นมโตขึ้นเยอะเลย
“ คงจะคลื่นไส้น่ะ เดินทางทั้งวัน ขอโทษที่ดันโอ้กอ้ากตอนที่กำลังอยู่ในซีนโรแมนติกพอดี ส่วนส้นตีนน่ะมันอยู่ข้างล่าง เอาไว้เตะปากหมา ไม่ได้อยู่ในคอเฮียหรอก แล้ว หม่าม้าเป็นไงบ้างล่ะไช้ ”
“ ก็ดี ”
“ เห็นเกี๊ยวบอกไม่สบาย รีบกลับบ้านสิ เดี๋ยวทางนี้เฮียดูแลเอง ”
“ ดูแลอะไรวะ ” ไช้เริ่มตะโกน เป็นเจ็กตงที่รีบห้ามทัพ
“ อาไช้ กลับบ้านได้แล้ว เห็นอาเกี๊ยวบอกหม่าม้าลื้อไม่สบายนี่ ” ไช้ทำอะไรไม่ได้ จำต้องลากลับ
“ งั้นผมกลับเลยนะครับแปะ เดี๋ยวไช้โทรมานะเกี๊ยว พรุ่งนี้มารับอย่างเคย ”
“ อืม ” เกี๊ยวรับคำสั้น ๆ ร่างอ้วนกลมหันหลังเดินจากไป แต่ก็ไม่วายหันมาส่งสายตาอาฆาตผ่านดวงตาเล็กหยี เฮียโตส่งยิ้มไร้เดียงสากลับไป
“ ขอให้หม่าม้าหายไว ๆ นะ ไม่ต้องห่วงทางนี้ ” เกี๊ยวรีบก้มลงเก็บสิ่งที่ตนทำตกพื้น เฮียโตรีบกุลีกุจอเข้ามาช่วย ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือจงใจ มือใหญ่แตะลงบนหลังมือเธอที่กำลังจะหยิบถุงพร้อมกัน หญิงสาวกระตุกมือกลับทันทีราวกับโดนไฟช็อต ก่อนจะลุกขึ้นเดินหนีไปในห้องครัว
“ อ้าว แล้วทำไมไม่เก็บให้มันเรียบร้อยก่อน ทิ้งให้เฮียเขาเก็บคนเดียวได้ยังไง ใช้ไม่ได้เล้ย อาเกี๊ยวเอ๊ย ”
“ ให้เกี๊ยวไปล้างมือก่อนเถอะ เดี๋ยวผมเอาทิชชู่เช็ดพื้นก็เสร็จแล้ว ไม่ลำบากอะไร งั้นผมไปล้างมือเหมือนกันนะ ”
“ เออ ไปเหอะ ” ชายกลางคนว่า ก่อนหันไปสนใจรายการข่าวในโทรทัศน์ต่อ
โตมร หรือ เฮียโต เดินลิ่วเข้าไปในครัว ทิ้งถุงที่แตกลงขยะ ส่วนถุงผลไม้ที่ยังใช้ได้วางลงบนโต๊ะ แล้วยืนจ้องร่างขาวอวบจากเบื้องหลัง เธอยืนล้างมืออยู่ที่อ่างล้างจานตรงนั้น
สิบเอ็ดปีแล้วสินะ นับจากวันนั้นที่จากไป ตอนนั้นเขาอายุสิบเจ็ด ส่วนหนูเกี๊ยวพึ่งจะเป็นสาวน้อยวัยสิบสาม ผ่านไปสิบเอ็ดปี เธอยังเป็นหนูเกี๊ยวที่น่ารักของเฮียโตเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือหุ่นอวบอัดน่าฟัดเป็นบ้า
เขาเดินเข้าไปใกล้ ๆ อย่างเงียบกริบราวเสือหิวย่องเข้าหาเหยื่อแล้วสวมกอดเธอจากทางด้านหลัง
เกี๊ยวสะดุ้งสุดตัว อ้าปากจะร้องทว่ามือใหญ่ตะปบเอาไว้ได้ทัน ก่อนกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู
“ เฮียคิดถึงหนูเป็นบ้าเลย ” เธอดิ้นขลุกขลัก ยกมือขึ้นมาแกะมือใหญ่ที่ปิดปากออก
“ ปล่อยหนูนะ ” เขาปล่อยแค่ที่ปาก แต่ยังรวบกอดร่างอวบเข้าหาแผ่นอกแกร่งของตนแนบแน่น
“ ไม่เจอกันตั้งนาน โตขึ้นเยอะนะเราอะ ”
“ คนบ้าอะไรจะตัวเท่าเดิม มันก็ต้องเติบโตขึ้น สูงขึ้นกันทั้งนั้น ”
“ เฮียหมายถึงนม นมโตขึ้นเยอะเลย ”
“ ไอ้... ไอ้เฮียบ้า ไอ้เฮียทะลึ่ง ” เธอทั้งด่าทั้งหยิกทั้งตี ทว่ามันไม่ระคายเขาเลยสักนิด ยังคงหน้ามึนอ้อนอยู่อย่างนั้น
“ คิดถึงเฮียบ้างไหม ”
“ ไม่... ไม่คิดถึงอะไรทั้งนั้น ”
“ อย่าโกหก เฮียรู้ว่าหนูรักเฮียที่สุดในโลก ”
ว่าพลางจรดจมูกลงบนซอกคอขาว พลางดูดเม้มริมฝีปากทั่วผิวเนื้อเบา ๆ เธอขนลุกเกรียว รีบย่นคอและเอี้ยวหนี
“ เอาสมองส่วนไหนไปคิดเข้าข้างตัวเองได้ขนาดนั้น แล้วอย่ามาทำแบบนี้กับหนูนะ เดี๋ยวหนูฟ้องเตี่ย ”
“ กล้าเหรอ ”
“ ทำไมจะไม่กล้า จะฟ้องให้เตี่ยแทงให้ไส้ไหล ”
“ เตี่ยไม่ทำกับว่าที่ลูกเขยแบบนั้นหรอก ”
“ ว่าที่ลูกเขยบ้าบออะไร หยุดพล่ามแล้วปล่อยหนูเดี๋ยวนี้ ”
“สิบปีไม่เจอกัน แทนที่จะคุย จะถามไถ่เฮียบ้างก็ไม่ ใจร้ายโคตร ๆ ”
“ หนูไม่มีอะไรจะคุยกับเฮีย ปล่อย ” ทว่าเขายังคงนิ่งแถมยังรัดเธอแน่นเข้าไปอีก ใบหน้าคมสันถูกวางบนไหล่ข้างหนึ่งของเธออย่างถือวิสาสะ แถมหันหน้าเข้าหาแก้มนวลข้างหนึ่งจนเธอรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่น รินรด จึงรีบเอียงคอหนี ขนเจ้ากรรมก็ดันลุกชันขึ้นมาทันที ชายหนุ่มหัวเราะหึ ๆ อยู่ในลำคอ
“ เป็นอะไร ขนลุกเชียว เสียวเหรอ ”
“ นี่ อย่ามาทะลึ่งทะเล้นนะ ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไงวะ บอกให้ปล่อยไง ”
“ จะกลัวอะไร ตอนเด็ก ๆ ยังวิ่งมายื่นแก้มให้เฮียหอมออกจะบ่อย แถมยังหอมแก้มเฮียอีกต่างหาก ”
“ นั่นมันตอนเด็ก ๆ ตอนนี้ไม่ใช่ ”
“ ใช่สิ มันต้องใช่ หัวใจมันเปลี่ยนกันไม่ได้หรอก ”
“ ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น เรามันเป็นแค่เพื่อนบ้านกัน หนูมันก็แค่เด็กข้างบ้าน ”