ทาสรักพ่อซื้อ

81.0K · จบแล้ว
เทพีปรัมปรา
45
บท
3.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

คำโปรย “เท่าไหร่...ฉันจะซื้อ” เคยได้ยินแต่คนเขามีแม่ซื้อกัน ส่วนฉัน...ดันมามีพ่อซื้อค่ะ! ซื้อทุกอย่างที่ขวางหน้า! แนะนำเรื่อง เมื่อสาวสู้ชีวิตอย่างนิชนันท์สาวใกล้ใหญ่วัย 32 ปี ต้องมาเจอกับพิษเศรษฐกิจจนต้องมีหนี้สินพันล้นพ้นตัว หาทางออกแทบไม่ได้... สมบัติชิ้นสุดท้ายที่แม่ให้มา เธอคิดว่าจะขายมัน ขายเพราะใครๆ ก็ต่างบอกว่ามันมีค่า และเธอก็เก็บรักษามันมาอย่างดีตลอด ใช่...เธอตัดสินใจขายให้กับผู้ชายคนหนึ่ง ที่คิดว่าชาตินี้คงจะได้เจอกันเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย แต่ใครจะไปคิดล่ะ ว่าการยอมขาย...แค่ครั้งเดียวนั้น จะทำให้เธอต้องมา ‘ขาย’ ทุกสิ่งให้กับเขาเรื่อยมา เพราะเขาน่ะ... ‘ซื้อเก่ง!’ ซื้อทุกอย่างที่ตัวเองอยากได้ ใช้เงินแก้ปัญหา “เท่าไหร่...ฉันจะซื้อ” นั่นล่ะคือที่มาของคำว่า ‘พ่อซื้อ’ พ่อซื้อสายเปย์ที่ทำเอาใจเธอเซทุกที ไอ้คำว่าศักดิ์ศรีเธอก็อยากจะมีอยู่หรอกนะ แต่ ‘เงิน’ สำคัญกว่าค่ะ เธอก็เลยตัดสินใจ ‘ขาย’ มันซะทุกอย่าง! เรื่องราวระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายจะเป็นยังไง โปรดติดตามได้ในเรื่องนะคะ ***ขอบคุณที่กดทดลองเข้ามาอ่าน*** เรื่องนี้จะเป็นแนวโรมานซ์ มีเนื้อหาทางเพศ เหมาะสำหรับผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไป มีความโรแมนติก อินดี้ คอมเมดี้ให้หัวเราะสบายใจ เบาสมอง อาจจะมีดราม่าเล็กน้อย แต่ไม่เยอะมาก...ตามประสาเทพีปรัมปรา มีข้อคิดติดมาอีกแน่ๆ ยังไงลองเปิดใจลองอ่าน...กันดูนะค้า อาจจะชอบก็ได้นะ อิอิ “ฉันไม่ได้สร้างงานเขียน แต่ผลงานเขียนต่างหากที่สร้างฉัน” เทพีปรัมปรา

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักประธานตลกนางเอกเก่งรักหวานๆโรแมนติกพระเอกเก่งผู้ชายอบอุ่นฟินๆ

1

‘ค่าเช่าบ้าน’

‘ค่าโทรศัพท์’

‘ค่าบัตรเครดิต’

‘ค่าผ่อนชำระหนี้...’

ขณะที่สมอง ที่มีรอยหยักล้ำเลิศของคนที่คิดว่าตัวเองเก่งที่สุดในปฐพีนี้ ได้ฟุบลงไปกับโต๊ะตามศีรษะ ภาพจำในหัวก็ผุดค่าต่างๆ เหล่านั้นลอยล่องเข้ามา

เธอพยายามที่จะสูดลมหายใจเข้า ลืมภาพพวกนั้นออกจากหัวไปสักพัก

แต่ก็ทำไม่ได้...

“ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก...”

ตื๊ด! แล้วสมาธิที่พยายามจะตั้ง ก็หายวับไปกับตา เมื่อมีเสียงเรียกเข้าแบบสั่นดังขึ้น

มือไม้ของคนที่ยังไม่ได้ลืมตา ควานหาที่มาของเสียงก่อนหรี่ตาขึ้นมองด้วยความอ่อนล้า

เจ๊ปาน...calling

“ว่าไงเจ้” กรอกน้ำเสียงลงไป พร้อมหาวหวอดใหญ่ จากการที่นอนหลับไม่เพียงพอมาหลายคืน

‘เมื่อไหร่จะนำเงินมาผ่อนให้พ่อเอ็งฮะ สองงวดแล้วนะ ร่ำรวยใหญ่โต แต่เหนียวหนี้เหรอ!’

“ขอเวลาสองวันเจ้ เดี๋ยวฉันโอนไปนะ”

‘ขอสองวันมาสามครั้งแล้ว จะให้อั๊วเชื่อใจลื๊อได้อีกเหรอ ไม่รู้ล่ะ ถ้าคราวนี้ลื๊อไม่มี อั๊วจะไปยึดที่ดินพ่อแม่ลื๊อ!’ แล้วปลายสายก็ได้ตัดไป พร้อมกับการถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้าหมดแรง ของคนที่ยังถือโทรศัพท์ค้างอยู่

ตื๊ด!

“อื้อ ว่าไงพี่หน่อย” และพี่สาวคนโตก็โทรตามมา

‘นิดช่วยพี่ด้วย เขาจะมายึดรถพี่แล้ว...แกหาเงินได้รึยัง!’ มีคนเคยบอกว่า ปัญหามันชอบจะปะเดปะดังเข้ามาในเวลาที่เรามีปัญหาอยู่แล้วเสมอ

ซึ่งนิชนันท์ก็ได้รู้ซึ้งที่สุดก็วันนี้!

“เท่าไหร่นะ”

‘หมื่นหนึ่ง...พี่ขอยืมก่อนนะ นะๆ’ คนที่คอยช่วยเหลือพี่สาวมาตลอด ถอดถอนใจ

“ขอเวลาสองวันเจ้ เดี๋ยวหมุนเงินก่อน”

‘หมุนเงินอะไร เดี๋ยวนี้แกหวงฉันเหรอ แกเป็นเจ้าของธุรกิจนะเว้ย แกไม่มีเงินได้ไง’ แล้วกล้ามเนื้อบริเวณศีรษะก็พากันบีบเข้า ร้าวไปยังต้นคอ...จนเธอต้องค่อยๆ สูดลมหายใจเข้า

ใช้หัวแม่มือกดลงไปบนกล้ามเนื้อที่เกร็งขึ้นพวกนั้น เพื่อช่วยบรรเทาอาการเครียดสะสม

“อือ เดี๋ยวโอนไปนะ แค่นี้แหละ” กดวางสาย พร้อมรื้อภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ตัวเองต้องรับผิดชอบออกมา

นิชนันท์ ภูพิสัย อดีตมนุษย์เงินเดือน ที่อยากจะมีกิจการเป็นของตัวเอง ไม่อยากจะเป็นลูกน้องใคร ออกมาทำตามความฝันตอนอายุ 30 ปีที่ตั้งเป้าเอาไว้

เธอเคยเป็นมนุษย์เงินเดือนที่มีเงินเดือนครึ่งแสน แต่ทำงานแบบครึ่งคนครึ่งวิญญาณ ทำงานทุกวันเพื่อหาเงินก้อนใหญ่เอามาลงทุนและได้เป็นเจ้านายตัวเอง

เธอทำงานมาตลอดระยะเวลา 7 ปี ด้วยความขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ อดทน! และส่งเสียดูแลครอบครัวให้สุขสบายภายใต้ความอดอยากของตัวเอง

แต่เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา...เธอได้ออกมาทำธุรกิจและมันประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม เธอทำแบรนด์สินค้าแบรนด์หนึ่ง มันไปได้ดี ได้รับความนิยมจนทำให้เธอมีทุกอย่างได้ภายในปีเดียว

แต่ก็อย่างว่า...

เมื่อเลือกที่จะมั่งคั่งแล้ว ก็ต้องยอมรับกับความไม่มั่นคงที่จะตามมาด้วย

‘ไม่มีอะไรในโลกนี้มั่นคงหรอก’ เธอเชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก เชื่อมั่นแบบเผื่อใจ แต่ก็คิดว่าถ้าไม่เสี่ยงเรื่องใด ก็ต้องเสี่ยงเรื่องหนึ่งอยู่ดี

เพราะทุกๆ วันเราก็ต่างเดินอยู่บนความเสี่ยงกันอยู่แล้ว!

ใช่ ธุรกิจของเธอเริ่มไปไม่ได้...สินค้าได้รับความนิยมต่ำลง ต่ำลง แต่เธอก็พยายามที่จะอุ้มมันเอาไว้

สุดท้าย...ตอนนี้เธอก็ไม่เหลืออะไรสักอย่าง

เงินเก็บ ถูกทยอยนำออกมาใช้ จนหมด

ได้เพียงแต่ไลฟ์สดขายของประทังชีวิตไปวันๆ

‘แม่ว่ากลับไปงานประจำเถอะลูก...’ ความตั้งใจที่ไม่อยากจะกลับไปของเธอ ที่ได้ปฏิภาณอันแน่วแน่เอาไว้นั้น ทำให้เธอขอต่อเวลาอีกสักนิด

เธอไม่อยากจะกลับไปเริ่มต้นใหม่ เธอขอกลับมาหาช่องทางทำมาหากินใหม่ แต่สุดท้าย...ก็ไม่รอด

พอจะรอด ก็มีปัญหาเรื่องเงินของคนอื่นๆ ให้ได้เข้ามารับภาระ

“โอว...ชีวิต มันจะมีอะไรแย่ไปมากกว่านี้อีกไหมเนี่ย” และเธอก็ยังแอบหวัง ว่าเธอจะกอบกู้กิจการเล็กๆ ของตัวเองกลับมาได้

‘โอนเงินสำเร็จ’

ใช่...สุดท้าย เงินที่เธอเพิ่งจะไปกู้มาด้วยตัวเอง เพื่อที่จะลงทุนขายของ ก็ต้องถูกโอนไปให้พี่สาวก่อน หนี้ของพ่อก่อน...

และมันก็หมดเกลี้ยง!

ทำยังไงได้ล่ะ ปัญหาของคนอื่นสำคัญกว่าตัวเองเสมอมาอยู่แล้วนี่

“หรือว่าจะต้องกลับไปทำงานประจำจริงๆ วะ?” เธอว่าพร้อมกดเลื่อนเข้าไปดูอะไรไปใน Facebook เรื่อยเปื่อย เพื่อผ่อนคลายตัวเอง

แต่นั่นน่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด การเข้า Facebook ไม่ได้ทำให้ผ่อนคลายเลยแม้แต่น้อย

‘เพื่อนคนที่หนึ่ง...ออกรถใหม่ป้ายแดง’

‘เพื่อนคนที่สอง โพสต์รูปบ้านใหม่’

‘เพื่อนคนที่สามโชว์โบนัสล่าสุดจากบริษัท’

นั่นแหละเธอตัดสินใจที่จะกดออกจากความสำเร็จพวกนั้น ไม่ใช่ว่ารู้สึกไม่ยินดี แต่มันทำให้กดดันตัวเอง

เพราะเธอ...เพิ่งจะขายรถไป หวังจะรักษามาตรฐานของธุรกิจ ตอนนี้แม้จะปิดกิจการลง แต่เธอก็ยังพยายามขายสินค้าที่ยังมีอยู่ แม้จะขายไม่ได้..เธอก็ต้องทำเป็นว่ามันได้อยู่

Patcharee Ketsutha: ไงแก...รวยยัง

เพื่อนร่วมงานเก่า อยู่ๆ ก็ทักมาในช่องแชทส่วนตัว ด้วยความที่ไม่ได้สนิทมากเท่าไหร่ แต่ก็คุยทุกเรื่องกันมาตลอด ทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจในคำถาม

Nitchanan Phu: ก็เรื่อยๆ นะ

Patcharee Ketsutha: ได้ข่าวว่า สินค้าขายดิบขายดี ก็เลยมาทักถามดูน่ะ เผื่อจะได้อุดหนุนบ้าง หรือว่าติดจองหมดแล้ว

นิชนันท์พยายามสูดลมหายใจเข้า ข่าวที่ธุรกิจของเธอมีปัญหา คงจะดังไปกระฉ่อน แต่เพื่อนมาพูดแบบนี้...มันก็ไม่ใช่แล้วรึเปล่า

Patcharee Ketsutha: คือฉันได้ยินข่าวมั่วๆ มา ว่าแกล้มละลาย โอ๊ยฉันนี่ไม่เชื่อเลย เพื่อนฉันเก่งขนาดนี้ จะมาล้มละลายอะไรก่อน เดี๋ยวฉันฟาดพวกมันแทนแกเองไม่ต้องห่วง

เมื่อเห็นว่าเธออ่านแล้วไม่ตอบ รายนั้นก็พูดวัตถุประสงค์ของตัวเองออกมา เธอจำได้ว่าก่อนหน้านี้...ก่อนที่เธอจะลาออกมา เพื่อนคนนี้บอกว่า

‘อย่าให้เห็นว่ากลับมาทำงานเหมือนเดิมนะ’

ซึ่งพอเธอประสบความสำเร็จทันทีหลังออกมา เพื่อนคนนี้ก็ไม่เคยมาแสดงความยินดี ไม่เคยแม้แต่กดไลก์ในสิ่งที่เธอโพสต์ความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่

แต่พอมาวันนี้...

“คงถึงเวลาของแกแล้วสิ เอาเลย...เอาให้เต็มที่เลย”

Nichanan Phu: ต้องขอโทษทีนะแก สินค้าติดจองหมดแล้ว ขอบใจแกมากนะที่สนใจ

เธอไม่ได้สนใจกับข่าวโคมลอยใดๆ แต่อยากจะพูดเพื่อตัดปัญหา จะให้ยอมรับความจริง...มันก็ยอมรับแหละ แต่ถ้าจะไปพูดเพื่อให้ใครสะใจ หรือแคปข้อความของเธอไปพูดต่อ

เธอก็ไม่ได้โง่ขนาดนั้น!

เธอก็เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ที่พยายามจะหลอกคนอื่น ว่าตัวเองมีความสุขดี เพื่อไม่อยากจะให้ใครสมเพช

ใช่...เธอรู้ว่าเรื่องแบบนี้ ใครก็เป็นกันทั้งนั้น!