2
“ผมจะรีบหามาคืนให้ไวที่สุดนะครับ...”
มือไม้ที่สั่นงันงก ประกบเข้าหากัน ยกขึ้นเหนือหัวซ้ำๆ เพื่อให้คนที่นั่งสบายๆ อยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ได้เห็นใจ
“เซ็นต์ซะ” ผู้ช่วยคนสำคัญของผู้มีอำนาจ ยื่นกระดาษพร้อมปากกามาให้ ด้วยแววตาและน้ำเสียงเรียบเฉย
“โธ่! เห็นใจผมเถอะนะครับ ให้ผมได้เหลือที่ดินไว้เป็นมรดกลูกหลานหน่อยเถอะครับ”
“เซ็นต์” ย้ำด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้น พร้อมเปิดให้เห็นด้ามวัตถุสีดำเมื่อม ที่เหน็บอยู่บริเวณเอวสอบ
“คะ...ครับ” น้ำเสียงสั่นรีบตอบ พร้อมคว้าเอกสารเข้ามาเซ็นต์อย่างเลือกไม่ได้
แววตาเรียบเรื่อยของคนที่นั่งสูบบุหรี่อย่างสบายๆ พ่นควันให้พวยพุ่งออก รอบแล้ว รอบเล่า...ราวกับคนตรงหน้า เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตหนึ่งที่ไม่ได้มีความสำคัญแต่อย่างใด
“รายต่อไปเชิญ...” เสียงของเหล่าลูกน้องที่ทำหน้าที่ได้ดี เอ่ยกังวานขึ้น ก่อนหิ้วคนที่นั่งเข่าทรุด ร้องไห้ออกไป
หากไม่เหี้ยมโหดจริง คงไม่มีใครนั่งมองภาพเหล่านี้ด้วยแววตาเรียบเฉยได้
‘ฉันไม่เคยขอให้พวกมันมากู้’
เจ้าหนี้รายใหญ่เคยเอ่ยเอาไว้แบบนั้น ใครอยากกู้เขาให้กู้ แต่มีดอกเบี้ยแสนแพงที่เหล่าลูกหนี้ทั้งหลายล้วนพากันรับได้
แต่ไม่เคยมีใครได้เห็นใบหน้าแท้จริงของเขา เพราะเขามักจะสวมหน้ากากสีดำเอาไว้เสมอ
กฎหมายไม่มีสิทธิเข้ามาข้องเกี่ยว หากใครเบี้ยว ก็จะโดนกฎหมู่เท่านั้น!!
“แล้วแกจะเอายังไงต่อไป” เมื่อเงินก้อนสุดท้ายที่เธอเก็บเอาไว้ จากการขายรถได้ถูกนำไปใช้หนี้ให้บิดา พี่สาว และต่อชีวิตค่าเช่าบ้าน ค่าเช่าโกดังสินค้า
ที่เธออยากจะฟื้นมันกลับมาอีกครั้ง แต่ยังไร้วี่แววอยู่
เหมือนว่า...เงินทั้งหมดได้ใช้จนหมดและเธอจะอยู่ได้แค่ถึงสิ้นเดือนนี้เท่านั้น
“ไม่รู้เลยว่ะ ขายออนไลน์ก็ได้มานิดๆ หน่อย แถมยังไม่มีเงินไปยิงโฆษณาอีก น่าจะมีแต่จมกับจม”
“กลับไปทำงานมั้ย...แถวบ้านก็ได้ เห็นเขาเปิดรับสมัครอยู่นะ” พิมพ์พา บุษเนตร ว่าอย่างห่วงใย เมื่อเห็นว่าเพื่อนกำลังเดือดร้อนหนัก
“ไม่ได้ว่ะ...สังคมพยาบาลมันแคบจะตาย ฉันไม่อยากจะถูกนินทา”
“แกจะไปสนใจทำไมวะ กะอีแค่คำคน แกต้องยอมรับความจริง เมื่อมันไปต่อไม่ได้ แกก็ต้องเริ่มใหม่” สิ่งที่เพื่อนพูดมานั้น นิชนันท์ยอมรับว่ามันคือความจริงนั่นแหละ
“แต่แกก็รู้ว่าเหตุผลอะไร ที่ฉันเลือกลาออกมา และแกก็รู้ว่าฉันเตรียมตัวที่จะออกมา ตั้ง 7 ปีเลยนะเว้ย ฉันมาล้มแค่ปีเดียวเอง ฉันไม่ยอมให้มันพัง 7 ปีที่ผ่านมาของฉันไปด้วยหรอก” เธอว่าอย่างยึดมั่น ถือดีและแพ้ไม่เป็น จนพิมพ์พาต้องถอนหายใจส่ายหน้า
“ฉันเป็นห่วงแกนะเว้ย แกรู้ใช่มั้ย”
“รู้...ขอบใจ แต่ฉันยังอยากจะพยายามอีกนิดก่อน”
“ยังไงวะ?”
“ฉันว่าถ้าฉันมีเงินมายิงแอดโฆษณาใน Tiktok โอกาสที่จะปังอีกครั้งมันก็มีอยู่นะ” คนที่ไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง รีบส่ายหน้า
“แล้วถ้ามันพังล่ะ แกจะทำยังไง” นิชนันท์นิ่งไปชั่วครู่
“ฉันขออีกแค่ครั้งเดียว ถ้าคราวนี้มันไม่ได้...ฉันก็จะยอมแพ้แล้ว”
“แล้วแกต้องการเงินอีกเท่าไหร่” พิมพ์พาเป็นคุณครูสาวประจำโรงเรียนประจำจังหวัดแห่งหนึ่ง เธอไม่ได้ร่ำรวยหรือมีเงินทองมากมาย แต่ก็ไม่ได้เดือดร้อนขัดสน เพราะไม่ได้คิดที่จะทะเยอทะยานและพอใจในสิ่งที่ตนเองมี
“แสนหนึ่ง”
“ฮะ! เป็นแสนเลยเหรอ!” ว่าอย่างตกใจ ตามประสาคนที่ไม่เคยเป็นหนี้ มีสหกรณ์ให้กู้เท่าไหร่พิมพ์พาก็ไม่เคยจะยอมกู้เหมือนคนอื่นเขา
ยอมขับรถมอเตอร์ไซด์ไปทำงาน อยู่บ้านพักครูโทรมๆ ไม่ได้มีบ้านมีรถโก้หรูเหมือนคนอื่น
“แกจะไปกู้ที่ไหน ธนาคารก็โดนดิสเครดิตไปหมดแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ฉันว่าจะกู้นอกระบบ”
“ฮะ! จะบ้าเหรอ...ดอกโหดมากเลยนะเว้ย” หญิงสาวผู้มีผมดำขลับกับดวงตาหวาน ตามประสาคนเรียบร้อยไปซะทุกกระเบียดนิ้ว ว่าอย่างรู้สึกขยาด
“ถ้าฉันยิงแอดเป็นแสนได้ โอกาสที่จะขายได้เป็นล้านมันก็มี...คงต้องลองเสี่ยงดูว่ะ”
“แล้วแกจะไปกู้ที่ไหน แกรู้แหล่งเหรอ?”
“ลูกน้องที่เคยทำงานให้ฉัน บอกว่าพอรู้อยู่อ่ะ...แต่ต้องกู้ผ่านคนอื่น ไม่ได้กู้กับเจ้าหนี้โดยตรง ซึ่งตอนนี้ลูกน้องกำลังประสานให้ คือฉันก็อยากให้แบรนด์ฉันกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งว่ะ”
นิชนันท์ทำสินค้าเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ผมและหน้าทั่วไป ซึ่งไม่ได้ทำผ่านระบบตัวแทนแต่อย่างใด ทำขายโดยส่งให้ร้านค้าและไลฟ์สดเป็นหลัก
ซึ่งก็มีการใช้ดีถึงบอกต่อ แต่เหมือนกับว่า...ช่วงหลังๆ มานี้ กระแสเริ่มตกแม้จะจ้างพรีเซ็นเตอร์โฆษณาให้ก็ตาม
ลูกค้าเก่าที่เคยมี ก็ยังพอหลงเหลืออุดหนุนอยู่บ้าง แต่ก็น้อยลงทุกที จนเธอต้องปิดโกดังและให้ลูกน้องออกกันไปจนหมด
“ฉันเอาใจช่วยแกนะ ขอให้ทำได้ สู้ๆ” แม้จะไม่เห็นด้วยกับเพื่อนเท่าไหร่นัก แต่ก็ทำได้แค่ให้กำลังใจ เพราะเพื่อนได้ตัดสินใจไปแล้ว