ท่านประธานนิรันดร์

61.0K · ยังไม่จบ
B.J.
27
บท
7.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เขาคือท่านประธานนิรันดร์ ท่านประธานที่อยู่ห้องพักข้างๆ แถมยังชอบเรียกเธอให้ไปหาตอนดึกๆ ดื่นๆ

นิยายรักโรแมนติก

1

“นี่คุณ แครอทหัวนี้ฉันหยิบก่อน” เพลินตาหันไปถลึงตาเข้าใส่ชายหนุ่มแปลกหน้า

นิรันดร์ยอมปล่อยแต่โดยดีเพราะเขาไม่อยากมีเรื่องกับผู้หญิง แต่พอหันไปหยิบหัวผักกาด เธอก็หยิบหัวเดียวกับเขาอีก

“สงสัยว่าคุณจะใจตรงกับผมแล้วล่ะ”

“เอ๊ะ! คุณ ฉันไม่อยากไปใจตรงกับคุณหรอก” เธอสะบัดมือพยายามดึงหัวผักกาดออกมา แต่เขาก็รั้งเอาไว้

“ไม่ปล่อยมือฉันใช่ไหม ได้!” เธอกระทืบเท้าเขาเต็มแรง ทำเอานิรันดร์ถึงกับร้องเสียงหลง

“ฝากไว้ก่อนยัยตัวดี”

“ไม่รับฝาก” เธอแลบลิ้นปลิ้นตาใส่เขา ก่อนจะเข็นรถผักหนีไปจ่ายเงิน นิรันดร์เองก็ทำอะไรไม่ได้เพราะสถานที่สาธารณะ ถ้าเขาทำอะไรลงไป คงโดนหาว่ารังแกผู้หญิงหรือโรคจิตเป็นแน่

ฝากไว้ก่อน เจอกันรอบหน้าจะจับตีก้นเสียให้เข็ด!!!

ยัยเด็กบ้าเอ๊ย!!!

เขาเคยเจอผู้หญิงแสบๆ มาเยอะ แต่ไม่เคยเจอใครแสบเท่าเธอมาก่อน

นิรันดร์รีบเข็นรถไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ เขาไม่เจอยัยเด็กตัวแสบนั่นอีก คงจ่ายเงินและหนีขึ้นรถไปแล้ว

ชายหนุ่มกลับห้องมาทำอาหารเหมือนเช่นทุกครั้ง เพราะเขาชอบทำอาหารรับประทานเอง วันนี้เป็นวันหยุดเขาจึงมีเวลาได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ กิจกรรมที่เขาทำในวันหยุดคือทำอาหารและอ่านหนังสือ หลังจากนั้นก็นอนหลับพักผ่อน ตกเย็นก็หันมาออกกำลังกาย

นิรันดร์เป็นเจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างและจำหน่ายวัสดุก่อสร้างในต่างจังหวัด เขามีคอนโดมิเนียมส่วนตัวอยู่เป็นของตัวเอง เนื่องด้วยสะดวกและใกล้ที่ทำงาน เขาไม่ได้ทำงานอยู่แต่ในอ๊อฟฟิศเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เขาต้องออกไปดูหน้างานด้วย

ในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ เขาต้องประคับประคองบริษัทให้อยู่รอด พยายามที่จะไม่เอาพนักงานออก เพราะทุกคนก็มีภาระต้องเลี้ยงดูครอบครัวหรือเลี้ยงดูตัวเอง เขาก็ตกลงกับพนักงานว่าจะไม่ขึ้นเงินเดือนให้ แต่ก็ไม่ไล่ใครออกหรือบีบใครออกแน่นอน ประคับประคองกันไปให้ตลอดรอดฝั่ง เศรษฐกิจดีเมื่อไหร่ค่อยว่ากันอีกทีหนึ่ง

เลขาคนสนิทของเรามาขอลาออกเพื่อไปแต่งงานเนื่องด้วยมีสามีอยู่ต่างประเทศ เขาเองก็ยินดีด้วย แม้บริษัทไม่ได้มีนโยบายรับพนักงานใหม่ แต่หากมีพนักงานออกและมีตำแหน่งว่างเขาก็ยังรับสมัครเหมือนเดิม เพราะหากขาดบางตำแหน่งที่สำคัญไป จะทำให้งานค่อนข้างติดขัด

ดีที่เขามีธุรกิจหลายอย่าง มีสายป่านที่ยาวพอสมควร ทั้งธุรกิจบ้านเช่า อสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ร้านอาหาร และมีที่ดินทำการเกษตรเอาไว้อีกหลายร้อยไร่ ธุรกิจไหนไปไม่รอดหรือเจ๊งเขาก็ยังมีธุรกิจอย่างอื่น หรือทรัพย์สินอย่างอื่นสำรองเอาไว้ ไม่ได้ลำบากเสียทีเดียว

ในสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ข้าวยากหมากแพง อีกทั้งยังมีโควิดระบาด เขารับสมัครเลขาแค่ตำแหน่งเดียวแต่กลับมีคนมาสมัครนับร้อยคนจนเขาต้องปิดรับสมัครแทบไม่ทัน เพราะมันเยอะมาก คิดว่าน่าจะสัมภาษณ์ไม่ไหวแน่ๆ

นิรันดร์เลยใช้วิธีคือให้ผู้จัดการสัมภาษณ์ก่อน คัดกรองคนที่มีความสามารถหรือเคยมีประสบการณ์มาก่อน

เขาเองคิดว่าคนบางคนอาจจะไม่มีคุณสมบัติเลขานุการเลย แต่ก็อยากมาสมัครงาน สมัครไว้ก่อนขอให้ได้งาน ซึ่งเขาไม่พร้อมที่จะสอนงานใครในเวลานี้ เขาอยากได้คนที่เข้ามาและทำงานได้เลย

นิรันดร์เบรกรถแทบไม่ทันเมื่อมีหญิงสาวคนหนึ่งทะเล้อทะล้าเดินข้ามถนนแบบไม่มองทาง เขาเบรกรถจนหัวทิ่ม เสียงล้อรถเบียดไปกับถนน จนได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้คนที่ดังระงมไปทั่วบริเวณ

นิรันดร์สบถอย่างหัวเสีย เขารีบลงไปจากรถ ต่อว่าหญิงสาวคนนั้นในทันที

“นี่คุณ! เดินยังไงห้ะ”

“แล้วคุณขับรถยังไง เกือบชนฉันแล้วเห็นไหม”

“นี่คุณ/นี่คุณ” ทั้งสองชี้หน้ากันกลางสี่แยกไฟแดง ก่อนที่เสียงแตรรถจะบีบไล่หลัง

“ฝากไว้ก่อน ยัยตัวแสบ” นิรันดร์จำต้องวิ่งไปขึ้นรถขับออกไปเพราะโดนด่า รถด้านหลังติดยาวเป็นพรืด

“ฝากไว้ก่อน อย่าลืมมาเอาคืนล่ะ ฝากไว้หลายรอบแล้วนะ” เพลินตาย่นจมูกใส่ ก่อนจะรีบวิ่งข้ามถนนไปอีกด้าน เธอต้องรีบไปสัมภาษณ์งานในตำแหน่งเลขา เนื่องด้วยเธอกำลังตกงาน บริษัทเก่าปิดกิจการ หรือจะเรียกง่ายๆ ว่าเจ๊งก็ย่อมได้ นั่นทำให้เธอต้องหางานใหม่

เธอมีเพื่อนรักอยู่หนึ่งคนชื่อมินตรา ติดต่อกันมาตลอดเพราะรู้จักกันมาตั้งแต่อนุบาล มินตรานั้นแต่งงานแต่งการต้องย้ายไปอยู่เมืองนอกกับสามี ตำแหน่งที่ว่างลง มินตราจึงให้เธอมาสมัครงานที่นี่ อาจเพราะเธออยากหลีกหนีจากความชอกช้ำใจ เลยดั้นด้นมาถึงจังหวัดทางภาคเหนือแห่งนี้

ในช่วงวิกฤติของชีวิต ตอนที่เธออยู่ในเมืองกรุงฯ เธอทั้งตกงาน แถมหางานใหม่ทำไม่ได้ บ้านและรถโดนยึด แถมยังโดนแฟนทิ้งอีกด้วย เธอเลยต้องระเห็จมาที่นี่ ด้วยว่ามินตราเพื่อนรักบอกเธอว่าที่นี่ค่าครองชีพต่ำ ไม่จำเป็นต้องมีเงินเดือนเยอะ ก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างสบาย

นิรันดร์จอดรถอย่างหงุดหงิด ก่อนจะเห็นยัยเด็กสาวตัวป่วนวิ่งเข้าไปในบริษัทรับเหมาก่อสร้างของเขา เขากะพริบตาปริบๆ เธอเป็นลูกค้าหรือมาทำอะไรที่บริษัทของเขา ทำให้เขาต้องเดินไปแอบดู

นิรันดร์เห็นว่าเธอมาสมัครงานในตำแหน่งเลขาของเขา ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขาทันที!

เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าเธอเห็นหน้าเขาจะทำหน้ายังไง ตอนเขาสัมภาษณ์งานเธอ

เพลินตารู้สึกตื่นเต้นจนมือเย็นเยียบไปหมด เธอคาดหวังกับการสัมภาษณ์งานครั้งนี้มาก ไม่ใช่อะไรหรอก เพราะเธอนั้นมีเงินติดตัวไม่มาก ถ้าเธอไม่ได้งานนี้คงต้องไปนอนข้างถนนแน่ๆ

คนไร้ญาติขาดมิตรแถมยังถูกแฟนทิ้งอีกไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร เธอเห็นคนมาสมัคงานนับร้อยคนก็ถึงกับใจแป้วไปเลยทีเดียว แต่เข้าไปสัมภาษณ์งานเมื่อไหร่เธอจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เธอมีประวัติการทำงานที่ดี แถมเรียนจบได้เกียรตินิยมด้วย เธอต้องได้งานนี้สิ

มินตราแนะนำให้เธอมาสมัครงาน แต่ไม่ได้ฝากฝังเธอกับเจ้านายของหล่อนเหมือนอย่างที่คนอื่นทำกัน ด้วยเหตุผลที่ว่าเจ้านายของมินตราไม่ชอบเส้นสายและรับคนที่ความสามารถมากกว่าฝากฝัง ซึ่งเธอเองก็ไม่ได้ต้องการให้มินตราเพื่อนรักตอ้งทำอะไรเช่นนั้นด้วย

มีคนเคยบอกว่าถ้าเรามั่นใจว่าจะทำสิ่งไหนได้ เราก็จะทำสิ่งนั้นได้ เธอมั่นใจว่าต้องสัมภาษณ์งานได้ ก็ต้องสัมภาษณ์ได้สิ

เพลินตารู้ว่านี่เป็นการหลอกตัวเอง ให้มีกำลังใจมากขึ้น เธอไม่ได้แต่งตัวทันสมัยหรือเข้าสังคมเก่ง แต่คิดว่าแค่ทำงานเก่ง แค่นี้ก็น่าจะพอแล้วสำหรับต่างจังหวัดเช่นนี้

“คุณเพลินตา เชิญสัมภาษณ์งานครับ” เสียงเรียกนั้นทำให้เพลินตาดีดตัวลุกขึ้นอย่างตื่นเต้น ตอนสัมภาษณ์งานครั้งแรกหลังจากเรียนจบทำไมเธอไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นขนาดนี้นะ แต่รอบนี้มันเพิ่มความกดดันเข้าไปอีกเท่าตัว ที่บ้านไม่เหลืออะไร พ่อแม่ที่จากโลกนี้ไปทิ้งหนี้สินก้อนใหญ่เอาไว้ ทำให้เธอจำต้องขายบ้าน ขายรถ ขายทุกอย่างเพื่อใช้หนี้ แฟนหนุ่มที่บอกว่ารักกันหนักหนาตีตัวจากเมื่อรู้ว่าเธอเหลือแต่ตัวแถมยังตกงานอีก

ที่เจ็บใจไปมากกว่านั้นก็คือเขากำลังได้ดิบได้ดีในงานการที่ทำอยู่ และหันไปคบกับลูกสาวเจ้าของบริษัทอย่างหน้าชื่นตาบาน

ความรักไม่มีในโลก มีแต่ความหลอกลวง นั่นคือสิ่งที่เพลินตาคิดอย่างเคืองแค้นระคนเสียใจที่หลงคบกับการันต์อยู่ได้เป็นนานสองนาน

เพลินตาพยายามเดินตัวตรงยืดอกอย่างมั่นอกมั่นใจเข้าไปในห้องของผู้บริหาร ไม่ว่าเธอจะจนกรอบและกำลังจะไม่มีที่ซุกหัวนอนแค่ไหน เธอก็ต้องมั่นใจในตัวเองเอาไว้ก่อน เธอจะเป็นเลขาผู้บริหาร ถึงแม้จะเป็นผู้บริหารบริษัทเล็กๆ ต่างจังหวัดเช่นนี้ แต่เธอก็ต้องดูดีในระดับหนึ่ง ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ค่อยมั่นใจกับชุดที่สวมใส่นัก

เธอจะทำท่าให้น่าเชื่อถือ เจ้านายจะได้อยากรับเธอเข้าทำงาน

“วะ... ว้าย!” เพลินตาคิดว่าเสื้อผ้าหน้าผมของเธอน่าจะพอไปวัดไปวาได้ แต่เธอดันเดินสะดุดขาตัวเองจนหกล้ม หญิงสาวอยากจะกรีดร้องให้ความซุ่มซ่มของตัวเองนัก