนะว่า... ว่าที่เจ้านายคนใหม่ของเธอหัวเราะเยาะเธอ
เขาเป็นผู้ชายประเภทไหนกันนะ ถ้าไม่ติดว่าเธอต้องมาของานเขาทำ เธอจะตั้นหน้าเขาให้ดั้งหักเลย
“ซุ่มซ่ามไม่มีใครเกิน” เสียงคุ้นๆ นั้นทำให้เธอต้องเงยหน้าขึ้นมอง เพลินตาถึงกับตาโตเท่าไข่ห่านเมื่อเห็นว่าใครที่มายืนอยู่ตรงหน้าของเธอ
หญิงสาวรีบลุกขึ้น สะบัดมือของเขาที่ยื่นมาให้การช่วยเหลืออย่างโกรธๆ
“ไม่จำเป็น”
“หมายความว่าคุณไม่อยากสัมภาษณ์งานกับผม” ประโยคของเขาทำให้เธอชะงักกึก ก่อนจะปรับสีหน้าเสียใหม่ แย่แล้ว ผู้ชายคนนี้เป็นเจ้าของบริษัทอย่างนั้นเหรอ เธอเจอเขาสามครั้งแล้วนะ แต่ทำตัวไม่น่ารักกับเขาเอาเสียเลย
เพลินตาท่องเอาไว้ในใจเพื่องานเพื่อเงิน และเพื่อที่อยู่ เธอไม่อยากไปนอนข้างถนน นี่ก็เอาของมีค่า ออกมาขายจนหมดตูดแล้ว นั่นก็คือทองที่เธอแอบเก็บสะสมเอาไว้ ถ้าต้องขายอีกก็คงขายตัวเป็นแน่
“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นค่ะ”
“อ้อ... เหรอครับ ผมเห็นคุณทำหน้าหงิกงอใส่ผม ผมนึกว่าคุณไม่อยากทำงานกับผมเสียอีก”
“ฉันแค่นิ่วหน้าเพราะเจ็บค่ะ เมื่อกี้ฉันล้ม มันเจ็บน่ะค่ะ” เธอโกหกคำโต ฉีกยิ้มกว้างขวางใส่เขา
“เชิญนั่งสิคุณเพลินตา ธนกร” เขาผายมือให้เธอนั่ง เธอก็จำต้องนั่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จะยืนสัมภาษณ์ก็ดูจะไร้มารยาทจนเกินไป
เธอเหลือบมองป้ายชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ของเขา นิรันดร์ เลิศทรัพย์สกุล ก่อนจะคิดในใจ คนอะไรชื่อนิรันดร์
แล้วคนอะไรชื่อเพลินตาล่ะ ถ้าเขาสวนกลับเธอจะตอบยังไง ชื่อแส้คงไม่สำคัญเท่านิสัยกระมัง เธอขยับตัวอย่างอึดอัด มองเขาอ่านประวัติของเธอซ้ำๆ แล้วลุ้นจนตัวโก่ง เขาจะรับหรือไม่รับก็เอาสักอย่าง จะสัมภาษณ์หรือไม่สัมภาษณ์ก็บอกมา เธอพร้อมมากตอนนี้
ไม่ใช่พร้อมตกงานอย่างถาวร แต่พร้อมคุกเข่าลงไปอ้อนวอนขอร้องให้เขารับเธอเข้าทำงาน!!!
“ใช่ค่ะ” เธอตอบอย่างยิ้มแย้ม
“ชื่อเพราะ มีประสบการณ์ทำงาน คุณแน่ใจเหรอว่าคุณทำงานได้ทุกอย่าง” ประโยคคำถามของว่าที่เจ้านายหนุ่ม ทำเอาเธอถึงกับกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะรีบพยักหน้าฉีกยิ้มกว้าง
“ใช่ค่ะ ฉันทำงานได้ทุกอย่างค่ะ” เธอรีบตอบรับ นี่เป็นนิมิตรหมายอันดี แสดงว่าเขาสนใจที่จะรับเธอเข้าทำงาน
“ถ้าทำงานได้ทุกอย่าง งั้นผมรับคุณเข้าทำงาน”
“คะ!” เธอหลุดอุทานออกมาทำสีหน้าตกใจไม่น้อย ก่อนจะเอ่ยขอบคุณเขา ท่าทีดีใจของเจ้าหล่อนทำให้เขารับไหว้แทบไม่ทัน
ยายเด็กนี่ก็มีมารยาทเหมือนกันนะ นิรันดร์คิดในใจ
“เอาละ ที่ผมรับคุณเข้ามาเป็นเลขาเพราะคุณทำงานทุกอย่างได้จริงๆ นะ”
“ฉันทำงานได้ทุกอย่างหรือคุณไม่เชื่อ” เธอเชิดหน้าขึ้น ไม่ชอบให้ใครมาสบประมาท
“ก็ต้องทดสอบกันก่อน” เขาตรงเข้าหากอดรัดเธอแนบอก ก่อนจะบดจูบริมฝีปากอวบอิ่มนั้น
“อือ... อะไรของคุณ ปล่อยนะ” เธอดิ้นหนี ส่ายหน้าไปมามองเขาอย่างเอาเรื่อง
“บอกให้ปล่อยยังไงล่ะ”
“ไหนบอกว่าทำได้ทุกอย่างยังไงล่ะ”
“ฉันมาทำงานไม่ได้มาขายตัว ถ้าคุณไม่ได้อยากรับฉันเข้าทำงานจริงๆ แค่อยากจะรังแกหรือแกล้งก็ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ”
น้ำตาที่รื้นขึ้นมาจากหน่วยตาทำให้เขาอึ้งไป นิรันดร์ไม่เคยทำกับผู้หญิงคนไหนแบบนี้มาก่อน เขารู้สึกว่าตัวเองนิสัยไม่ดีเอามากๆ และใจของเขาก็ไม่ได้คิดจะรับเธอเข้าทำงานแต่แรก เลยทำให้รู้สึกผิดวูบขึ้นมาในอก
เขาร้องเสียงหลงเมื่อโดนเข่าของเธอกระแทกเข้าเต็มๆ หว่างขา ในขณะที่เขากำลังเผลอ
“นี่คุณทำอะไรของคุณ”
“ถึงฉันจะไม่มีกิน ฉันก็ไม่เคยคิดที่จะขายตัว” เสียงประโยคหลังเธอแผ่วลงอย่างเห็นได้ชัด
แต่เธอจะไม่มีวันยอมก้มหัวให้คนอย่างเขาแน่นอน เธอหันไปอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจ
“ฉันไม่ทำงานกับคนชีกอแบบคุณหรอก”
“ผมล้อคุณเล่น ก็คุณบอกว่าทำได้ทุกอย่าง” นิรันดร์รีบพูด เขามีความรู้สึกว่าเหมือนตัวเองต้องรับผิดชอบเธอที่เรียกเธอมาสัมภาษณ์ คราแรกคิดแค่จะแกล้งและไม่รับ แต่พออ่านประวัติของเธอ ทั้งเรียนเก่งได้เกียรตินิยม ทั้งเคยผ่านการทำงานมาก่อน ไม่มีประวัติด่างพร้อย เขาก็สนใจอยากรับเธอเข้ามาทำงานในทันที
“ทำได้ทุกอย่างคือทำงาน ไอ้บ้า!” เธออยากจะถอดรองเท้าตบหน้าเขานัก ชีกอเอ๊ย!
“งานเดี๋ยวนี้หายากนะคุณ” นิรันดร์เห็นหญิงสาวเอาจริง จะเดินหนีเขาจริงๆ เขาจึงรีบเรียกเธอเอาไว้ เพลินตาชะงัก ก่อนจะหันมายืดอกมองเขาอย่างไม่แคร์
“หายากแล้วไง ฉันไม่ทำงานกับคนแบบคุณแน่นอน ไอ้ชีกอเอ๊ย!” เธอย่นจมูกใส่เขาอีก ก่อนจะสะบัดก้นเดินหนีออกไปจากห้อง ทำเอานิรันดร์กะพริบตาปริบๆ ไม่คิดว่าเธอจะไปจริงๆ ก็เห็นเธอกระตือรือร้นอยากจะทำงานกับเขานี่นา
เอาจริงดิ๊! หนึ่ง สอง สาม ยังไงก็ต้องหันมาแน่ๆ
“ผมขอโทษก็ได้ ที่ทำแบบนั้นกับคุณไป” เธอเดินใกล้จะถึงประตู เขาก็พูดขึ้น คนที่ยิ้มในหน้า พยายามเดินให้ช้าที่สุดชะงัก ก่อนจะหันมาทำหน้าขรึม
“คุณว่ายังไงนะ”
“ผมขอโทษคุณไง”
“อ้อ... ฉันรับคำขอโทษของคุณก็ได้ เห็นว่าคุณยังไม่มีเลขา ฉันจะทำงานในตำแหน่งเลขาของคุณก็ได้” เธอเดินมาทรุดนั่งลงที่หน้าโต๊ะทำงานของเขาเหมือนเดิม นิรันดร์หรี่ตามอง ก่อนจะพยักหน้ารับเธอเข้าทำงาน
“เซ็นสัญญานี่ด้วย” เขาเลื่อนกระดาษบางอย่างให้เธอ เพลินตาจึงนำมาอ่านรายละเอียดด้านใน
“สัญญาทาสชัดๆ” เธอถึงกับร้องออกมา เพราะข้อความในนั้นระบุว่าหากเธอทำงานไม่ครบสามเดือนจะถูกปรับถึงสิบเท่า
“จะไม่เซ็นก็ได้นะ เพราะผมก็คิดอยู่แล้วว่าเด็กอย่างคุณ คงเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ รับปากว่าทำได้ทุกอย่าง จะทำงานก็คงทำไม่ได้จริงๆ”
“ฉันเซ็น ฉันทำได้” ไม่รู้วิญญาณอะไรเข้าสิง เธอถึงได้จรดชื่อเซ็นลงไป เซ็นแล้วก็ยื่นให้เขาแบบมั่นอกมั่นใจ
“ดี” เขารับมาถือเอาไว้
“งานแรกคือไปประชุมกับผม” คนพูดดึงแขนของเธอให้เดินตาม เธอเดินตามไปจนขาขวิด นิรันดร์เห็นหญิงสาวปรับตัวกับการทำงานได้อย่างดีเยี่ยมก็ทำให้เขาถึงกับทึ่งในความสามารถของเธอไปเลยทีเดียว
“ทำงานเก่งนะ ไม่คิดว่าจะทำงานเก่งขนาดนี้” เขาเอยขึ้นหลังจากประชุมเสร็จ
“คะ? ท่านประธานชมฉันเหรอคะ” เธอเรียกเขาเหมือนที่พนักงานคนอื่นเรียก
“อะ แฮ่ม... ผมหิวข้าวแล้ว” เขาเผลอชมเธอก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง ยายเด็กแสบนี่ทำกับเขาเอาไว้เยอะ เขาจะไปชมให้หล่อนได้ใจทำไม นิรันดร์เตือนสติตัวเอง
ภายใต้ชุดคุณยายดูเฉิ่มเชยของเธอ แต่รอยยิ้มของเธอกลับกระชากใจของเขายิ่งนัก
“หิวข้าวก็ไปกินข้าวสิคะ ท่านประธาน อุ๊ย!” เธออุทานเมื่อเขาจับมือของเธอมากุมเอาไว้
“คุณต้องไปกินข้าวเป็นเพื่อนผม”
“มันไม่เกี่ยวกับงานสักหน่อยนี่คะ”
“เกี่ยวสิ เพราะว่าผมเป็นเจ้านายของคุณ คุณเป็นเลขาก็ต้องไปกินข้าวกับผม ไหนคุณบอกว่าทำได้ทุกอย่างยังไงล่ะ” เธอกลอกตาไปมาทำท่าจะปฏิเสธ แต่สุดท้ายก็ต้องรับปากเพราะว่าตัวเองก็หิวอยู่เหมือนกัน ก็ดีนะไปกินข้าวกับเขา เธอกำลังถังแตกมีคนจ่ายค่าอาหารให้เธอก็จะได้รอดไปอีกหนึ่งมื้อ
“ก็ได้ค่ะ” เธอรีบรับคำให้เขาพาเข้าไปในร้านอาหาร
“ทำไมเปลี่ยนใจเร็วจัง มีแผนการอะไรหรือเปล่า” คนเอ่ยถามมองอย่างไม่ไว้วางใจ
“ท่านประธานนี่ก็แปลก อยากให้มากินข้าวด้วย พอมากินข้าวด้วยกลับบอกว่ามีแผนการอะไรหรือเปล่า” เธอจ้องหน้าเขา เขาก็พาหน้าถอยหนี ทำเอาเธอหัวเราะร่วน
“หัวเราะอะไร”
“ท่านประธานกลัวฉันเหรอคะ”
“คุณมีชื่อเล่นว่าอะไร” นิรันดร์เอ่ยถามเสียงขรึม
“ชื่อเพลินค่ะ”