13 อัคนีกลั่นแกล้งอย่างไร้เหตุผล
นภิสตั้งใจผลิตอาหาร และขนมหลายอย่าง เมื่อให้ป้าเจิมกับกระจงชิมต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าอร่อย แต่ไม่ถูกใจอัคนี ทุกชิ้นที่ผลิตออกมาไม่เคยผ่านจะต้องกลับไปซ่อมใหม่
“อาหารไม่อร่อย เค็มไป เดี๋ยวคนซื้อไปกินเป็นโรคไตกันพอดี มีจิตสำนึกบ้างสิคุณ แล้วขนมนี่ก็เลี่ยนมาก มีแต่เนยเยิ้มเต็มไปหมด หน้าตาก็ไม่ค่อยน่ากินเท่าไร แล้วอย่าให้ชิ้นใหญ่มาก พยายามจัดขนมให้สวย คุณเป็นนักโภชนาการอะไรเนี่ย ดูไม่ออกหรือไงว่าไม่น่าดูเลย”
นอกจากอาหารจะไม่ผ่านแล้ว เขายังหาเรื่องตำหนิทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับอาหารเมนูใหม่ จนเธอเสียใจและท้อที่จะทำใหม่อีกครั้ง
“ค่ะ ฉันจะพยายาม”
“ไม่ใช่พยายาม คุณจะต้องทำให้ได้ และจะต้องดีกว่าเดิม”
“ค่ะ ฉันจะทำให้ดีที่สุด”
หญิงสาวรับคำเสียงอ่อย ๆ พอ ๆ กับความร้อนของหยาดน้ำตาจนแทบจะไหลออกมา แต่เธอบอกกับตัวเองว่าจะต้องทน และอย่ายอมแพ้
“ถ้าคุณทำไม่ได้ก็ควรพิจารณาตัวเองว่าจะทำอย่างไร”
“ขอบคุณสำหรับข้อตำหนิค่ะ”
หญิงสาวประคองถาดใส่อาหารและขนมเข้าไปในครัวจึงไม่เห็นสายตาขุ่นเขียวจากนายจ้างหนุ่มจอมโหดที่มองเธอด้วยความสะใจ
‘รังรอง สิ่งที่คุณทำกับพี่ชายผมกำลังได้รับคืนสนอง คุณจะต้องเจ็บเป็นร้อยเท่าพันทวี’
ชายหนุ่มทุบกำปั้นลงบนโต๊ะเต็มที่ ทว่าเขาสะดุ้งใบหน้าเหยเกเมื่อเผลอทุบลงบนแท่นวางโทรศัพท์รูปดาว เขาสะบัดมือเร่า ๆ ด้วยความเจ็บปวด และเพิ่มความชิงชังนภิสมากกว่าเดิม
นภิสกำลังเร่งทำอาหารและขนมชุดใหม่ด้วยความทุกข์ จู่ ๆ น้ำตาไหลอาบแก้มเมื่อนึกถึงคำพูดจากนายจ้าง จนทำให้เธอท้อคิดว่าคงอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน
‘ทำไมคุณไฟถึงจงเกลียดจงชังเรานัก ทั้งที่คนอื่น ๆ ว่าคุณใจดีมีเมตตา แต่กับเราเสียงดังใส่ ทำราวกับเป็นศัตรูกันมาแต่ชาติปางก่อน’
“คุณนภิส เสร็จหรือยัง ผมไม่มีเวลามากนักหรอกนะ”
หญิงสาวสะดุ้ง เร่งมือทำอาหารจนลนลาน
“ค่ะ ๆ ใกล้แล้ว รอก่อนนะคะ”
“คุณทำช้าเกินไปแล้วนะ แล้วจะทันขายได้ยังไง ถ้าลูกค้าสั่งเยอะ ๆ”
“คุณก็ต้องหาลูกมือให้นภิสนะคะ ทำคนเดียวคงไม่ไหวหรอก”
หญิงสาวตอบโต้กลับไปอย่างเหลืออดที่เขาไม่เห็นใจว่าเธอเหนื่อยยากแค่ไหนในการผลิตอาหารและขนมแต่ละชนิดออกไปเพื่อให้ถูกใจเขา
กว่าอาหารและขนมจะผ่านเลือดตาแทบกระเด็น และเขายังเร่งเวลาจนเธอวิ่งวุ่นราวกับชะมดติดจั่น แม้บางครั้งป้าเจิมเข้ามาช่วยบ้างแต่ก็ไม่ทันอยู่ดี
อาหารและขนมผ่านด่านสุดโหดจากอัคนี และผลิตไปขายที่ร้านเรียบร้อย ซึ่งเป็นที่ต้องการของลูกค้าจนมียอดสั่งเพิ่มขึ้นอีก
“คุณนภิส”
หญิงสาวสะดุ้ง ตกใจจนชามใส่แป้งสาลีแทบพลัดหลุดจากมือเมื่ออัคนีโผล่พรวดเข้ามาในครัวโดยไม่บอกล่วงหน้า
“คะ คุณไฟ”
“ลูกค้าชอบพายข้าวโพดมาก ของที่ร้านก็ใกล้จะหมดแล้ว แต่เรายังมีเวลาอีกห้าชั่วโมงกว่าร้านจะปิด”
“เราต้องทำออกไปขายใช่ไหมคะ”
หญิงสาวถามอย่างนอบน้อม แต่พยายามเอาใจเขาให้มากที่สุดเพราะกลัวถูกตำหนิ
“ใช่ เอาสักห้าสิบชิ้นก็พอ แต่เดี๋ยวก่อน มีลูกค้าจัดงานเลี้ยงตอนเย็นเขาขอสั่งพายข้าวโพดสามร้อยชิ้น คุณต้องทำให้เสร็จก่อนหกโมงเย็น”
นภิสอึ้งไปชั่วขณะเมื่อรู้ว่าจะต้องทำพายข้าวโพดจำนวน 350 ชิ้น ซึ่งลอตแรกก็ต้องรีบเพื่อนำไปขายที่ร้าน และที่เหลือเธอจะต้องทำเวลาให้เสร็จก่อน 18.00 น. ซึ่งเป็นงานที่หนักมาก
“ฉันกลัวว่าจะไม่ทันค่ะ คุณน่าจะบอกล่วงหน้า”
“ลูกค้าเพิ่งโทร. มาบอก และเร่งจะเอา ไม่รู้ล่ะ ผมรับปากเขาแล้ว คุณต้องทำให้เสร็จ ไม่อย่างนั้นผมเสียหายแน่”
“แต่ฉันกับป้าเจิมสองคนคงทำไม่ทัน ป้าเจิมต้องทำอาหารเย็นและดูแลน้องเกี่ยวก้อยด้วย”
“ผมจะให้คนงานผู้หญิงมาช่วยคุณสามคน พอไหม”
“ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะ”
หญิงสาวพูดจบเร่งมือในการเตรียมวัตถุดิบในการทำพายข้าวโพดจนมือเป็นระวิง ป้าเจิมมองด้วยความสงสาร และโมโหอัคนีที่กลายเป็นนายจ้างใจโหด ทั้งที่ไม่เคยมีพฤติกรรมอย่างนี้มาก่อน
อะไร ? ทำให้เขาเปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้
“คุณนภิสคะ ระวังค่ะอย่ารีบมาก เดี๋ยวจะทำให้เสร็จช้าไปอีก”