ปากร้าย
“ทำได้ก็ดี แล้วอย่าเอาเรื่องนี้ไปฟ้องแม่เด็ดขาด ไม่งั้นเธอโดนดีแน่”
“…..”
ฉันกัดฟันก้มหน้าก้มตาซักเสื้อผ้าให้พี่คินน์ต่อไปโดยที่ไม่บ่นหรือพูดอะไรสักคำเพราะไม่อยากสร้างศัตรูหรือมีปัญหากับใคร
แค่ป้าลีให้ฉันเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ก็ถือว่าเป็นบุญคุณมากแล้ว หรือถ้าเกิดว่าฉันไม่มีป้าลีคอยช่วยเหลือ ป่านนี้คงเร่ร่อนตรากตรำไปอยู่ที่ไหนสักแห่ง กว่าจะซักผ้าตากผ้าให้พี่คินน์เสร็จก็กินเวลาไปร่วมหลายชั่วโมง
“นับดาว”
“คะ?” ฉันรีบหันขวับกลับไปมองเสียงเรียกตามสัญชาตญาณในขณะที่เดินเข้ามาในบ้านใหญ่ ก่อนจะเห็นว่าเป็นพี่ครามที่เดินเข้ามาหาพร้อมยื่นถุงขนมให้
“พี่ซื้อขนมมาฝาก เอาไปกินสิ”
“ขอบคุณค่ะพี่คราม” ฉันรับขนมนั่นมาด้วยความเกรงใจ อย่างน้อยก็ยังมีพี่ครามที่ใจดีกับฉันอยู่บ้าง
“ว่าแต่เราไปทำอะไรมา เหงื่อออกเต็มตัวขนาดนี้?”
“เอ่อ…” ฉันอึกอึกเพราะไม่กล้าบอกว่าทำอะไรมา กลัวพี่คินน์จะดุและถูกมองว่าเป็นคนขี้ฟ้อง แล้วบางทีฉันอาจจะโดนแกล้งมากกว่านี้ก็เป็นได้
“ว่าไง ไปทำอะไรมา?”
“นับไปเดินเล่นที่สวนหลังบ้านมาน่ะค่ะ พอดีอากาศมันร้อนเลยเหงื่อออก” ฉันเลือกที่จะโกหกคำโตบอกพี่ครามออกไป ซึ่งไม่รู้ว่ามันจะได้ผลไหม เพราะฉันมันเป็นพวกโกหกไม่ค่อยเก่งซะด้วยสิ
“แล้วไอ้คินน์มันได้แกล้งอะไรเราบ้างไหม?”
“ปะ…เปล่าค่ะ พี่คินน์ไม่ได้แกล้งอะไรนับ”
“ไม่แกล้งก็ดีแล้ว ถ้ามันเล่นพิเรนทร์หรือแกล้งอะไรนับ ให้มาบอกพี่หรือบอกแม่เลยนะ”
“ค่ะ”
“ถ้างั้นพี่ขอตัวก่อนนะ เชิญนับตามสบาย”
ฉันได้แต่มองตามพี่ครามที่เดินออกไปด้วยสายตาละห้อย ไม่รู้ว่าจากนี้ไปจะต้องรับมือกับอะไรบ้าง เพราะดูท่าทางของพี่คินน์แล้วเขาคงจะเกลียดขี้หน้าฉันอยู่ไม่น้อย
หลายวันต่อมา
“นี่มันก็สายมากแล้วนะ ทำไมตาคินน์ถึงยังไม่ตื่นไปเรียนอีก” ป้าลีบ่นพึมพำพลางก้มมองนาฬิกาข้อมือที่บ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาแปดโมงกว่าแล้ว ซึ่งพี่ครามออกไปเรียนตั้งแต่เช้า ส่วนพี่คินน์จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ตื่น
“สงสัยเมื่อคืนกลับดึกค่ะคุณนาย” ป้านอมที่เป็นแม่บ้านพูดขึ้น เพราะตั้งแต่ที่ฉันย้ายมาอยู่ที่นี่ ไม่มีวันไหนที่พี่คินน์จะกลับบ้านตรงเวลาเลยสักวัน
“นับวันยิ่งเหลวไหลไอ้ลูกคนนี้ ถ้าเจอหน้าคงต้องสั่งสอนกันบ้างแล้ว”
“…..” ฉันได้แต่นั่งฟังบทสนทนานั้นแบบเงียบๆ โดยไม่พูดหรือออกความคิดเห็นอะไร
“ช่วยไปตามพี่คินน์ให้ป้าทีนะ ตอนนี้สายมากแล้ว เดี๋ยวตื่นไปเรียนไม่ทัน”
“ให้นับไปตามเหรอคะ?” ฉันทวนถามอีกครั้งด้วยความไม่แน่ใจ แต่ตรงนี้มันมีแค่ฉันกับป้าลีสองคน นั่นก็คงหมายถึงฉันสินะ
“หนูนับนั่นแหละจ้ะ”
“ค่ะป้าลี เดี๋ยวนับไปตามให้ค่ะ”
ในเมื่อไม่มีทางเลือก ฉันจึงต้องยอมเดินออกมาตามพี่คินน์แต่โดยดี ผ่านไปไม่นานนักก็มาหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องของเขา ก่อนทำใจอยู่ชั่วครู่แล้วจะเคาะประตูห้องในที่สุด
ก๊อก! ก๊อก!
“พี่คินน์คะ พี่คินน์” ฉันเคาะประตูเรียกคนที่อยู่ด้านใน แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีสัญญาณใดๆ ตอบกลับมา พอเห็นดังนั้น ฉันจึงเรียกด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม
“ป้าลีให้มาตามค่ะ พี่คินน์ตื่นหรือยังคะ”
แกร้ก~ เมื่อไม่มีเสียงขานรับ ฉันจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปในห้อง ก่อนจะเห็นว่าพี่คินกำลังนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงในสภาพท่อนบนเปลือยเปล่า
“พะ…พี่คินน์คะ ป้าลีให้มาตามค่ะ” ฉันเลื่อนมือไปแตะตัวเขาเบาๆ เพื่อเป็นการปลุก ซึ่งมันได้ผลเมื่อเขาเริ่มรู้สึกตัวและขยับร่างกายขึ้นมาบ้างแล้ว ทำไมถึงได้นอนขี้เซาขนาดนี้นะ
“อื้ออ”
“ตอนนี้สายมากแล้วนะ เดี๋ยวไปเรียนไม่ทัน”
ดวงตาเฉี่ยวคมลืมตาขึ้นมามองหน้าฉันเพียงเล็กน้อย แต่ทว่า…เขามองด้วยสายตาที่ไม่ค่อยพอใจ
“ใครอนุญาตให้เธอเข้ามาในห้องฉัน!”
“…..”
“ฉันถามว่าใครอนุญาตให้เธอเข้ามา!?”
“มะ…ไม่มีค่ะ นับเข้ามาเอง”
พรึ่บ! ฉันสะดุ้งด้วยความตกใจเมื่อถูกหมอนใบใหญ่ฟาดเข้าที่ใบหน้าอย่างแรงจากฝีมือของพี่คินน์
“ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้ แล้วอย่าเสนอหน้าเข้ามาในห้องนี้อีกถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากฉัน!”
“…..”
“ยืนนิ่งอยู่ทำไม รีบออกไปสิ ออกไป!”
ฉันรีบวิ่งออกจากห้องของพี่คินน์พร้อมกับความรู้สึกมากมายที่จุกอยู่ในอกเมื่อถูกเขาไล่ตะเพิดเหมือนหมูเหมือนหมา หรือบางทีฉันอาจจะเป็นฝ่ายผิดเองที่เข้าไปวุ่นวาย
“เป็นอะไรหนูนับ ร้องไห้ทำไมลูก” ป้าลีเอ่ยถามหลังจากที่เห็นว่าฉันเดินกลับเข้ามาด้วยใบหน้าถอดสี
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะป้าลี”
“ท่าทางแบบนี้ โดนคุณคินน์ไล่ตะเพิดออกมาใช่ไหมคะ?” ป้านอมพูดแทรกขึ้น ซึ่งก็เป็นเหมือนที่ป้านอมพูดไว้จริงๆ ฉันถูกเขาไล่ออกมา
“…..”
“ต้องใช่แน่ๆ เลยค่ะคุณนาย วันนั้นคุณคินน์ก็ใช้คุณนับดาวซักผ้าแถมยังเอากางเกงชั้นในให้ซักด้วยนะคะ”
“ว้าย! ตายจริง มันเป็นเรื่องจริงเหรอหนูนับ ตาคินน์ทำแบบนั้นจริงๆ เหรอ?”
“…..”
“นั่นไง! พูดถึงก็มาพอดี เดี๋ยวป้าจัดการให้เอง”
ฉันเหลือบสายตามองไปทางพี่คินน์ที่เดินเข้ามาใหม่ ก่อนจะรีบหลบหน้าเหมือนเห็นว่าเขากำลังมองจ้องมาทางฉันพอดี
“กำลังพูดถึงผมอยู่หรือเปล่า?”
“คินน์มาก็ดีแล้ว ทำไมถึงทำกับน้องแบบนั้น?”
“แม่พูดเรื่องอะไร ช่วยขยายความให้หน่อย” พี่คินน์ถามกลับพร้อมหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ ป้าลี แต่สายตายังคงมองจ้องฉันอยู่
“ก็เรื่องที่ใช้หนูนับซักผ้า ไหนจะเรื่องที่ไล่ตะเพิดหนูนับออกจากห้องอีก ทำไมถึงไม่พูดกับน้องดีๆ”
“คาบข่าวไปฟ้องแม่เร็วดีนิ”
“น้องไม่ได้ฟ้องอะไรทั้งนั้น ป้านอมเป็นคนบอกแม่เอง”
“มันไม่ใช่น้องผม แล้วผมก็ไม่เคยเห็นมันเป็นน้องด้วย!”
“อย่าพูดจาแบบนี้นะคินน์”
“แล้วผมพูดผิดตรงไหน?”
“…..” ฉันก้มหน้าเงียบเมื่อพี่คินน์หยัดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินเข้ามาใกล้ พลางมองสำรวจฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาคือคนที่ฉันเคยแอบชอบในวัยเด็ก แต่ทว่าตอนนี้เขากลับจงเกลียดจงชังฉันมากเหลือเกิน…
“ทำเป็นหน้าซื่อตาใส เมื่อไหร่จะเลิกแอ๊บทำตัวไร้เดียงสาสักที ฉันเห็นแล้วรำคาญลูกตา!”