ตอนที่ 3 คูลฮาร์น
“เดี๋ยวสิยัยภัสรอพี่ก่อน” เอริควิ่งตามมาพร้อมกับร้องเรียก อภัสราหยุดเดินแล้วหันมาจ้องมองพี่ชายตาเขม็ง
“มีอะไรอีกล่ะคะ แต่ถ้าจะชวนภัสกลับไปที่ห้องอาหารอย่าหวังว่าภัสจะกลับไป”
“เปล่า พี่จะชวนเราไปนั่งดื่มไวน์แล้วก็ฟังเพลงที่บาร์” เขาจับมือน้องสาวเขย่าเบาๆพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นสูง และเมื่อเห็นว่าน้องสาวยังนิ่งอยู่ก็พูดเกลี่ยกล่อมซ้ำอีกครั้ง “เรามาพักผ่อนกันนะ อย่าไปใส่ใจเรื่องไม่เป็นเรื่องเลยนะ ไปกับพี่ดีกว่า” เขาโอบเอวน้องสาวดันไปข้างหน้า
“เฮ้อ...ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวถอนหายใจแล้วเดินเคียงไปกับพี่ชาย
แสงไฟสลัวๆสีสันหลากหลายพร้อมกับเพลงสากลที่ร้องคลอเบาๆบนเวทีทำให้จิตใจของอภัสราหายหงุดหงิดได้มากทีเดียว
“เป็นไงชอบหรือเปล่า” เอริคยิ้มให้น้องสาวเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าคลายลงแล้ว อภัสราพยักหน้ารับ “ดีค่ะเป็นส่วนตัวดีไม่ค่อยมีใครพลุกพล่านด้วยภัสชอบค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวพี่ไปสั่งเครื่องดื่มให้ รอพี่แป๊บนะ” เขาบอกแล้วลุกขึ้นเดินไปที่หน้าเคาเตอร์ อภัสราเบนสายตาไปมองบนเวทีที่กำลังเปลี่ยนตัวนักร้องสาวสวยผมบอร์นขึ้นมาร้องแทน
ครู่ต่อมาเอริคจึงเดินกลับมาพร้อมกับแก้วไวน์ 2 ใบ ที่บรรจุไวน์แดงเอาไว้ครึ่งแก้ว เขาส่งให้น้องสาวแล้วนั่งลงที่เดิม
“ดื่มให้กับความสัมพันธ์ของเราสองคนพี่น้อง” เขายกแก้วชูขึ้นแล้วยื่นไปกลางโต๊ะ อภัสราอมยิ้มแล้วยกแก้วขึ้นมาชนกับแก้วของพี่ชายเบาๆ “แกร๊ก!” ทั้งสองยกแก้วไวน์ขึ้นจิบพร้อมกัน
“พรุ่งนี้เช้าเขาจะมีการจับรางวัลกันสำหรับสาวสวยที่สุดบนเรือลำนี้ พี่จะส่งชื่อเราเข้าประกวดด้วยดีไหม” เอริคยิ้มร่าเริง
“ไม่เอานะพี่ ภัสอายขอเป็นผู้ดูอยู่ห่างๆดีกว่า” หญิงสาวยิ้มน้อยๆ
“เรามันก็เป็นเสียแบบนี้ แต่ก็ดีภัสจะได้ไม่เป็นที่สนใจของใคร” เขากระตุกยิ้มที่มุมปากนิดหนึ่งโดยที่น้องสาวไม่ทันได้สังเกตเห็น “ภัสพี่ถามอะไรสักอย่างสิ”
“อะไรคะ” อภัสราหันมามองหน้าพี่ชาย
“ภัสเคยคิดเกลียดพี่หรือเปล่า” สีหน้าของคนถามดูจริงจังเอามากๆ
“ไม่เคยเลยค่ะ คุณแม่บอกว่าให้เชื่อฟังพี่เอริคและคอยช่วยเหลือพี่ ถามทำไมคะ” หญิงสาวเอียงคอมองเขา
“ไม่มีอะไรหรอกเพราะบางทีพี่อาจจะทำอะไรเลวร้ายลงไปทำให้ภัสต้องเดือดร้อน พี่กลัวภัสเกลียดพี่” เขามองสบตาน้องสาวแน่วแน่ อภัสราส่ายหน้าช้าแล้วยื่นมือไปกุมมือพี่ชายเอาไว้พร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน
“ไม่ว่าพี่จะทำเรื่องร้ายแรงแค่ไหน ภัสก็ไม่มีวันจะโกรธหรือเกลียดพี่ได้ เพราะว่าเรามีกันอยู่แค่สองคนพี่น้องเท่านั้นและภัสก็เชื่อว่าพี่จะไม่ทำร้ายภัสหรือทำให้ภัสเดือดร้อนแน่ๆค่ะ” คำพูดของน้องสาวทำให้เอริคสะเทือนใจเป็นอย่างมาก เขารีบก้มหน้าหลบสายตาของน้องสาวทันที เป็นครั้งแรกที่เขาคิดว่าตัวเองเลวและชั่วร้ายมาก
“พี่เอริคเป็นอะไรหรือเปล่าคะ หน้าตาดูซีดๆไปไม่สบายหรือเปล่าค่ะ”
“ปะ..เปล่าจ้ะพี่กำลังคิดว่าพี่จะไม่ทำให้ภัสเดือดร้อนอะไรอีก” ชายหนุ่มฝืนยิ้มให้แล้วยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มจนหมด “ภัสก็ดื่มด้วยสิ หมดแก้วเลยนะ เดี๋ยวพี่จะพาออกไปดูอะไร รับรองสวยที่สุดเท่าที่ภัสเคยเห็นมาเลยล่ะ”
“อะไรคะ” หญิงสาวทำหน้าตื่นเต้น
“เดี๋ยวก็รู้ รีบดื่มเถอะ” เอริคยิ้ม หญิงสาวยิ้มพร้อมกับยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มก่อนจะวางลงที่เดิม ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือออกมารับมือน้องสาวให้ลุกขึ้น อภัสรายิ้มพร้อมกับวางมือลงบนมือเรียวยาวของพี่ชายแล้วลุกขึ้นเดินคล้องแขนเขาออกไปจากบาร์
เอริคพาน้องสาวเดินออกมายืนรับลมอยู่บนดาดฟ้าเรือที่ตอนนี้ว่างจนไม่มีใครแล้ว “ดูสิ” เขาชี้ชวนให้น้องสาวมองขึ้นไปบนท้องฟ้าสีนิลที่มีแสงวับวาวจาดดวงดาวประดับเอาไว้
“สวยมากเลยค่ะ” อภัสราคลี่ยิ้มกว้างอย่างพอใจ
“พี่อยากทำอะไรที่ดีๆให้กับภัสบ้าง แต่ก็ทำได้เพียงเท่านี้”
“เท่านี้ภัสก็มีความสุขมากเสียจนไม่มีอะไรมาตีราคาได้แล้วล่ะค่ะ ภัสขอบคุณมากค่ะพี่ชายที่รัก” เธออิงซบอยู่กับไหล่ของพี่ชายอย่างรักใคร่ “พี่ก็รักภัสจ้ะ..แต่พี่ไม่มีทางเลือก” เสียงของเขาพึมพำเบาๆ หญิงสาวจึงเงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัย “พี่พูดอะไรคะ”
“ไม่มีอะไร พี่บอกว่าพี่ก็รักภัสจ้ะ น้องสาวของพี่” เขาใช้มือลูบผมน้องสาวไปมา หัวใจของเขาหายวาบเมื่อนึกถึงสิ่งที่ตนเองทำลงไป “ภัสเป็นคนที่เข้มแข็ง บางทีอาจเข้มแข็งกว่าผู้ชายอย่างพี่เสียอีก ไม่ว่าเรื่องอะไรภัสก็จัดการได้หมด พี่เชื่อว่าต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นน้องพี่ต้องจัดการได้แน่” เอริคพูดเป็นปริศนาและมันก็ทำให้ผู้เป็นน้องสาวขมวดคิ้วเงยหน้าขึ้นมองเขา
“ฮ่า ฮ่า พี่ก็พูดไปงั้นแหละ อย่าสนใจเลย” ผู้เป็นพี่ชายหัวเราะกลบเกลื่อน หญิงสาวยกมือขึ้นขยี้ตรงขมับของตัวเองเบาๆจนพี่ชายต้องก้มลงมามอง “เป็นอะไรหรือเปล่าภัส”
“ภัสรู้สึกงงๆแล้วก็ง่วงขึ้นมาเฉยๆเลยค่ะ” เธอฝืนยิ้มให้พี่ชาย
“ไม่สบายหรือเปล่า” เอริคประคองหญิงสาวให้นั่งลงกับเก้าอี้ตากอากาศใกล้ๆ “นั่งพักก่อนนะจะได้รู้สึกดีขึ้น”
“มันแปลกๆนะพี่ ภัสรู้สึกง่วงขึ้นมาดื้อๆ” สายตาของหญิงสาวเริ่มพล่ามัวลง เนื้อตัวเริ่มอ่อนปวกเปียกและเอนพิงกับอกกว้างของพี่ชายเอาไว้
“ง่วงก็นอนเถอะพี่จะอยู่ข้างๆ” เอริคมองน้องสาวด้วยแววตาที่สำนึกผิด แต่ก่อนที่สติของเธอจะดับวูบไป เธอเห็นเงาคนหลายคนเดินตรงมาทางเธอและพี่ชาย ความมืดและพล่ามัวทำให้เธอมองหน้าอีกฝ่ายไม่ชัด ตาของเธอปิดลงแต่สติก็ยังพอจะยังรับรู้ได้ เสียงพูดคุยดังแววเข้ามาเข้าหูของเธอ
อาเหม็ดเดินตรงเข้ามาหาคู่พี่น้องทั้ง 2 คน เอริคเคยๆวางร่างบางของน้องสาวลงกับเก้าอี้ตากแดดแล้วลุกขึ้นโค้งให้เขา “ผมขออะไรอีกสักอย่างได้หรือเปล่าครับ”
“นายไม่มีสิทธิ์มาต่อรองกับฉันด้วยซ้ำไป” ชายหนุ่มตอบเสียงแข็ง “หรือว่าคิดจะเปลี่ยนใจตอนนี้”
“ไม่ใช่ครับ แต่ว่าเธอเป็นน้องสาวของผม แค่นี้ผมก็รู้สึกผิดมากพอแล้ว” เขาทำหน้าสลดลง
“ฮึ ฮึ นายคิดจะสำนึกผิดตอนนี้มันไม่สายไปหรือเอริค ก่อนที่นายจะขายน้องสาวให้ฉันทำไมไม่คิดแบบนี้ แล้วนายก็ไม่มีสิทธิ์มาต่อรองอะไรกับฉันจำเอาไว้”
‘ขายงั้นเหรอ พี่เอริคขายเรางั้นหรือ ขายให้กับใคร’ ความรู้สึกนั้นเป็นความรู้สึกสุดท้ายของอภัสราก่อนที่มันจะดับมืดลงไปทั้งหมด
เอริคหันไปมองน้องสาวที่นอนสลบด้วยฤทธิ์ยานอนหลับที่เขาผสมลงในไวน์แดงให้เธอดื่มอย่างเจ็บปวด ทำไมเขาถึงติดการพนันบ้าๆนี่จนต้องขายน้องสาวของตัวเองแบบนี้ด้วย ยิ่งคิดก็ยิ่งเกลียดตัวเองมากขึ้น “ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนเชิญคุณตามสบาย” เขาบอกแล้วรีบเดินจากไปโดยเร็วโดยไม่หันกลับมาอีกเลย
อาเหม็ดยืนกอดอกมองร่างบางที่นอนหลับพริ้มอยู่ก่อนจะกระตุกยิ้มแล้วตรงเข้าไปอุ้มร่างบางขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนของเขาแล้วเดินไปทางด้านท้ายของเรือสำราญที่มีที่จอดเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวจอดเอาไว้ อับลาฮิมรีบวิ่งนำหน้าชายหนุ่มไปแล้วเปิดประตูด้านหลังให้เจ้านายของเขาอุ้มร่างบางขึ้นไปวางแล้วตัวเองก็รีบขึ้นไปนั่งข้างนักบินแล้วพยักหน้าสั่งให้เครื่องขึ้นมุ่งตรงไปยังสนามบินเล็กส่วนตัวที่ภูเก็ต
สายตาคมของอาเหม็ดมองลงไปยังทะเลทรายเบื้องล่าง เมื่อเครื่องบินเล็กส่วนตัวบินเข้าเขตน่านฟ้าประเทศคูลฮาร์น ใบหน้าเข้มนิ่งสงบเหมือนกับไร้จิตวิญญาณ
ร่างบางที่นอนนิ่งมานานเกือบสิบชั่วโมงบนเตียงนอนขนาดเล็กเริ่มขยับ แพขนตายาวค่อยๆเผยอขึ้น เจ้าของร่างบางนอนนิ่งเพื่อปรับสภาพสายตาและลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเมื่อนึกออกอภัสราก็ถลันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่เพราะฤทธิ์ยานอนหลับยังไม่หมดไป จึงทำให้เกิดอาการมึนศีรษะ อาเหม็ดหันมามองหญิงสาวก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้ามานั่งลงใกล้ๆ หญิงสาวเบิกตากว้างเมื่อเห็นหน้าเขา
“คุณ!..”
“ใช่ ผมเอง ตกใจมากหรือไง” เขาถามด้วยสีหน้าราบเรียบ “ผมบอกแล้วไงว่าคุณหนีผมไม่รอดหรอก”
“ฉันจะฟ้องคุณ คุณลักพาตัวฉันมา แล้วพี่เอริคอยู่ไหน” เธอหันมองซ้ายมองขวา และก็พบว่าตัวเองกำลังเคลื่อนที่อยู่ “แล้วที่นี่ที่ไหน”
“เดี๋ยวก็จะได้รู้สาวน้อย และตอนนี้เราก็กำลังอยู่บนเครื่องบินส่วนตัวของผม เรากำลังเข้าเขตประเทศคูลฮาร์น” ชายหนุ่มไล้มือไปที่หัวไหล่มนของหญิงสาว
อภัสราปัดมือเขาออก “ไม่จริง ฉันไม่เชื่อ”
“ไม่เชื่อก็มองดูเอาเองสิ” ชายหนุ่มเบนสายตาไปที่หน้าต่างเครื่องบิน หญิงสาวลุกขึ้นชะโงกหน้าเข้าไปใกล้หน้าต่างข้างเตียงนอน และพบว่ามันเป็นจริงอย่างที่เขาพูด เบื้องล่างมีแต่ทะเลทรายอันกว้างใหญ่และบ่อน้ำมันดิบอีกจำนวนมาก นี่เธอฝันร้ายไปหรือเปล่า ถ้าเป็นฝันร้ายเธอก็อยากจะตื่นขึ้นเสียที อภัสราส่ายหน้าไปมาก่อนจะหันมาจ้องหน้าชายหนุ่มตรงหน้าตาขวาง
“คุณพาตัวฉันมาที่นี่ทำไม แบบนี้มันลักพาตัวชัดๆ ฉันจะแจ้งตำรวจจับคุณ”
“ก็ตามใจ แต่ก่อนจะมาที่นี่ผมก็แจ้งสถานกงสุลของผมเรียบร้อยแล้ว แต่ตอนนี้คุณคือทาสของผม ผมจะทำอะไรกับคุณก็ได้” อาเหม็ดเอื้อมมือมาจับปลายคางของหญิงสาวตรึงเอาไว้
“อย่ามาแตะต้องตัวฉัน คุณมันเป็นโจรลักพาตัว ฉันขยะแขยง” เธอถอยหนี
“ขยะแขยงหรือ” ชายหนุ่มขบฟันกรอด “ผมซื้อคุณมาด้วยเงินจำนวนมาก ไม่ใช่เพื่อให้คุณมาด่าผม” คำบอกเล่าของเขาทำให้อภัสราถึงกับนิ่งอึ้งริมฝีปากเผยอเบาๆ “ซื้อมางั้นเหรอ”
“ใช่ พี่ชายของคุณขายคุณให้ผมแล้ว และนับจากนี้ไปคุณก็คือทาสของผม” เขาบีบคางของเธอ หญิงสาวสะบัดหน้าหนี “ไม่จริง พี่เอริคไม่ใช่คนแบบนั้น เขาไม่ได้ขายฉัน”
“แล้วสัญญานี้มันอะไรล่ะ ดูเอาเอง คุณคงจำลายเซ็นพี่ชายของคุณได้” เขายื่นใบสัญญาให้หญิงสาวดู เธอรีบกระชากมันมาอ่านทันที และลายเซ็นตรงท้ายสัญญาก็เป็นลายเซ็นของพี่ชายเธอจริงๆ น้ำตาไหลรินลงมาอย่างไม่ตั้งใจ มิน่าพี่ชายของเธอถึงต้องการให้เธอมาให้ได้และยังเอาใจเธอทุกอย่างด้วย เป็นเพราะแบบนี้นี่เอง
“พี่ของคุณติดหนีพนันเกือบสิบล้านบาท คุณน่าจะภูมิใจนะที่มีค่าตัวแพงขนาดนี้” ชายหนุ่มประสานมือไว้ตรงหน้าพร้อมกับเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้จ้องมองหญิงสาวราวกับเสือที่จ้องมองเหยื่ออันโอชะ
“ไอ้สารเลว!” อภัสราเน้นเสียงลอดไรฟันพร้อมกับขย้ำสัญญาแล้วปาใส่หน้าเขา
อาเหม็ดลุกพรวดก้าวเพียงก้าวเดียวก็ดึงตัวหญิงสาวเข้ามาหาตัวเองได้แล้ว “อย่ามาทำตัวดัดจริตกับผมเพราะคุณจะเป็นอันตรายเสียเอง” เขาบีบที่ต้นแขนของเธอแรงๆ “อย่างคุณคงผ่านศึกมานับไม่ถ้วนแล้ว ใครๆก็รู้ว่าพี่ชายคุณบ้าการพนันขายได้หมดทุกอย่าง แล้วคุณก็คงโดนขายมานับไม่ถ้วนแล้วเหมือนกัน เพราะฉะนั้นอย่าทำตัวเป็นเด็กสาวที่ยังบริสุทธิ์อยู่เลย” คำพูดดูถูกและเสียดสีของเขาทำให้อภัสราเม้มปากแน่นก่อนจะเชิดหน้าขึ้นท้าทายอีกฝ่าย
“ถ้ารู้ก็ดีแล้วนี่ คุณโง่ซื้อฉันมาทำไมล่ะ สิบล้านบาทซื้อสาวบริสุทธิ์ได้ไม่รู้กี่คนเลยนะ ไม่คิดเลยว่าจะมีคนโง่ๆอย่างคุณหลงเข้ามาติดกับพี่ชายของฉันด้วย หึ หึ น่าสมเพช”
“หยุดนะ!” ชายหนุ่มตวาดเสียงดังลั่นพร้อมกับออกแรงบีบที่ต้นแขนของอีกฝ่ายแรงขึ้น อภัสราเม้มริมฝีปากเข้าหากันเพื่อไม่ให้เสียงร้องหลุดออกมาจากปากของเธอ สายตาของเขาวาวโรจน์ด้วยแรงโทสะ “อย่ามาด่าผมไม่งั้นคุณจะได้เจอดีแน่”
“ฉันไม่ยอมเป็นทาสของคุณหรอก ต่อให้ตายฉันก็ยอม” หญิงสาวตะโกนใส่หน้าเขา อาเหม็ดขบกรามแน่นเพื่อระงับความโกรธที่พลุ่งขึ้นมาเรื่อยๆ
“ผมไม่ยอมให้คุณตายง่ายๆแน่ ถ้ายังไม่คุ้มค่าเงินที่ผมสูญเสียไป” เขาผลักหญิงสาวให้ล้มลงไปบนเตียงแล้วโถมทับด้วยร่างหนาหนักของเขา
“นายท่านครับ” เสียงเรียกที่ดังขึ้นทางด้านหลังเหมือนกับเสียงสวรรค์ที่มาช่วยชีวิตเธอเอาไว้ ผู้เป็นนายจึงหันไปมองตาขวางและถามด้วยน้ำเสียงห้วนๆอย่างไม่พอใจ “อะไร!”
“อีกสิบห้านาทีจะถึงที่หมายแล้วครับ” อับลาฮิมรายงานแล้วโค้งให้เขาก่อนจะเดินออกไป