ตอนที่ 4. ลาก่อน
พาฝันอดบ่นไม่ได้ เมษาไม่ใคร่ใส่ใจตัวเอง หลายครั้งที่เมษาเหนื่อยจัดจนหลับไปทั้งที่ยังไม่เปลี่ยนชุดการ์ว บางครั้งก็ลืมกินอาหาร
“อืม ฉันลืมน่ะ หาอะไรไว้ให้กินหน่อยสิ หิวชะมัด”
เมษาทรงตัวนั่ง เธอสะดุ้งเพราะรู้สึกเจ็บแปล๊บๆ ที่ช่วงล่าง
“เหอะ หากแกไม่มีฉันนะยัยเม ใครจะหาข้าวให้แกกิน” พาฝันพูดประชดก่อนจะกดวางสาย
เมษากลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ เธอกวาดตามองไปรอบตัว ไม่มีสัญญาณสิ่งมีชีวิตนอกจากเธอเท่านั้น เธอผุดลุกขึ้นยืนเดินไปแย้มผ้าม่านมองออกไปด้านนอก ที่โรงจอดรถยนต์มีแค่รถยนต์คันเก่าของเธอแค่คันเดียว นอกนั้นไม่มีรถยนต์คันอื่น
ปกป้องคงไปแล้ว...เมษาอยากรู้เหลือเกิน
ตอนที่เขารู้สึกตัว ชายผู้นั้นคิดยังไงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“แกจะบ้าเหรอยัยเม แกจะย้ายไปที่กันดานแบบนั้นทำไม!!” พาฝันโวยเสียงแหลม ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยสำหรับหมอที่จบใหม่ จะมีโอกาสได้เลือกสถานที่ทำงาน
เมษากับเธออาจโชคดี ตอนที่บรรจุครั้งแรก ไม่ได้ลงที่โรงพยาบาลในถิ่นทุระกันดาน แล้วทำไมเมษาถึงกระเสือกกระสนจะไปจากที่แสนสบายแห่งนี้
“ฉันมีเหตุผลน่า” เมษาตอบได้เพียงแค่นี้
นอกจากนี้ไม่สามารถบอกใครได้ เธออายเกินกว่าจะปริปากพูดออกมา
“ฉันรู้นะแกคิดอะไรอยู่ ผู้ชายไม่ได้มีคนเดียวสักหน่อย สักวันแกต้องเจอคนที่ดีกว่าหมอนั่น” เมษาเบิกตาโต มองสบตาเพื่อนด้วยแววตาตื่นตะลึ่ง
เธอแน่ใจว่าซ่อนทุกอย่างไว้อย่างมิดชิดดีแล้ว
“นี่ ถามจริงๆ เถอะ แกคิดได้ไงยะว่าฉันจะไม่รู้”
พาฝันแค่นยิ้ม เกือบหกปีเต็มที่มีชีวิตตัวติดกับเมษา กว่าจะผ่านความลำบากนั่นมาได้ จนกลายเป็นความผูกพันเหมือนตอนนี้ อุปนิสัยของเมษาดูยากก็จริง แต่หากสัมผัสถึงเนื้อแท้ ถึงจะรู้ว่าใต้หน้ากากเย็นชานั่น คือผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง
เมษาแค่สร้างกำแพงไว้ปกป้องตัวเอง
เป็นเกราะแก้วที่เปราะบางและสามารถพังทลายลงง่ายๆ เพียงแค่แตะถูกเบาๆ
“แกรู้มากแค่ไหนฝัน?” เมษาย้อนถาม
เรื่องของเธอควรเป็นความลับ ไม่ควรมีคนนอกรู้เรื่องอัปยศที่เกิดขึ้น
“มากพอที่จะเดาได้ว่า แกกำลัง ‘หนี’ ใครอยู่” พาฝันถอนใจแรงๆ หลังพูดจนจบ
เมษาผ่อนลมหายใจ หากเธอยืนกระต่ายขาเดียวไม่พูดความจริงออกมา คนอื่นก็จะไม่พลอยลำบากใจไปด้วย
“ฝัน แกคิดมาก ฉันแค่เบื่อที่นี่ อยากพักหูสบายๆ ไม่ใช่อย่างที่แกคิดหรอก” ข้อแก้ตัวที่พอฟังขึ้น หลังไตร่ตรองจนแน่ใจ พาฝันจะไม่มีความคิดเป็นอื่น นอกจากฟังสิ่งที่ตนเองอธิบาย
“แกแน่ใจนะ ว่าแต่...ที่คอแก ไปโดนอะไรมา?” ตรงท้ายทอยเกือบถึงโคนผมมีรอยจ้ำๆ ใหญ่เท่าเม็ดถั่ว พาฝันตาไวเลยพลอยสังเกตเห็น
“คงถูกยุงกัดน่ะ แกก็รู้ คนที่บ้านฉันย้ายไปบ้านหลังใหม่หมดแล้ว ไม่มีใครดูแลบ้านเลย นั่นอาจจะทำให้แมลงตัวเล็กๆ เล็ดลอดเข้าไปได้”
พาฝันพยักหน้าหงึกหงัก “แกรอตรงนี้นะ ฉันหายามาทาให้ ฉันอยากรู้จริงๆ ทำไมแกไม่ย้ายไปอยู่กับพ่อกับแม่แกเลยละ?” พาฝันถามต่อระหว่างควานหาตลับยาทาแก้ผดผื่น
“ฉันกำลังย้าย เลยไม่อยากรบกวนพวกเขา อีกอย่างนะ บ้านทั้งหลังมีฉันแค่คนเดียว ฉันน่าจะสบายใจได้มากกว่า บ้านที่เต็มไปด้วยคนพลุกพล่าน” เมษาปั้นสีหน้าร่าเริงสดชื่น
“ความจริง มันก็จริงนะ หมอนั่นมีเหลือกินเหลือใช้ เขาคงไม่ปล่อยให้ครอบครัวว่าที่เมียลำบากหรอก”
ปกป้องเป็นทายาท ภักดีวินิจ ทายาทผู้มั่งคั่งหนึ่งเดียว ที่สาวๆ เกือบทั้งเมืองวิ่งไล่จับ แต่เขาก็สามารถเอาตัวรอดมาได้ จนกระทั่งมาเจอกับมายา พาฝันถอนใจแรงๆ มายาคือน้องสาวผู้แสนดี หล่อนร่าเริงและเป็นที่ชื่นชอบของทุกคนที่พบเจอ แต่พาฝันกลับรู้สึกตรงกันข้าม มันอาจเป็นเพราะเธอรู้จักนิสัยของเมษาดี เพื่อนที่ปากหนัก ไม่มีทางแอบนินทาน้องสาวคนเดียวให้คนอื่นฟังหรอก
และเพราะพาฝันเป็นผู้หญิง ทำไมจะมองไม่ออก
มายาปรุงแต่งจริตของตัวเองเพื่อให้คนรอบตัวสนใจ
เนื้อแท้แล้ว ตรงข้ามกับสิ่งที่คนภายนอกเข้าใจแบบสิ้นเชิง