ตอนที่ 5 คู่ปรับ
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จอภัสราก็นั่งเหม่อลอยอยู่บนโซฟายาว เธอไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว เสียงเปิดประตูและเสียงฝีเท้าคนเดินเข้ามาทำให้หญิงสาวหันไปมองเพราะคิดว่าเป็นชายหนุ่มจอมป่าเถื่อน แต่แล้วกลับกลายเป็นคนของเขาแทน อับลาฮิมเดินเข้ามาหาหญิงสาว
“เจ้านายสั่งให้ผมพาคุณผู้หญิงไปแต่งตัวใหม่ครับ” อภัสราเงยหน้าขึ้นมองนิดหนึ่งแล้วก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ อับลาฮิมอมยิ้มแล้วคิดว่างานนี้คงไม่ใช่งานง่ายๆสำหรับเขาเสียแล้ว เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น ชายหนุ่มจึงรีบรับเพราะคิดว่าน่าจะเป็นเจ้านายของตนเอง และเมื่ออับลาฮิมหยิบโทรศัพท์ออกมาก็ใช่อย่างที่เขาคิดจริงๆ “ครับเจ้านาย” เสียงขานรับของชายหนุ่มข้างๆทำให้หญิงสาวหันมามองอีกฝ่าย
“ครับ” อับลาฮิมรับคำจากคนต้นสายแล้วส่งโทรศัพท์ให้หญิงสาว “เจ้านายต้องการคุยกับคุณครับ”
“เขาต้องการอะไรอีก” เธอถามเสียงห้วนๆ
“ไม่ทราบครับ” ชายหนุ่มตอบสั้นๆ อภัสรามองโทรศัพท์มือถือในมือของเขาก่อนจะเอื้อมไปรับมาแนบหูของตนเอง
“คุณต้องการอะไรอีก แล้วจะให้ฉันแต่งตัวไปไหน” เธอถามเขาเสียงรัวเร็วและไม่พอใจ
“ผมนึกแล้วว่าคนอย่างคุณคงไม่ยอมง่ายๆ วันนี้มีงานต้อนรับลูกค้าระดับ VIP ของโรงแรมผม ผมต้องการให้คุณลงมาร่วมงานด้วย” เสียงคนต้นสายบอกเสียงเรียบ
“คงไม่จำเป็นมั้งคะ ทาสอย่างฉันอยู่บนนี้จะดีกว่า” น้ำเสียงเจือเอาไว้ด้วยแววเยาะหยัน
“ก็เพราะคุณเป็นทาสผมไง เวลาผมสั่งอะไรก็ต้องทำหรือว่าลืมข้อตกลงของเราแล้ว เงินที่พี่ชายคุณเอาไป ผมยังตามเอาคืนมาได้อยู่นะ แต่ว่าพี่ชายคุณอาจจะบอบช้ำหรืออาจจะเสียชีวิตเลยก็ได้” อาเหม็ดบอกเสียงเข้มและหนักแน่น
อภัสราเม้มริมฝีปากเข้าหากัน “คนอย่างคุณมันพวกโจรชัดๆ”
“ขอบคุณที่ชม แล้วคุณก็เลือกเอาว่าจะทำตามที่ผมสั่งหรือว่าจะเลือกการสูญเสีย” เขาถามเสียงแข็ง หญิงสาวนิ่งคิดก่อนจะตอบกลับไปอย่างไม่เต็มใจ “ฉันจะทำตามที่คุณสั่ง”
“ดี อับลาฮิมจะจัดการทุกอย่างทั้งหมด คุณเพียงทำตามที่เขาบอกก็พอ”
“แค่นี้ใช่ไหม” เธอถามเขา แต่ไม่คิดจะรอคำตอบ หญิงสาวกดวางสายทันทีแล้วส่งโทรศัพท์คืนให้กับเจ้าของก่อนจะลุกขึ้น “คุณต้องการจะให้ฉันไปลงนรกที่ไหนก็บอกมาเลย”
“เชิญทางด้านนี้ครับ” อับลาฮิมเดินนำหญิงสาวเข้าไปที่ห้องแต่งตัวของเจ้านายที่อยู่อีกห้อง แล้วยกมือขึ้นปรบ 2 ครั้ง จากนั้นก็มีหญิงสาว 5 คนเดินเข้ามาในมือของพวกเธอมีทั้งชุดราตรี 5-6 ชุดและกล่องสีดำใบใหญ่ที่มีหูหิ้วอีก 3 กล่อง
“พวกเธอจะช่วยคุณแต่งตัว งานจะเริ่มในอีก 4 ชั่วโมงข้างหน้า ผมขอตัวก่อน ถ้าคุณต้องการสิ่งใดก็บอกพวกเธอได้ สาวๆพวกนี้ฟังภาษาอังกฤษออกทุกคน”
“แล้วฉันจะบอกให้พวกนี้พาหนีได้ด้วยหรือเปล่า” อภัสราถามเยาะๆก่อนจะนั่งนิ่งเป็นหุ่น อับลาฮิมโค้งให้เธอก่อนจะเดินออกมาแล้วปล่อยให้สาวๆแสดงฝีมือกันเต็มที่
อีก 2 ชั่วโมงต่อมาทั้งเนื้อทั้งตัวของอภัสราก็ถูกแปลงโฉมเป็นสาวสวยจนแม้แต่เธอยังไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยว่าเป็นเธอจริงๆ ชุดราตรียาวสีเหลืองเปิดช่วงไหล่กว้างทำให้ผิวขาวของหญิงสาวดูโดดเด่นมากขึ้น ภาพสะท้อนในกระจกมันคือตัวปลอมของเธอที่ถูกสร้างขึ้น เมื่อไหร่กันที่เธอจะตื่นจากฝันร้ายนี้เสียที
“คุณสวยมาก” คำชมที่ดังมาจากประตูห้องทำให้เหล่าสาวๆรีบเก็บข้าวของแล้วออกไปจากห้องนั้นทันที อาเหม็ดเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับจ้องมองสบตากับหญิงสาวผ่านกระจกเงาบานใหญ่
“มันก็แค่รูปลักษณ์ภายนอกที่ถูกสร้างขึ้นเท่านั้น”
“แต่มันก็สวยถูกใจผมมาก รับรองว่าแขกในงานคงต้องอิจฉาผมแน่ๆที่มีสาวสวยอย่างคุณอยู่ข้างๆ”
“ก็แค่ทาสที่ติดตามเจ้านายเท่านั้น” เธอตอบเสียงเบาแล้วเบี่ยงตัวเดินหลบเข้าออกมายืนที่กว้างกว่าตรงที่เธอยืนอยู่
“ถือว่าผมไม่เสียเปรียบเท่าไรที่ได้ของดีๆแบบนี้มา...จริงไหม” อาเหม็ดเดินตามมาแล้วดึงตัวเธอให้เข้าไปแนบชิดตัวเขา กลิ่นหอมจากเรือนกายของหญิงสาวทำให้จิตใจของชายหนุ่มเริ่มสับสน “ไม่ดิ้นรนแล้วเหรอ” เขาถามพร้อมกับยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่คิดจะผลักไสเขาเหมือนกับครั้งแรก อภัสราเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่ม
“คุณจะเอายังไงกันแน่ เวลาฉันขัดขืนก็หาว่าไม่เชื่อฟังคำสั่ง เล่นตัว พอฉันไม่ขัดขืนคุณก็บ่น คุณจะเอายังไงกันแน่บอกมา” เธอเริ่มฉุน
“บางทีผู้หญิงมันก็ต้องมีขัดขืนกันบ้าง ไม่งั้นมันก็จืดชืดแย่ และผมก็เป็นแบบที่ไม่ชอบของที่มันจืดๆแบบนั้น คุณจำเอาไว้ด้วย” ชายหนุ่มใช้มือบีบคางเธอเบาๆแล้วก็กดริมฝีปากลงไปอย่างหยอกล้อ แล้วถอนออก “รีบลงไปก่อนที่ผมจะอดใจไม่ไหวดีกว่า” อาเหม็ดโอบมือสอดไปทางด้านหลังตรงช่วงเอวแล้วดันให้หญิงสาวเดินเคียงคู่ไปกับเขา
“แต่ยังเหลือเวลาอีกตั้ง 2 ชั่วโมงไม่ใช่หรือคะ” เธอถามเขาพร้อมกับขมวดคิ้ว
“แล้วใครว่าจะพาคุณไปที่งานล่ะ” เขามองตรงไปยังเบื้องหน้าอับลาฮิมเปิดประตูให้ชายหญิงทั้งคู่เดินออกไปจากห้อง และพวกเขาอีก 4 คนก็เดินตามไปห่างๆ อภัสราไม่เข้าใจว่าเขาจะพาเธอไปไหนกันแน่ แล้วมาทำดีกับเธอทำไมกัน
เสียงเพลงเบาๆไม่ทำให้จิตใจของอภัสราดีขึ้นเลย การตกมาอยู่ในเงื้อมือของคนแปลกหน้าแถมยังต้องอยู่กันแบบถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้ด้วยมันทำให้เธอกลัวและนี้เป็นครั้งแรกที่เธอเกิดความกลัวขึ้นมาจับใจ แล้วดูสิคนที่พาเธอมากับไปนั่งคลอเคลียอยู่กับสาวผมแดง ผมทองที่เป็นพนักงานอยู่ในนั้น ท่าทางดูเขาจะมีความสุขไม่น้อย ที่จริงเขาไม่น่าให้เธอมานั่งด้วยเลย สู้เธอรออยู่บนห้องจนถึงเวลางานเลี้ยงจะดีกว่า
อภัสราลุกพรวดขึ้น “ฉันเบื่อแล้ว ขอตัวไปรอบนห้องนะคะ”
“ไม่ได้!” อาเหม็ดหันมาตวาดเสียงดังจนสาวๆที่อยู่รอบตัวเขาชะงักกึกด้วยความกลัว
“แล้วคุณจะให้ฉันมานั่งทำบ้าอะไรที่นี่ ไม่เห็นจะมีอะไรน่าดูสักอย่างมีแต่เรื่องที่เปลืองลูกนัยน์ตาฉันทั้งนั้นเลย” หญิงสาวตะคอกใส่เขา
“คุณพูดแบบนี้จะให้ผมเข้าใจว่าคุณอิจฉาพวกสาวๆพวกนี้เหรอ”
“หึ หึ” เธอหัวเราะอย่างขำๆ “ฉันจะบอกให้เอาบุญนะคะคุณอาเหม็ด แม้แต่หน้าของคุณฉันก็ไม่อยากเห็นด้วยซ้ำ ที่ทนให้คุณแตะเนื้อต้องตัวฉันเนี่ยก็แทบจะอาเจียนอยู่แล้ว” คำพูดดูถูกของหญิงสาวทำให้คิ้วดำสนิทของเขาขมวดเข้าหากันอย่างไม่พอใจ
“คุณตีค่าตัวเองสูงไปหรือเปล่าอภัสรา ผมต่างหากที่ต้องเป็นคนพูดแบบนั้น มีผู้หญิงมากมายที่รอเข้าคิวมาหาผม ผมไม่จำเป็นที่จะต้องซื้อคุณมาด้วยซ้ำ” ชายหนุ่มบอกเสียงเข้มและแววตาดุดัน
อภัสราเม้มปากเข้าหากันพร้อมกับกำมือแน่น “แล้วคุณซื้อฉันมาทำไมล่ะ พาฉันกลับไปคืนพี่ชายฉันสิแล้วก็เอาเงินของคุณคืนมา” น้ำเสียงของเธอยังคงดังขึ้นเรื่อยๆตามแรงโทสะ ใบหน้าสวยแดงก่ำขึ้นมาทันตาเห็น
“ผมมีเหตุผลของผม แต่อีกไม่นานคุณก็จะได้รู้ว่ามันคืออะไร แล้วคุณก็จะได้รู้ว่านรกที่แท้จริงมันเป็นยังไง” เขาลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามาหาเธอ “ในเมื่อคุณไม่ชอบอยู่แบบอิสระ ผมก็จะให้คุณอยู่แบบทาสจริงๆ เดี๋ยวผมจะส่งคนไปสอนว่าทาสผู้หญิงของที่นี่เขาต้องปฏิบัติตัวยังไงกับเจ้านายของพวกเธอ” ชายหนุ่มหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างโมโห
อภัสราเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่หวั่นเกรงและดูว่าจะท้าทายอาเหม็ดเสียมากกว่า “เชิญตามสบาย ฉันไม่เคยคิดจะขอร้องคุณแม้แต่คำเดียว แต่ให้ฉันจะขาดใจก็อย่าหวังว่าจะได้ยินคำขอร้องจากฉัน”
“อับลาฮิม!” ใบหน้าคมเข้มของเขาบึ้งตึงจนน่ากลัว อับลาฮิมเดินเข้ามาใกล้แล้วโค้งต่ำให้ชายหนุ่ม อาเหม็ดขบกรามแน่น “พาผู้หญิงอวดดีคนนี้ไปขังเอาไว้บนห้องรอจนกว่าจะถึงเวลางานเลี้ยงแล้วพาตัวเธอลงมาหาฉันที่ห้องจัดเลี้ยง” น้ำเสียงดังกังวานและทรงอำนาจยิ่งนัก
“ครับเจ้านาย” คนสนิทรับคำแล้วหันไปมองทางอภัสราที่ยืนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ “เชิญครับ”
“ไม่ต้องสุภาพกับทาสของฉันหรอกอับลาฮิม ฉุดกระชากไปได้เลย” เขาสั่ง
“อับลาฮิมเขาไม่ใช่คนป่าเถื่อนและโหดเหี้ยมอย่างคุณหรอก” เธอบอกพร้อมกับสะบัดหน้าเดินออกไปจากห้องฟังเพลง
“พวกเธอไปได้แล้ว ฉันอารมณ์ไม่ดี” ชายหนุ่มหันมาตวาดเสียงดังใส่เหล่าสาวสวยที่นั่งอยู่ จนทั่งหมดแตกกระเจิงแยกย้ายกันไปคนละทาง “คุณจะได้รู้ว่าคนอย่างผมถ้าเอาจริงแล้วมันจะเป็นยังไง..อภัสรา” เขาพึมพำเบาๆแต่ในแววตากลับเต็มไปด้วยเปลวไฟที่กำลังลุกโชนพร้อมที่จะเผาไหม้คนตรงหน้าได้ทุกเมื่อ
ภายในห้องจัดเลี้ยงมากหน้าหลายตาไปด้วยแขกผู้มีเกียรติระดับสูงและหนึ่งในนั้นก็คือเจ้าชายเรฮาน ทุกคนล้วนแต่งตัวในแบบสากลทั้งสิ้น แต่อาจจะมีบางคนที่ยังคงแต่งตัวด้วยชุดคลุมยาวสีขาวและผ้าโพกศีรษะสีเดียวกัน อาเหม็ดยืนคุยอยู่กับเจ้าชายเรฮานและญาติสาวของเขาเองที่ชื่อ ละติฟาห์ และเมื่ออับลาฮิมพาหญิงสาวสวยในชุดราตรีสีเหลืองทองก้าวเข้ามาในงานสายตาทุกคู่ก็ต้องจับจ้องไปยังหญิงสาวผู้นั้น
“มีอัญมณีน้ำงามอยู่ก็เก็บเงียบเชียวนะอาเหม็ด” เจ้าชายเรฮานเอ่ยแซวเพื่อนหนุ่ม
“มีคนขายให้ ก็ว่าจะซื้อเก็บเอาไว้ ก็แค่นั้น” อาเหม็ดตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก แต่สำหรับละติฟาห์ผู้หญิงทุกคนที่อยู่ใกล้ชิดกับอาเหม็ดคือศัตรูของเธอทั้งสิ้นรวมทั้งแม่สาวงามคนนี้ด้วย
“พี่อาเหม็ดไปได้มาจากไหนคะ” หญิงสาวเอ่ยถามพร้อมกับยิ้มให้
“จากเมืองไทย” ชายหนุ่มตอบสั้นๆ
“อะไรนะ..เมืองไทย!” เจ้าชายเรฮานอุทานด้วยความตกใจก่อนจะกระซิบบอกเพื่อนรักของตนเอง “นายอย่าบอกให้ชายาของเรารู้นะว่าซื้อนางมาไม่งั้นได้มีเรื่องปวดหัวอีกแน่” เจ้าชายหนุ่มบอกอย่างหวาดๆ
“หึ หึ ไม่รู้นะเนี่ยว่าเจ้าชายเรฮานผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในด้านธุรกิจกลัวชายาของตนเอง” อาเหม็ดหัวเราะในลำคอ
“นายยังไม่มี ก็พูดได้ แต่ถ้ามีแล้วจะรู้ว่าแบบนี้ไม่ได้เรียกว่ากลัว แต่เขาเรียกว่าเกรงใจต่างหากล่ะ”
“พระชายาชุติกาญจน์ทรงเป็นหญิงที่โชคดีมากเลยเพคะที่มีพระสวามีเช่นฝ่าบาท” ละติฟาห์หัวเราะคิกคักแต่สายตาก็อดที่จะชำเลืองมองไปทางหญิงสาวที่กำลังเดินเข้ามาที่กลุ่มของเธอไม่ได้ ‘ยิ่งดูใกล้ๆยิ่งสวย แบบนี้ปล่อยเอาไว้ไม่ได้เสียแล้ว’ หญิงสาวตาโต ผมดำหยิกลอบคิดในใจ
“ขอบใจอับลาฮิม” อาเหม็ดมองใบหน้าสวยที่ไร้ซึ่งรอยยิ้มนั้นก่อนจะดึงแขนเธอเข้ามาใกล้ๆกับเขาแล้วกระซิบเบาๆที่ข้างหูของหญิงสาว “อย่าทำอะไรที่เป็นการหักหน้าผมต่อหน้าพระพักตร์ของเจ้าชายเด็ดขาด”
“กลัวงั้นเหรอ” อภัสรากระซิบตอบพร้อมกับกลั้วหัวเราะในลำคอ ชายหนุ่มจึงออกแรงบีบที่ต้นแขนเล็กของเธอ “อยากลองของก็ได้เลย”
“จะคุยกันแค่ 2 คนหรือไงเพื่อน ไม่คิดจะแนะนำสาวสวยให้รู้จักบ้างเลยหรือ” เจ้าชายหนุ่มยิ้ม
“ขอโทษฝ่าบาท...เลดี้ผู้นี้ชื่อ อภัสรา อัลฟาโด” คำกล่าวแนะนำตัวให้กับหญิงสาว ทำให้เจ้าชายหนุ่มถึงกับหน้าถอดสีเมื่อได้ยินนามสกุลของหญิงสาวลูกครึ่งอย่างชัดเจน “อาเหม็ด...นายคิดอะไร”
“แล้วฝ่าบาทจะทรงเข้าพระทัยเอง” เขาตอบเสียงเรียบแต่ก็สร้างความงุนงงให้กับสองสาวที่ยืนอยู่ตรงนั้นยิ่งนัก
เจ้าชายหนุ่มจึงรีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้มก่อนจะกล่าวทักทายหญิงสาวอีกฝ่ายเป็นภาษาไทย “ขอโทษทีครับ ผมตกตะลึงกับความงามของคุณผู้หญิงมากไปหน่อย ผมชื่อ เรฮาน การ์ดา อิสบาลามัส ประเทศคูลฮาร์นยินดีต้อนรับครับ”
“เช่นกันเพคะ ภาษาไทยของฝ่าบาทชัดเจนมากเพคะ” อภัสราย่อตัวลงเพื่อเป็นการเคารพอีกฝ่าย
ละติฟาห์ขยับเข้ามายืนเคียงข้างกับญาติหนุ่มแล้วสอดมือเข้าไปคล้องแขนเขาเอาไว้อย่างแสดงความเป็นเจ้าของ
อาเหม็ดจึงแนะนำให้หญิงสาวทั้งสองได้รู้จักกัน “คนนี้เป็นญาติของผมเอง ชื่อละติฟาห์ เธอเก่งเรื่องภาษาและเข้ามาช่วยงานผมที่โรงแรมนี้” สิ้นคำแนะนำ ละติฟาห์ก็ยื่นมือออกไปเพื่อจับมือกับอีกฝ่าย อภัสรายื่นมือออกมาจับและดึงกลับไป
“เห็นพี่อาเหม็ดบอกว่าซื้อคุณมา ทำไมต้องขายตัวเองด้วยล่ะคะ” เธอถามพร้อมกับยิ้มอย่างเยาะๆ
“น่าเกลียดละติฟาห์ ถามอะไรไม่เข้าเรื่อง มันเป็นเรื่องส่วนตัวของคนอื่นเขา” เรฮานเอ่ยตำหนิญาติสาวของเพื่อนรักอย่างไม่เกรงใจ เล่นเอาคนโดนว่าหน้างอง้ำทันที
“ไม่เป็นไรเพคะ ความจริงมันก็คือความจริง” อภัสราหันไปยิ้มกับเจ้าชายหนุ่มก่อนจะหันมาทางหญิงสาวอีกคนหนึ่ง “ค่าตัวฉันก็แพงพอดูเหมือนกัน แต่ก็ไม่เท่ากับคนที่ซื้อฉันมาหรอกค่ะ คุณต้องถามเขาว่าทำไมถึงซื้อฉันมา ทั้งๆที่มีสาวสวยอีกตั้งมากมายเสนอตัวให้ฟรีๆ” คำโต้กลับของหญิงสาวลูกครึ่งเล่นเอาใบหน้าสวยที่แต่งเอาไว้อย่างงดงามของละติฟาห์ถึงกับบึ้งตึง แต่ผิดกับเจ้าชายเรฮานที่ยืนอมยิ้มอยู่อย่างนึกขำ “สมน้ำสมเนื้อกันดี”
“ฝ่าบาท!..” ละติฟาห์หันมามองเจ้าชายหนุ่มตาขวาง
“เดี๋ยวเราขอตัวก่อนนะอาเหม็ด จะไปทักทายท่านทูตเสียหน่อย หลานสาวของเขาฝากของมาให้ด้วย เราขอตัวเลยนะ” พูดจบชายหนุ่มก็รีบเดินจากไปทันที
“คุณพี่ปล่อยให้ผู้หญิงแบบนี้มาต่อปากต่อคำกับน้องของคุณพี่แบบนี้ได้ยังไงค่ะ” เธอหันมาอ้อนและขอความเห็นใจจากญาติผู้พี่
“ก็เธอไปว่าเขาก่อนนี้นา แล้วอภัสราก็เป็นคนของพี่ด้วย ถ้าจะพูดอะไรก็นึกถึงหน้าของพี่บ้าง” อาเหม็ดดึงแขนของหญิงสาวออกแล้วหันมาเดินโอบเอวอภัสราไปทางโต๊ะเครื่องดื่ม ปล่อยให้ละติฟาห์ยืนเน้นเขี้ยวเน้นฟันขบกรามแน่นอยู่ที่เดิม
“ฉันไม่ยอมแพ้ผู้หญิงที่ซื้อหามาแบบเธอแน่ คอยดูกันว่าใครจะแน่กว่ากัน” ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน แววตาเกลียดชังมองตรงไปยังหญิงสาวที่ชายหนุ่มที่เธอแอบรักอยู่เดินเคียงข้างไปด้วย