บท
ตั้งค่า

EP.8 เก่งแต่กับคนไม่มีทางสู้ (1)

ชายหนุ่มเลือดร้อนอย่างฟาเรนยกฝ่ามือหนาลูบใบหน้าที่เปียกชุ่มของเขาที่เลอะไปด้วยน้ำเย็นยะเยือก

บนใบหน้าสุดโหดของเขาเต็มไปด้วยรอยแดงช้ำจากน้ำแข็งก้อนเล็กที่ปะทะใบหน้าหล่อเหลาของเขาเข้าอย่างจัง

ทุกสายตาละแวกนั้นหยุดชะงักและมองมาที่พวกเขาทั้งคู่เป็นทางเดียว

ฟาเรนกระตุกยิ้มมุมปากและปัดก้อนน้ำแข็งที่ติดอยู่ตามเสื้อช็อปสีน้ำเงินเข้ม ชุดประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่เขากำลังศึกษาอยู่ในตอนนี้ออก

"ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าทำแบบนี้กับฉันมาก่อน" เขาพูดขึ้นด้วยท่าทีเงียบขรึมแต่แฝงด้วยความรู้สึกบางอย่างที่น่ากลัว

"ฉันก็ไม่เคยเจอใครที่เหี้ยเหมือนนายมาก่อนเหมือนกัน" หญิงสาวใจกล้าบีบแก้วน้ำพลาสติกในมือแน่นจนบี้แบนแทบจะแหลกคาฝ่ามือเล็ก ๆ ของเธอ

เธอจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยความโกรธ จนลืมไปว่าตัวของเธอแตกต่างจากเขามากมายแค่ไหน

"เหอะ ๆ" เขาหัวเราะในลำคอเบา ๆ และจ้องน้ำขิงกลับอย่างแทบไม่กะพริบตาเลยแม้แต่นิดเดียว

"ฉันเหี้ยได้มากกว่านี้อีกนะ" ฟาเรนพูดออกมาในลำคอด้วยน้ำเสียงแหบสนิท

ฟุ่บ! เขากระชากคอเสื้อนักศึกษาตัวบางของหญิงสาวตรงหน้า จนตัวของเธอแทบลอยขึ้นจากพื้นด้วยความสูงที่แตกต่างกัน

"อ้ะ!" ร่างบางร้องเสียงหลงเมื่อถูกกระชากคอเสื้อจนตัวลอย

ปัก แป๊ก!

กระดุมเสื้อนักศึกษาตัวบาง ๆ กระเด็นชนกับเสื้อช็อปวิศวะตรงหน้า จนเผยให้เห็นร่องเต้าอวบอิ่มของเธออย่างเด่นชัด

ฟุ่บ! น้ำขิงรีบเอามือของเธอปิดหน้าอกเอาไว้ทันที แต่มันก็ไม่ทันจากสายตาที่แหลมคมของคนตรงหน้าที่เขาทั้งได้เห็นและสัมผัสหน้าอกของเธอมาก่อนหน้านี้แล้ว

"ปล่อยฉันนะ" เธอพูดออกมาอย่างพยายามไม่แสดงท่าทีหวาดกลัว ทั้ง ๆ ที่ภายในใจมันไม่ใช่เลย

แควก! เขากระชากเสื้อของเธออย่างแรงจนกระดุมเสื้อหลุดออกมาทุกเม็ด

"ไอ้สารเลว!" น้ำขิงรีบดึงเสื้อปิดเอาไว้ทันที

พลั่ก! ฟาเรนปล่อยมือออกจากคอเสื้อของเธอ

"พวกมึง วันนี้กูมีอะไรดี ๆ จะแบ่งให้ดูเว้ย" ฟาเรนตะโกนออกมาเสียงดังลั่นลานหน้าตึกคณะวิศวะ

ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือมากระชากเสื้อของร่างบอบบางจนกระดุมเสื้อนักศึกษาตัวบางของน้ำขิงจนหลุดหมดทุกเม็ด

"เฮ้ย!" น้ำขิงรีบยกมือปิดหน้าอกของเธอเอาไว้ได้ทันด้วยความตกใจสุดขีด

เธอต้องกำชายเสื้อเอาไว้แน่นไม่ให้มันเปิดออก เพราะไม่มีกระดุมใด ๆ เหนี่ยวรั้งชายเสื้อนักศึกษาเลยแม้แต่เม็ดเดียว

หน้าตึกวิศวกรรมศาสตร์ ที่ส่วนใหญ่มีแต่นักศึกษาผู้ชาย ขณะที่น้ำขิงดึงเสื้อนักศึกษาตัวเองปิดเอาไว้แน่นและเงยหน้ามองเขาอย่างเจ็บใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ มันทั้งอายทั้งโกรธ

"วิ้ดวิ้ว ฮู่ว์ ~" เสียงเหล่าบรรดาผู้ชายที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างมองตรงมาที่เธอเป็นทางเดียว หญิงสาวรีบกอดอกเอาไว้แน่น ตัวสั่นสะท้านไปหมด

ฟาเรนมองตาของเธออย่างสะใจที่ได้รังแกคนที่ไม่มีทางสู้อย่างเธอได้สำเร็จ

"แค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ" แววตาคมกริบเลื่อนต่ำลงมาที่หน้าอกของเธอพร้อมกับกระตุกยิ้มออกมา

"เพราะเธอทำฉันขายหน้าก่อน" เขาชี้หน้าเธอก่อนจะเลื่อนนิ้วมาปาดที่ลำคอของตัวเองอย่างข่มขู่ ๆ

"เราไปกันเถอะค่ะ ฟาเรน ~" ผู้หญิงอีกคนที่ยืนรออยู่นานเดินเข้ามาปัดเสื้อที่เปียกน้ำของเขา พร้อมกับควงแขนล่ำของฟาเรนอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ

"ไปสิ" เขาตอบผู้หญิงอีกคนไปด้วยท่าทางปกติ ทันทีที่ทั้งคู่กำลังเดินหันหลังกลับออกไป

"คนอย่างนายมันก็เก่งแค่กับคนที่ไม่มีทางสู้นั่นแหละ ฟาเรน!" น้ำขิงพูดออกไปเสียงสั่น ฝ่ามือยังคงกำชุดนักศึกษาตัวบางของตัวเองเอาไว้แน่น

เพราะเธอไม่ได้มาเพื่อตัวเอง แต่เธอมาเพื่อทวงความยุติธรรมให้กับคนอื่น คนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วยเลยอย่างเจ๊ดาว

แต่ในเมื่อคนสารเลวที่ไร้จิตสำนึกอย่างเขามันยากเกินกว่าจะอธิบายเหตุผลได้ การพูดคุยอย่างสันติจึงไม่เป็นประโยชน์อะไรกับคนที่จิตใจหยาบกระด้างอย่างฟาเรน

"ว่าไงนะ?" เขาเอ่ยถามด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง

"นี่เธอ จะเรียกร้องความสนใจจากฟาเรนของฉันอีกนานไหม?"

คราวนี้ไม่ใช่ฟาเรน แต่เป็นสาวสวยอีกคนหนึ่งที่หันมาเอาเรื่องน้ำขิงแทน เพราะเธอเริ่มสังเกตเห็นว่าฟาเรนเอาแต่สนใจน้ำขิงจนแทบจะลืมไปแล้วว่ามีเธอยืนอยู่ตรงนี้ด้วยอีกคน

"จะบอกอะไรให้นะ" ร่างบางที่เพิ่งโดนกลั่นแกล้งกัดฟันกรอดจ้องหน้าผู้ชายสารเลวคนนั้นอีกครั้ง

"ถ้านายไม่ใช่ลูกคนรวย คนมีอำนาจ" เธอมองสารรูปของเขาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า สายตาเดียวกับที่เขาชอบใช้มองดูถูกเธอ

น้ำขิงพูดใส่เขาท่ามกลางสายตาของหลาย ๆ คนที่จับจ้องมองมาทางพวกเขา เพราะทั้งคู่ต่างยืนทะเลาะกันเสียงดังสนั่นจนกลายเป็นจุดสนใจ

"คนอย่างนายมันก็คงไม่ต่างจากหมาตัวหนึ่งหรอก" น้ำขิงพูดทิ้งท้ายเอาไว้แค่นั้น

"นายมันก็แค่เกาะบารมีพ่อแม่ ทำกร่างไปวัน ๆ"

เธอพูดทิ้งท้ายเอาไว้เพียงเท่านั้น พร้อมกับหันหลังรีบเดินกลับคณะตัวเองทันทีโดยไม่รีรอให้อีกฝ่ายพูดอะไรต่อแม้แต่คำเดียว

"เธอเองก็...ปากดีให้ได้ตลอดแล้วกัน" เขาพูดไล่หลังมาติด ๆ

ร่างบางเร่งสาวเท้าเดินกลับคณะของตัวเองด้วยความอับอายที่ชุดนักศึกษาแทบขาดไม่เหลือชิ้นดี

แต่ในขณะที่กำลังเดินออกมาก็สวนทางกับคลินต์ที่วิ่งหน้าตาตื่นมาทางฟาเรนอยู่พอดี

"ไอ้ฟาร์ เชี่ยวินด์มันไปอเมริกาแล้ว" เสียงของคลินต์ที่วิ่งสวนทางมาก็ตะโกนบอกฟาเรนทันที

"ไอ้ไทม์บอกว่ามันเลื่อนตั๋วเครื่องบินไวขึ้น ไอ้ไทม์เองก็ไปส่งมันไม่ทัน" คลินต์วิ่งผ่านน้ำขิงไปบอกกับฟาเรนด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด

แต่ประโยคที่คลินต์พูดออกมาทำเอาน้ำขิงเองถึงกลับต้องชะงักฟังทันที เพราะแน่นอนว่ามันเกี่ยวข้องกับเพื่อนสนิทของเธอเต็ม ๆ

เนื่องจากเพื่อนสนิทของพวกเขาเคยคบหากันและคบกันอย่างจริงจังมาก ๆ ซะด้วย

"ไอรีน ~" คนแรกที่น้ำขิงกำลังเป็นห่วงอย่างมากในตอนนี้คือเพื่อนรักของตัวเธอเองอย่างไอรีน

เพราะถ้าวินด์เซอร์ไปเรียนต่อจริง ๆ คนที่แย่ที่สุดในตอนนี้ก็คงเป็นเพื่อนรักของเธอ เพราะไอรีนรักวินด์เซอร์มาก ๆ

"อะไรนะ?" น้ำเสียงของฟาเรนเองก็ตกใจไม่แพ้กัน ร่างบางชะงักฝีเท้า ก่อนจะหันกลับไปมองผู้ชายสองคนที่คุยกันด้วยท่าทีเคร่งเครียดอยู่ไม่ไกล

ในมือเธอยังคงกดโทรศัพท์หาไอรีนซ้ำ ๆ แต่ก็ไม่มีใครรับโทรศัพท์เลย

"เมื่อคืนเห็นมันหายไปกับไอรีน กูนึกว่ามันจะเปลี่ยนใจซะอีก" ฟาเรนพูดขึ้นพร้อมด้วยท่าทีที่เต็มไปด้วยความกังวลอะไรบางอย่าง

"กูฉิบหายแน่ถ้าไอ้วินด์หายหัวไปจริง ๆ" ฟาเรนกุมขมับตัวเองทันที

สายตาของเขาเหลือบกลับมามองทางสาวคู่กรณีที่ยืนอยู่ในระยะที่ห่างกันพอสมควร หลังจากที่สบสายตากันพักใหญ่อย่างลืมตัว

"นั่นมันน้ำขิงเพื่อนไอรีนนี่" ทันทีที่คลินต์มองตามสายตาของฟาเรนมาเจอเธอ เขาก็ทำท่าจะเดินมาหาทันที คงเพราะอยากจะถามเรื่องของไอรีนแน่ ๆ

เธอรีบหันหน้าหนีออกมาจากตรงนั้นโดยทันที เพราะเธอเองก็ไม่อยากอยู่ตรงนี้ในสภาพยับเยินแบบนี้สักเท่าไหร่

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel