ตัวร้าย - 14
ฉันเดินกลับเข้ามาในบ้านด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไร ทำให้แม่ที่นั่งรอกินข้าวอยู่สังเกตได้
“เป็นอะไรหรือเปล่าลูก สีหน้าไม่ค่อยดีเลย”
“ปะ เปล่าค่ะ”
“โอเค แม่จะไม่ถาม ถ้าลูกยังไม่พร้อมจะบอกก็ไม่เป็นไร” แม่น่ารักที่สุดในโลกเลย เพราะแม่มักจะเข้าใจฉันในหลายๆ เรื่องแบบนี้มาตลอด
ไม่ได้กินข้าวกับแม่แบบนี้นานเท่าไรแล้วนะ วันนี้ฉันมีความสุขมากๆ อยากกลับมาอยู่ที่บ้านจัง
“ป้า ป้า!!” เสียงผู้ชายที่ฟังดูไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไรตะโกนเรียกแม่อยู่หน้าบ้าน ท่าทางแม่ดูตกใจมากแล้วหันมามองฉัน
“ใครหรอจ๊ะ”
“มีนกินข้าวไปก่อนนะลูกเดี๋ยวแม่ออกไปคุยกับเขาก่อน”
“เดี๋ยวหนูไปด้วยดีกว่าค่ะ ฟังจากเสียงแล้วไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไร”
“แม่บอกให้รออยู่ตรงนี้!!” จู่ๆ แม่ก็ตวาดบอกทำให้ฉันยิ่งแปลกใจว่าคนพวกนั้นเป็นใครแม่ถึงไม่อยากให้ฉันไปเจอ
ด้วยความสงสัยทำให้ฉันไม่สามารถรออยู่ตรงนี้ตามที่แม่บอกได้ จึงแอบย่องมาฟังว่าใครกันที่มาหาที่บ้าน
“นี่มันเลยกำหนดมานานแล้วนะป้าเมื่อไรจะมีเงินมาจ่ายสักที”
“ขอเวลาอีกสักนิดนะพ่อหนุ่ม ปีนี้น้ำท่วมนาข้าวฉันหมดเลย”
“หนี้สี่แสนนะไม่ใช่สี่พัน ผลัดแบบนี้พอดอกขึ้นก็หาว่าไม่ยุติธรรมอีก ผมยอมให้ป้ามาหลายรอบแล้วครั้งนี้เสี่ยคงไม่ยอมแน่ๆ”
ฉันไม่รู้เลยว่าแม่ไปเป็นหนี้คนพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไร ไม่เคยรู้เลยว่าเรามีหนี้มากมายขนาดนี้
“ฉันขอเวลาอีก….”
“พรุ่งนี้ฉันจะเอาเงินมาให้” ฉันที่แอบฟังอยู่พูดแทรกขึ้นมา ทำให้แม่และผู้ชายคนนั้นหันมามอง
“มีน!!” แม่เรียกชื่อฉันเสียงดังอย่างตกใจที่ฉันได้ยินความลับที่ไม่อยากให้รู้
“เงินมากมายขนาดนั้นลูกจะไปเอามาจากไหน”
“สี่แสนใช่ไหมคะ หนูมีพอค่ะ”
“แม่ถามว่าเอาเงินมากมายขนาดนั้นมาจากไหน”
“หนูไม่ได้ไปปล้นใครมาหรอกแม่”
“ก็ได้พรุ่งนี้ฉันจะมาใหม่ ถ้าไม่มีเงินพวกแกสองแม่ลูกเจ็บตัวแน่!!” ผู้ชายเสียงเข้มหุ่นท้วมหน้าตาน่ากลัวชี้หน้าบอกฉันและแม่ก่อนจะเดินออกไปจากบ้าน
“แม่ไปเอาเงินเยอะขนาดนั้นมาทำไมคะ” ไม่รอให้แม่ถามฉันชิงถามก่อน แม่ทำท่าทีอ้ำอึ้งแต่ก็ยอมเล่าให้ฟัง
“มีนลูก แม่ตัวคนเดียวไม่มีปัญญาส่งลูกและน้องเรียน มันเป็นความผิดแม่เองที่ตัดสินใจไปกู้ยืมเงินจากเสี่ยเส็งมา ทั้งกู้มาทำไร่ทำนา แต่เดี๋ยวก็แล้งบ้างน้ำท่วมบ้าง แม่ไม่มีเงินไปให้เขาดอกเบี้ยมันก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”
พอได้ฟังฉันถึงกับต้องถอนหายใจออกมาหนักๆ ฉันรู้ว่าครอบครัวเราลำบากแต่ไม่คิดว่าจะมีหนี้มากมายขนาดนี้ โชคดีที่ฉันพอมีเงินที่ได้จาก…คุณต้า พอจะจ่ายหนี้ทั้งหมดได้
“ทีนี้ลูกบอกแม่หน่อยสิว่าจะไปหาเงินมากมายขนาดนั้นมาจากที่ไหน”
“เงินที่หนูโอนให้แม่ตอนนั้นสามแสนค่ะ ในบัญชีหนูมีอีกสองแสน เดี๋ยวหนูจะไปธนาคารกดออกมาเตรียมให้พวกมันพรุ่งนี้”
“ตายแล้วมีน!! ลูกมีเงินเยอะขนาดนั้นได้ยังไง”
“แม่ฟังหนูนะ หนูไม่ได้ไปปล้นใครแม่ไม่ต้องห่วง เงินนี้คนที่ให้เขาเต็มใจ เอาไว้ถ้าหนูพร้อมหนูจะบอกแม่นะคะ”
ฉันเองก็หนักใจที่จะพูดถึงเขาและไม่อยากให้แม่รู้เรื่องราวอะไรกับผู้ชายนิสัยไม่ดีแบบนั้นจึงรีบขอตัวไปถอนเงินที่ธนาคารมาให้ เพื่อที่แม่จะได้ไม่ซักถามอะไรต่อ
ฉันถอนเงินมารวมทั้งหมดสี่แสนห้าหมื่นบาท ใช้หนี้สี่แสนและให้แม่เก็บไว้ใช้ส่วนหนึ่ง ส่วนตัวฉันก็เหลือติดบัญชีไว้พอจ่ายค่าเทอม
#ตกเย็น
ฉันพยายามพูดให้แม่คลายความกังวลและไม่โทษตัวเอง ที่แม่ต้องไม่กู้เงินมาก็เพราะต้องเลี้ยงดูฉันและน้อง ฉันไม่โกรธอะไรแม่เลย
“แม่พรุ่งนี้หนูจะไปเที่ยวกับเพื่อนขอเงินหน่อยสิ” มินเดินมาพูดพร้อมแบมือขอเงินแม่
“แม่ไม่มีหรอกลูก”
แปะ! ฉันตีมือน้องสาวอย่างแรง ที่เธอโตขนาดนี้แล้วยังคิดแต่จะเที่ยวเตร่
“โอ๊ย!พี่มีน”
“ถ้าอยากได้เงินก็ไปทำงานสิไม่ใช่เอาแต่ขอแม่แบบนี้”
“หนูอายุแค่สิบแปดจะไปทำงานอะไรได้ เอาไว้เรียนจบหนูจะหาเงินเลี้ยงแล้วกัน”
“ให้มันจริงอย่างที่ปากพูดเถอะ” ฉันถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเปิดกระเป๋าหยิบเงินให้น้องหนึ่งพัน
“อุ๊ย! พี่มีนใจดีที่สุดเลย” มินยิ้มดีใจที่ได้เงิน ก่อนจะออกไปเธอมองมาที่มือของแม่ที่ถือห่อเงินอยู่
“นั่นอะไรหรอแม่”
“เงิ….”
“ไม่มีอะไรหรอก” ฉันรีบพูดแทรก ถึงจะเป็นน้องสาวแต่มินยังมีนิสัยเป็นเด็กไม่รู้คุณค่าของเงินจึงไม่อยากให้รู้ว่าข้างในห่อนั้นคืออะไร
“อือๆ ไปอาบน้ำก่อนละ”
“ขึ้นห้องกันค่ะแม่ ไม่ต้องคิดมากนะพรุ่งนี้เราก็จะหมดหนี้แล้ว”
แม่มองฉันเหมือนมีคำพูดมากมายที่อยากจะถามแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร จากนั้นเราสองแม่ลูกก็แยกย้ายไปห้องของตัวเอง
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็เห็นว่ามีเบอร์แปลกๆ โทรเข้ามา และฉันจำได้ว่ามันเป็นเบอร์เดียวกันกับที่คุณต้าใช้โทรมา จึงไม่คิดจะโทรกลับ
กริ่ง~ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พอมองดูเบอร์ฉันตัดสินใจไม่รับสายและกำลังจะวางโทรศัพท์ลงแต่ทว่า นิ้วมันดันเลื่อนกดรับแบบไม่ได้ตั้งใจ
“บ้าเอ๊ย!!” ฉันพูดกับตัวเองอย่างโมโหที่รับสายคนที่ไม่อยากคุยด้วยที่สุด ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาทาบที่หู
“มีอะไรหรือเปล่าคะ”
( ฉันให้เวลาเธอมายื่นใบลาออกแค่พรุ่งนี้ )
“พรุ่งนี้ไม่ว่างค่ะ”
( ถ้าไม่ว่างฉันก็จะไม่เซ็นอนุมัติให้ )
“คิดจะใช้วิธีนี้หรอคะ”
( วิธีไหน? )
ฉันเงียบเพราะรู้ว่าต่อให้พูดไปก็เท่านั้น เขาไม่เอ่ยคำขอโทษอะไรเลยกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น เขาทำเหมือนว่าวันนั้นระหว่างเรามันไม่มีอะไรทั้งนั้น
( หรือที่ไม่ยอมมาเพราะอยากให้ฉันไปหาถึงที่ )
“รู้หรอคะว่าฉันอยู่ที่ไหน”
( อย่าลืมสิว่าฉันรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอ )
“……..” ได้ยินแบบนั่นฉันก็เงียบทันที ความกลัวผุดขึ้นมาอีกครั้ง เขาต้องรู้แน่ๆ ว่าฉันอยู่ที่บ้านถึงได้บอกอย่างมั่นใจแบบนั้น
ติ๊ด! ฉันรีบกดตัดสายทิ้ง จู่ๆ เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้นระหว่างเราสองคนก็ผุดขึ้นมาในหัว ภายในห้องร้อนรุ่มราวกับมีกองไฟแผดเผาอยู่กลางห้อง
️️