ตัวร้าย - 9 ไม่มีทางจะรัก
เงินที่ได้มาฉันแบ่งให้แม่ไปส่วนหนึ่ง โชคดีที่แม่มีแค่บัญชีธนาคารก็เลยไม่รู้ว่าโอนไปเท่าไรไม่อย่างนั้นคงเค้นถามยกใหญ่
“คนบ้าอะไรแค่ดื่มก็ให้เงินมาตั้งเยอะ” ฉันนอนยิ้มอย่างชอบใจกับความรวยอย่างโอ้อวดของเขา แต่แล้วจู่ๆ รอยยิ้มบนใบหน้าก็หายไปเปลี่ยนเป็นหัวใจที่เต้นแรง
“คนบ้า! ไอ้คนโรคจิตมีสิทธิ์อะไรมาเอาจูบแรกของฉันไป!!”
ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องคิดถึงภาพบ้าๆ นี้ด้วย ฉันไม่สามารถห้ามความคิดของตัวเองได้เลย มันเจ็บใจที่เขาทำแบบนี้โดยที่เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกันแถมยัใเพิ่งเคยเจอหน้าด้วยซ้ำ
“คอยดูเถอะ ฉันไม่มีทางรักคนแบบนั้นแน่ ไม่มีวัน!!”
#วันต่อมา
เกือบจะตื่นไปเรียนไม่ทันเพราะนอนดึกห่วงแต่คิดฟุ้งซ่านทั้งคืน
“ตายแน่ยัยมีน!! สายแล้วว” ฉันรีบวิ่งลงมาจากหอพัก แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักกระทันหันเมื่อมองเห็นรถที่จอดเทียบอยู่ด้านหน้า
“มะ ไม่ใช่หรอกมั้ง”
ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วไม่สนใจเดินผ่านรถหรูคันตรงหน้า
ตี๊ด!! ยังไงทันจะเดินผ่านพ้นเสียงแตรก็ดังขึ้น ทำเอาฉันสะดุ้งโหย่ง ก่อนที่กระจกรถคันนั้นจะค่อยๆ เลื่อนลงช้าๆ
ฉันชะเง้อมองในใจภาวนาขอให้ไม่ใช่เขาแต่แล้วฟ้าก็กลั่นแกล้งฉัน เพราะเจ้าของรถคันนั้นคือคุณต้าและเขากำลังนั่งอยู่ในรถ
“ขึ้นรถ”
“ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันตั้งใจจะเดินหนีแต่แค่ก้าวเท้าเสียงแตรรถก็ดังสนั่นขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่คุณต้าจะโผล่หน้าออกมาจากกระจกแล้วพูด “ถ้าไม่ขึ้นฉันจะบีบแตรแบบนี้ไปเรื่อยๆ”
ฉันกำมือแน่น ก่อนจะตัดสินใจเดินไปเปิดประตูเข้ามานั่งในรถอย่างไม่เต็มใจ ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนค่อยๆ ผุดขึ้นมาในหัวทีละฉากๆ ถึงจะเมาแต่ก็ไม่ได้เมามากจนจำอะไรไม่ได้
“นั่งตัวแข็งทื่อเชียว”
“เอ่อ….”
“ไม่ต้องกลัวฉันไม่พาเธอไปปล้ำหรอก”
ตอนแรกไม่ได้กลัวอะไรหรอกแต่พอเขาพูดแบบนี้ออกมามันทำให้ฉันเริ่มกลัว ถึงจะเคยเจอแค่สองครั้งแต่ฉันก็รู้ว่าผู้ชายคนนี้ไว้ใจไม่ได้
ระหว่างทางฉันและอิคุณต้าไม่ได้คุยอะไรกันเลยแล้วก็ไม่อยากจะคุยด้วย อยากให้ถึงมหาวิทยาลัยเร็วๆ อยู่ตรงนี้มันอึดอัด
แต่แล้วก็เกิดคำถามขึ้นมาในใจ ฉันไม่ได้บอกว่ามหาวิทยาลัยของตัวเองอยู่ตรงไหนทำไมเขาถึงรู้ล่ะ ทั้งที่ในกรุงเทพมีมหาวิทยาลัยตั้งเยอะแยะ มันอยากรู้จนยอมเป็นฝ่ายถามเขาก่อนถึงจะไม่อยากคุยด้วยก็เถอะ
“รู้หรอคะว่ามหาวิทยาลัยที่ฉันเรียนอยู่ที่ไหน”
“อืม เรื่องแค่นี้”
“….ระ…รู้ได้ยังไงคะ” ขนทั้งตัวของฉันมันลุกซู่ทันทีเมื่อได้ฟังคำตอบ
“มันยากตรงไหน?”
“…….” ผู้ชายคนนี้น่ากลัวมากกว่าที่ฉันประเมินไว้ซะอีก รู้แม้กระทั่งมหาวิทยาลัยที่ฉันเรียนอยู่ทั้งที่ไม่เคยบอก
ไม่นานรถหรูก็เลี้ยวเข้ามามาในรั้วมหาวิทยาลัยแถมยังมาส่งที่ตึกคณะอีกด้วย เขารู้ถึงขั้นนี้เลยหรอ
“ทำไมถึง….” ยังไม่ทันจะได้ถามเขาก็พูดแทรกขึ้นมาซะก่อน “ฉันรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเธอ”
กำลังจะเอ่ยปากถามต่อแต่เห็นว่ามีนักศึกษาหลายคนคนหยุดมองรถที่ฉันนั่งอยู่ ถ้าลงไปตอนนี้ต้องเป็นที่จับตามองของคนอื่นแน่ๆ
“ชะ ช่วยขับรถไปจอดตรงที่ไม่มีคนได้ไหมคะ”
คุณต้ามองหน้าฉันก่อนจะถอนหายใจเบาๆ แล้วยอมทำตามที่ขอ
“ตอนเย็นฉันจะมารับ”
“ไม่เป็นไรค่ะหนูกลับเองได้”
“ฉันอยากพาเธอไปซื้อของซักสองสามชิ้น”
“…….” แปลก! ทำไมเขาดูใจดีกับฉัน ทำดีแบบนี้คงมีอย่างอื่นแอบแฝงอยู่แน่ๆ
“หนูต้องอ่านหนังสือค่ะ ใกล้สอบแล้ว”
“ถ้าอย่างงั้นให้ฉันจ้างครูมาติวให้เธอแบบส่วนตัวดีไหม?”
“ไม่เป็นไรค่ะสิ้นเปลืองเปล่าๆ”
หมับ!! จู่ๆ คุณต้าก็ยกมือมาบีบแขนทั้งสองข้างของฉันอย่างแรง จากที่ใจดีเขาก็แสดงความอำมหิตออกมา สายตาคู่นั้นจ้องฉันเขม็งอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ฉันบอกเธอแล้วใช่ไหมว่าไม่ชอบให้ใครมาปฏิเสธ!!”
“…ค่ะ” ฉันนิ่วหน้าเพราะความเจ็บ เพราะไม่ได้ถูกเขาทำแบบนี้ครั้งแรก มันเจ็บระบมไปหมดแล้ว
“ฉันจะมารับ ถ้าเธอหนีกลับไปก่อนก็อย่าหาว่าไม่เตือนก็แล้วกัน”
“…….” อะไรวะ!! คนอะไรจ้องแต่จะบังคับให้คนอื่นทำตามใจ หน้าตาดีซะเปล่านิสัยไม่ได้เรื่องเลย
หลังจากลงรถฉันก็รีบเดินไปเรียนทันทีเพราะตอนนี้มันสายแล้ว ไม่มีเวลาไปคิดอะไรฟุ้งซ่านอะไรทั้งนั้น
“ทำไมวันนี้แกถึงมาสายละมีน อาจารย์สอนไปนานแล้วนะ”
“วันนี้ตื่นสายน่ะ”
“เพราะงานที่แกทำหรือเปล่า”
“ไม่หรอก ฉันปิดนาฬิกาปลุกก็เลยตื่นสาย”
“นั่นแขนแก…ไปโดนอะไรมาถึงได้เขียวช้ำแบบนี้” เพราะรอยช้ำมันอยู่ต่ำกว่าแขนเสื้อทำให้ดาบีสังเกตเห็นได้ง่าย
“มะ ไม่มีอะไร”
ตอนนี้ฉันเริ่มคิดแล้วว่าการอยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้มันไม่มีอะไรดีต่อตัวเองเลย ความคิดอยากจะเปลี่ยนงานก็ผุดเข้ามาในหัว ยังไงก็ได้เงินมาตั้งห้าแสนแล้ว