ตอนที่ 6 จุดเริ่มต้นความแค้น
หลังจากงานเลี้ยงเจ้าชายเรฮานก็หาโอกาสคุยตามลำพังกับเพื่อนรักจนได้ แต่อาเหม็ดรู้ดีว่าเพื่อนผู้สูงศักดิ์ของเขาต้องการจะคุยเรื่องอะไร
“นายคิดยังไงถึงทำแบบนี้” เรฮานเปิดฉากถามทันทีเมื่ออยู่กัน 2 คนแล้ว อาเหม็ดนั่งไขว้ขาแล้วเอนตัวพิงกับเก้าอี้อย่างสบายใจ
“ก็ไม่ได้คิดอะไรนี้”
“คนอย่างนายมีหรือจะเสียเงินเพื่อผู้หญิงจริงไหม” เจ้าชายหนุ่มคาดคั้นพร้อมกับหรี่ตาลงมองเพื่อนรักของตนเองที่คบกันมาตั้งแต่เด็กๆ
“แล้วกระหม่อมไม่สมควรที่จะทำงั้นเหรอ” อาเหม็ดยืดตัวตรง ใบหน้าเคร่งเครียดขึ้น “ในเมื่อพี่ชายของผู้หญิงคนนั้นทำให้คนรักของกระหม่อมต้องฆ่าตัวตายพร้อมกับลูกในท้องของเขา กระหม่อมไม่มีวันลืมและมันจะต้องชดใช้อย่างเท่าเทียมกัน”
“เรื่องมันผ่านมาหลายปีแล้วนะ เราไม่อยากให้เพื่อนรักของเราต้องจมอยู่กับความแค้นในอดีตจนลืมสิ่งที่อยู่ในปัจจุบันไป” เจ้าชายเรฮานลุกขึ้นแล้วเดินอ้อมมาตบลงบนไหล่กว้างของอีกฝ่าย
“อย่าทรงเสียเวลาเลย กระหม่อมไม่มีทางเปลี่ยนใจและปล่อยผู้หญิงคนนั้นไปแน่” อาเหม็ดกำมือแน่นด้วยความแค้นที่ยังฝั่งใจอยู่
เมื่อ 2 ปี ก่อนเขาและเฮเรนแฟนสาวกำลังจะได้เข้าพิธีวิวาห์กันในอีก 2 เดือนข้างหน้า แต่เหตุการณ์ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อว่าที่เจ้าสาวของเขาร้องไห้มาหาเขาที่บ้านแล้วบอกกับเขาว่าเธอท้องกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง แต่ว่าผู้ชายคนนั้นได้ทิ้งเธอกับลูกไปแล้ว ช่วงเวลานั้นความเจ็บปวดและความโกรธแค้นประดั่งกันเข้ามาอย่างหนัก แต่ด้วยความรักที่เขามีต่อเฮเรน ทำให้เขายอมรับสิ่งที่ผิดพลาดของคนรักได้ และในวันรุ่งขึ้นเขาก็ต้องเหมือนกับหัวใจแตกสลายเมื่อรู้ข่าวว่าเฮเรนได้ฆ่าตัวตายพร้อมกับลูกในท้องแล้ว ความเจ็บแค้นทำให้เขาต้องสาบานต่อหน้าหลุมศพของหญิงคนรักว่าจะตามล่าและล้างแค้นไอ้ผู้ชายคนนั้นไปจนสุดหล้าฟ้าเขียว
และแล้วทุกอย่างก็เป็นไปอย่างที่เขาตั้งใจเมื่อจู่ๆเอริคก็เดินเข้ามาติดกับดักของเขาเอง ในครั้งแรกที่เจอหน้าเขาเองก็เกือบจะควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่อยู่เหมือนกัน เขารู้ว่าเอริคมีน้องสาวอยู่อีกคน เขาจึงเริ่มดำเนินแผนการทันที
“แต่ผู้หญิงคนนั้นบริสุทธิ์ เธอไม่รู้เรื่องที่พี่ชายทำด้วยซ้ำไป” เจ้าชายเรฮานพยายามเกลี่ยกล่อมเพื่อนหนุ่มแต่ก็ไม่เป็นผลเอาเสียเลย
“แล้วเฮเรนกับลูกของเธอล่ะฝ่าบาท พวกเขาก็บริสุทธิ์เช่นกัน แต่สิ่งที่ได้รับก็คือความตาย กระหม่อมจะทำให้มันต้องตายทั้งเป็น อยู่ก็ทรมาน จะตายก็ไม่ได้” เขายิ้มอย่างเยือกเย็น ความดื้อดึงของอีกฝ่ายทำให้เพื่อนหนุ่มต้องส่ายหน้า
“อย่าให้ถึงกับต้องสูญเสียเลยนะอาเหม็ด มันจะเป็นบาปติดตัวของนายไปตลอดชีวิต”
“ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงเป็นห่วงกระหม่อม แต่เรื่องนี้ต้องชีวิตแลกด้วยชีวิตเท่านั้นถึงจะสาสม”
“เฮ้อ...นายมันดื้อรั้นจริงๆ เราขี้เกียจพูดแล้ว เดี๋ยวขอตัวกลับก่อนแล้วกัน” เจ้าชายหนุ่มถอนใจอย่างอ่อนใจ
อาเหม็ดลุกขึ้นแล้วโค้งให้เพื่อน “เชิญเสด็จพระเจ้าค่ะ” เขาบอกแล้วเดินไปส่งเจ้าชายเรฮานที่ด้านหน้าทางเข้าโรงแรม
อาเหม็ดย้อนกลับขึ้นมาบนห้องพักอีกครั้ง เขามองหาร่างบางของหญิงสาวไปจนทั่วห้อง แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆเมื่อได้ยินเสียงกุกกักมาจากทางห้องนอนของตนเอง ประตูห้องนอนเปิดออกพร้อมกับร่างบางของอภัสราก้าวออกมาพร้อมกับชุดเดิมของตนเอง
“ทั้งชุด ทั้งเครื่องเพชรของคุณฉันถอดออกวางไว้บนโต๊ะเครื่องแป้งให้แล้ว เชิญเข้าไปเช็คดูเสียก่อนเดี๋ยวถ้าหายไปแล้วจะมาโทษฉันทีหลัง”
“หายไปแค่ชิ้น 2 ชิ้นผมไม่แคร์หรอก แล้วคุณรีบเปลี่ยนชุดทำไม” เขานั่งลงที่โซฟารับแขก หญิงสาวยังยืนมองเขานิ่งอยู่กับที่ จนชายหนุ่มต้องหันกลับมามอง “ยังไม่มีใครสอนอีกเหรอว่าเจ้านายนั่งที่ไหน นางทาสต้องมานั่งข้างๆคอยปรนนิบัติ” อาเหม็ดตบมือลงกับเบาะโซฟาข้างๆตัวของเขา
อภัสราเม้มปากแน่นก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วเดินไปนั่งลงที่ข้างๆเขา “ว่าง่ายแบบนี้สิ ถึงจะน่ารัก” ชายหนุ่มยื่นหน้าเข้ามาใกล้กับแก้มของเธอ จนเจ้าตัวต้องขยับหนีห่าง แต่ก็หนีไม่พ้นมือใหญ่ที่เร็วกว่าโอบเข้าที่เอวกลมกลึงของหญิงสาวแล้วดึงเข้าไปใกล้ตัวของเขา
“คุณจะทำอะไร” เธอรีบยกมือขึ้นดันหน้าอกเขาเอาไว้โดยอัตโนมัติ
“ทำไม..กลัวผมงั้นเหรอ ความจริงรูปร่างของคุณก็ใช้ได้อยู่นะ เสียแต่หน้าอกเล็กไปหน่อย” เขามองสำรวจช่วงอกอวบอิ่มของหญิงสาวอย่างจงใจ เล่นเอาอภัสราหน้าแดงด้วยความอายแล้วห่อตัวเข้าหากัน
“คุณทำยังกับว่าเป็นเด็กสาวไร้เสียงดาที่ไม่เคยผ่านมือผู้ชายงั้นแหละ หึ หึ คนอื่นอาจหลงกลคุณแต่ไม่ใช่ผม พี่ชายคุณขายคุณให้ใครมาบ้างล่ะ” อาเหม็ดยิ้มเยาะทั้งน้ำเสียงและแววตา ใบหน้าของเธอชาราวกับโดนตบอย่างแรง คำพูดของผู้ชายคนนี้บาดลึกเข้าไปถึงหัวใจของเธอ
“ปากจัดยิ่งกว่าผู้หญิงเสียอีก ฉันจะถูกขายมากี่ครั้งมันก็เรื่องของฉัน คุณโง่เองที่ซื้อฉันมาโดยไม่สืบให้ดีก่อน ของแบบนี้ถ้าจะผิดก็ผิดที่คนซื้อ” หญิงสาวยิ้มเยาะที่มุมปาก
อาเหม็ดขบกรามแน่นจนเป็นสันนูนแล้วก้มหน้าต่ำลงมาหาใบหน้าเนียนอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากหนากระแทกลงไปบนเรียวปากนุ่มของอีกฝ่ายพร้อมกับบดขยี้อย่างแรงโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกเจ็บหรือไม่
อภัสราน้ำตาคลอด้วยความเจ็บแสบที่บริเวณริมฝีปาก แต่นั้นก็ไม่เท่ากับความเจ็บในหัวใจของเธอ เขาไม่คิดจะปราณีเธอบ้างสักนิดเลยหรือไง และเมื่อเขาปล่อยให้ริมฝีปากเธอเป็นอิสระเสียงต่อว่าก็ดังขึ้นทันที “ฉันจะคอยดูเวลาน้องสาวหรือลูกสาว หรือแม้แต่คนรักของคุณ ขอให้พวกเขาเจอยิ่งกว่าที่ฉันเจอ และเมื่อถึงเวลานั้นคุณจะต้องเจ็บปวดยิ่งกว่าฉันหลายเท่าจำไว้”
“มันจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว” ชายหนุ่มบีบข้อมือทั้งสองข้างของเธออย่างลืมตัว ดวงตาดำคมกล้าของเขาแฝงเอาไว้ด้วยความเจ็บปวดที่หญิงสาวมองเห็นได้แว่บหนึ่งเท่านั้น ก่อนที่จะกลับมาสู้แววตาเยี่ยงสัตว์ร้ายเช่นเดิม “เพราะมันผ่านมาแล้ว ผมจะบอกคุณให้นะว่าสิ่งที่คุณกำลังเจออยู่มันแค่เล็กน้อยมากถ้าเทียบกับสิ่งที่ผู้หญิงดีๆคนหนึ่งต้องเจอมา” น้ำเสียงของเขาแสดงถึงความแค้นและเจ็บปวดเอาไว้
“ถ้างั้นคุณก็ต้องเข้าใจสิว่าฉันก็เจ็บปวดไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนนั้น” น้ำตาของเธอยังไหลรินออกมาเรื่อยๆ
“ผมรู้ และนั้นคือสิ่งที่ผมต้องการให้มันเกิดกับคุณไง...คุณอภัสรา อัลฟาโด น้องสาวสุดที่รักของเอริค อัลฟาโด ฮ่า ฮ่า” อาเหม็ดเงยหน้าขึ้นหัวเราะราวกับคนเสียสติ อภัสรารีบผลักเขาออกห่างแล้วถอยออกมายืนตั้งท่าห่างจากเขาเกือบ 500 เมตร ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง “คุณไม่มีทางหนีรอดเงื้อมือมัจจุราชอย่างมือไปได้แน่”
“คุณมันไม่ใช่คน คุณมันคนป่าเถื่อน คุณมันปีศาจร้าย เป็นซาตานในคราบมนุษย์ ไอ้คนชั่ว ฮือ ฮือ...” หญิงสาวทรุดนั่งลงกับพื้นห้องพร้อมกับก้มหน้าร้องไห้เจียนใจจะขาด
“อย่าคิดใช่น้ำตามาทำให้ผมใจอ่อนเลย ผมไม่ใจอ่อนกับผู้หญิงเจ้ามารยาอย่างคุณหรอก” ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินเข้าไปหาหญิงสาว
“ลุกขึ้นแล้วเช็ดน้ำตาให้แห้ง ผมยังมีงานที่ต้องสะสางอีก เราต้องรีบไปกันเดี๋ยวนี้” เขากระชากแขนให้หญิงสาวลุกขึ้น
“ปล่อยฉัน ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น ถ้าจะฆ่าก็รีบฆ่าฉันที่นี่เลย อย่าทรมานกันเลย” เธอสะบัดแขนออก
“ผมยังไม่ฆ่าคุณหรอก ถึงแม้ว่าจะทำได้ก็ตาม ผมต้องการให้คุณตายอย่างช้าๆหรือที่เรียกกันว่าตายทั้งเป็นไง เร็วอย่าทำให้ผมโมโห” ใบหน้าที่เคร่งเครียดของเขาทำให้ใจของเธอหายวาบ เรี่ยวแรงที่จะคิดขัดขืนแทบจะมลายหายไปสิ้น
“คุณจะพาฉันไปไหนอีก” เธอถามเขาเสียงอ่อนลงพร้อมกับลอบกลืนน้ำลายลงคอ
“ไม่ต้องกลัวหรอกผมแค่จะพาคุณไปบ้านผม ไปพบกับคนอื่นที่เขาจะช่วยสอนเรื่องธรรมเนียมและการวางตัวของผู้หญิงที่นี่ให้คุณรู้ไง แต่คงมีอยู่เรื่องหนึ่งที่คุณคงไม่ต้องการจะรู้แล้ว” เขายิ้มกริ่มแล้วจ้องมองเข้าไปในดวงตาคู่สวยของเธอ
“ไอ้บ้า ไอ้ลามก” อภัสราชี้หน้าด่าเขาเป็นชุด
“หยุด!” เขาตวาดเสียงดังลั่นห้องจนหญิงสาวหยุดชะงักทันที “ถ้าด่าผมอีกครั้งเดียวคุณจะต้องเจ็บตัวมากกว่าเก่า” คำขู่ของเขาทำให้อภัสรายืนขบฟันแน่น ใบหน้าแดงขึ้นด้วยความโกรธ เกิดมาเป็นตัวเป็นตนเธอยังไม่เคยโดนใครมาดูถูกถึงขนาดนี้เลย คอยดูนะถ้าเธอหลุดออกไปได้เมื่อไรล่ะก็...อืม....
“จ้องหน้าผมแบบนั้น คิดด่าผมในใจหรือไง”
“ฉันอยากจะทำมากกว่าด่าคุณเสียอีก” เธอจ้องเขานิ่งราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ตัวคุณเล็กเท่านี้เอง แค่ผมใช้แค่มือเดียวบีบคอคุณ คุณก็ตายสนิทแล้ว” เขาหัวเราะอย่างขำในคำพูดของอีกฝ่ายก่อนจะดึงตัวให้หญิงสาวก้าวเดินไปข้างหน้า “เดินไปดีๆ หรือว่าจะให้ผมอุ้มไป”
“ไม่ต้องฉันเดินเองได้ ปล่อย” เธอกระชากแขนกลับมาแล้วเดินนำไปที่หน้าประตูห้อง อาเหม็ดหรี่ตามองนิดหนึ่งก่อนจะเดินตามไป สำหรับเขาแล้วการปราบม้าพยศพันธุ์ดีของคูลฮาร์นคือสิ่งที่เขาโปรดปราน แล้วแค่ผู้หญิงตัวเล็กแค่นี้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาเลย ‘เฮเรนที่รัก ผมจะแก้แค้นให้กับคุณเอง พวกเขาจะต้องได้รับสิ่งตอบแทนที่สาสมกันกับที่คุณได้รับ’ มือหนากำแน่นขึ้นก่อนจะค่อยๆคลายออก
“กลับบ้าน!” ชายหนุ่มบอกกับคนสนิทของตัวเองโดยไม่หันมามองพวกนั้นด้วยซ้ำ
“ครับนาย” อับลาฮิมรับคำพร้อมกับโค้งให้ แล้วพยักหน้าให้ลูกน้องของตนเองรีบวิ่งลงไปเตรียมรถมารอที่หน้าโรงแรม เพราะดูท่าทางแล้วเจ้านายของเขาจะอารมณ์ไม่ดีเอามากๆและสาเหตุก็คงมาจากหญิงสาวที่เดินคู่ไปกับเจ้านายของเขานั่นเอง
“แล้วจะจัดห้องเพิ่มหรือเปล่าครับ” เขาถามหลังจากเดินตามมาทัน
“ไม่ต้อง ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่แขก แต่เป็นทาสของฉัน ให้อยู่ร่วมกับพวกนั้นก็พอแล้ว” อาเหม็ดหยุดเดินแล้วหันมาตอบเสียงแข็งก่อนจะเดินต่อไป
‘เฮ้อ..เรื่องวุ่นวายกำลังจะเกิดขึ้นอีกแล้วเหรอเนี่ย เมื่อครั้งเจ้าชายเรฮานก็ทีหนึ่งแล้ว’ ชายหนุ่มลอบคิดในใจแต่เขาก็แก้ไขอะไรไม่ได้เพียงแต่ทำตามคำสั่งของผู้เป็นนายเท่านั้น